ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ศุลกสถาน"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Niranarm (คุย | ส่วนร่วม)
add detail J. Grassi's works
Niranarm (คุย | ส่วนร่วม)
add detail description of the building
บรรทัด 30:
[[ไฟล์:Old Customs House, Bang Rak (I).jpg|300px|thumb|right|ศุลกสถาน มุมมองจากฝั่งตรงข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งภายหลังเปลี่ยนเป็นที่ตั้งของตำรวจน้ำ ก็ได้มีการต่อเติมที่จอดเรือ บริเวณด้านหน้าอาคาร]]
 
'''ศุลกสถาน''' (โรงภาษีร้อยชักสาม หรือโรงภาษีเก่า ชาวแต้จิ๋วเรียกว่า '''ฟ้าซีกวน'''หรือ'''แป๊ะลั่นซา''' ซึ่งมีความหมายเดียวกัน<ref>ฺBloggang.com สายหมอกและก้อนเมฆ. ศุลกสถาน. 24 ตุลาคม 2555. https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=morkmek&month=24-10-2012&group=11&gblog=71 </ref>) เป็นอดีตอาคารที่ทำการของศุลกสถาน ([[กรมศุลกากร]]ในปัจจุบัน) ตั้งอยู่บนพื้นที่ประมาณ 4 ไร่ ริมฝั่ง[[แม่น้ำเจ้าพระยา]] ซอยเจริญกรุง 36 (โรงภาษี) ของ[[เขตบางรัก]] ติดกับสถานทูตฝรั่งเศส สร้างขึ้นระหว่างปี พ.ศ. 2429 ถึง พ.ศ. 2431 ซึ่งอยู่ในรัชสมัย[[พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว]] โดยพระยาภาสกรวงษ์ (พร บุนนาค) อธิบดีกรมศุลกากรคนแรก เป็นผู้กราบบังโคมทูลขอ เป็นอาคารสูง 3 ชั้น มีมุขกลางสูง 4 ชั้น ศิลปะโรมันคลาสสิค เป็นสถาปัตยกรรมทรง[[ลัทธิคลาสสิกใหม่|นีโอคลาสสิก]] และสมมาตรตามวิถีของ[[สถาปัตยกรรมแบบปัลลาดีโอ|ปัลลาดีโอ]] ([[:en:Palladian|Neo-Palladian]]) เป็นอาคาร 3 หลังเชื่อมต่อกันเป็นรูปตัว[[I|ไอ]] <ref name=นา/> ซึ่งได้รับการออกแบบและก่อสร้างโดย โยอาคิม กรัสซี ([[:en:Joachim Grassi|Joachim Grassi]] or Gioachino Grassi) [[สถาปนิก]][[ชาวอิตาลี]] สัญชาติออสเตรียน/ฝรั่งเศส ที่มีชื่อเสียงและมีผลงานมากมายในขณะนั้น (เช่น คองคอร์เดียคลับ, พระราชวังบางปะอิน, วัดนิเวศธรรมประวัติราชวรวิหาร, เรือนรับรองสถานฑูตโปรตุเกส, วังบูรพาภิรมย์, วังใหม่ประทุมวัน, โรงทหารหน้า, ป้อมพระจุลจอมเกล้าฯ, อาคารเก่าโรงเรียนอัสสัมชัญ, ตึกวิคตอเรียและตึกเสาวภาคที่ศิริราชพยาบาล, ธนาคารฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้, คุกมหัตโทษ<ref>"สถาปัตยกรรมของโยอาคิม กราซีในสยาม" วิทยานิพนธ์ของ นส.พิริยา พิทยาวัฒนชัย, มหาวิทยาลัยศิลปากร. พศ. 2554</ref>) ภายหลังสร้างเสร็จ ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในอาคารที่ทันสมัยที่สุดในสมัยนั้น<ref>[http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1382339781 "ศุลกสถาน" สตูดิโอมีชีวิต มรดกยุโรปในเมืองไทย], ประชาชาติธุรกิจ. วันที่ 21 ต.ค. 2556</ref>
 
ศุลกสถาน เดิมเป็นเรือนไม้สองชั้น เป็นที่อยู่ของฝรั่งชาวโปรตุเกส ชื่อนายเจ.เอน.เอฟ.ดาคอสตา รับราชการอยู่กรมศุลกากร มีบรรดาศักดิ์เป็นหลวงราชายสาธก (เป็นชื่อบรรดาศักดิ์ของกรมศุลกากร คู่กับขุนเสวกวรายุตถ์ ผู้เป็นน้องชาย) เมื่อหลวงราชายสาธกถึงแก่กรรมแล้ว ภรรยาแหม่มของหลวงราชายสาธก จึงอยู่ในที่นั้นต่อมา ภายหลัง ร้องทุกข์ขอเบี้ยบำนาญเลี้ยงชีพ โดยตกลงยกสิทธิ์ที่อยู่ให้แก่รัฐบาลเป็นการแลกเปลี่ยนกัน กรมศุลกากรจึงรื้อเรือนไม้สร้างเป็นตึกขึ้น เพื่อเป็นที่ทำการศุลกากร เนื่องจากตัวที่ทำการศุลกากร (Customs House) หรือโรงภาษีแต่เดิมนั้นไม่มี มีแต่เพียงด่านขนอนที่ตั้งเก็บอากรการผ่านเขต<ref>ศุลกสถาน :โรงภาษีร้อยชักสาม ภาค 2 by Ploypapat. 25 มิถุนายน พ.ศ. 2553. http://ploypapat.blogspot.com/2010/06/2_25.html</ref>
ผังของศุลกสถานเป็นรูปสี่เหลี่ยมยาวแผ่ขนานไปกับแม่น้ำเจ้าพระยา มีระเบียงทางเดินด้านหน้าซึ่งประกอบด้วยซุ้มหน้าต่างตลอดแนวอาคาร ชั้นล่างเป็นซุ้มสี่เหลี่ยมเรียบ ๆ ส่วนชั้น 2 และชั้น 3 เป็นซุ้มโค้ง ขอบระเบียงเป็นลูกกรงแก้วปูนปั้น มีเสาอิงเป็นระยะสลับกับแนวหน้าต่าง ช่วงกลางเป็นจั่ว รูปสามเหลี่ยมบรรจุนาฬิกาทรงกลมในจั่ว เหนือจั่วมีกระบังหน้าคล้ายมงกุฎปั้นเป็นตราแผ่นดิน<ref>''อรวรรณ บัณฑิตกุล'',[http://info.gotomanager.com/news/printnews.aspx?id=1759 อาคารศุลกสถาน อดีตที่ร่วงโรยริมแม่น้ำเจ้าพระยา], ผู้จัดการออนไลน์ .สิงหาคม 2544</ref> อาคารมีทรงคล้ายคลึงกับตึกเก่าของ[[โรงเรียนอัสสัมชัญ]] <i>(รื้อถอนไปแล้ว)</i> ซึ่งสร้างในช่วงเวลาและตั้งอยู่ใกล้เคียงกัน เนื่องจากสถาปนิกผู้ออกแบบก็เป็นคนเดียวกันด้วย
 
ผังของศุลกสถานศุลกสถาน ประกอบด้วยตึก 3 หลัง ตึกด้านเหนือวางแนวตั้งฉากกับแม่น้ำมีสองชั้นเป็นที่ทำการภาษีขาเข้าขาออก (มีตัวหนังสือ Import and Export Department ที่หน้าบันตัวตึก) ตึกกลางเป็นตึกใหญ่รูปสี่เหลี่ยมยาวแผ่ขนานไปกับแม่น้ำเจ้าพระยา มีระเบียงทางเดินด้านหน้าซึ่งประกอบด้วยซุ้มหน้าต่างตลอดแนวอาคาร ชั้นล่างเป็นซุ้มสี่เหลี่ยมเรียบ ๆ ส่วนชั้น 2 และชั้น 3 เป็นซุ้มโค้ง ขอบระเบียงเป็นลูกกรงแก้วปูนปั้น มีเสาอิงเป็นระยะสลับกับแนวหน้าต่าง ช่วงกลางชั้น 4 เป็นห้องโถงใหญ่ (ออกแบบเป็นที่เก็บเอกสาร) มียอดเป็นจั่ว รูปสามเหลี่ยมบรรจุนาฬิกาทรงกลมในจั่ว เหนือจั่วมีกระบังหน้าคล้ายมงกุฎปั้นเป็นตราแผ่นดิน<ref>''อรวรรณ บัณฑิตกุล'',[http://info.gotomanager.com/news/printnews.aspx?id=1759 อาคารศุลกสถาน อดีตที่ร่วงโรยริมแม่น้ำเจ้าพระยา], ผู้จัดการออนไลน์ .สิงหาคม 2544</ref> มีรูปปูนปั้นสิงห์สองข้าง อาคารมีทรงคล้ายคลึงกับตึกเก่าของ[[โรงเรียนอัสสัมชัญ]] <i>(รื้อถอนไปแล้ว)</i> ซึ่งสร้างในช่วงเวลาและตั้งอยู่ใกล้เคียงกัน เนื่องจากสถาปนิกผู้ออกแบบก็เป็นคนเดียวกันด้วย ตึกกลางมีสะพานไม้เชื่อมกับชั้นสองของทั้งตึกด้านเหนือและตึกด้านใต้ ส่วนตึกด้านใต้เป็นตึกยาวสองชั้นวางแนวตั้งฉากกับแม่น้ำ ใช้เป็นที่ทำการภาษีข้าวและไปรษณีย์ต่างประเทศ
 
ความงามของอาคารศุลกสถาน [[พระยาอนุมานราชธน]]บันทึกไว้ในหนังสือตำนานกรมศุลกากรว่า "สมัยนั้น ถ้านั่งเรือไปตามแม่น้ำเจ้าพระยา จะปรากฏตัวตึกกรมศุลกากรตั้งตระหง่านเด่นเห็นได้แต่ไกลด้วย เป็นตึกที่ตอนกลางสูงถึง 3 ชั้น ซึ่งในสมัยนั้นนอกจากกระทรวงกลาโหมแล้ว ดูเหมือนจะมีแต่ตึกกรมศุลกากรเท่านั้นที่เป็นตึกขนาดใหญ่ และสวยงาม..."<ref name=นา>''นารีนาฏ ภัยวิมุติ'', [http://www.siamrath.co.th/web/?q=%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A9-%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%95%E0%B8%A1%E0%B8%A3%E0%B8%94%E0%B8%81%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B4%E2%80%9C%E0%B8%A8%E0%B8%B8%E0%B8%A5%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%96%E0%B8%B2%E0%B8%99%E2%80%9D%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%A9%E0%B8%B5 รายงานพิเศษ/ อนาคต!มรดกชาติ“ศุลกสถาน”(โรงภาษี)], สยามรัฐ. 11 เมษายน 2556</ref>
 
ศุลกสถานแห่งนี้ นอกจากจะเป็นที่ทำการเก็บภาษีสินค้าขาเข้าที่เรียกว่า "ภาษีร้อยชักสาม"<ref>[http://www.myhappyoffice.com/index.php/2013/08/fire-station-bangruk/ สถานีดับเพลิงบางรักอลังการ..แนวยุโรปสถานที่เก่าแก่ 120 ปี], My Happy Office .วันที่ 28 ส.ค. 2556</ref> แล้ว ยังสมัยพระวรงค์เธอพระองค์เจ้าพร้อมพงศ์อธิราช เป็นอธิบดีกรมศุลกากร ก็เคยใช้ศุลกสถาน เป็นสถานที่ที่จัดเลี้ยงและเต้นรำของเชื้อพระวงศ์และชาวต่างชาติ ในสมัยนั้นงานเฉลิมพระชนม์พรรษา 2 - 3 ครั้ง รวมทั้งเป็นที่จัดเลี้ยงงานสมโภช เมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จนิวัติพระนครจากการเสด็จประพาสยุโรปครั้งคราวแรกด้วย จนกระทั่งเมื่อปี พ.ศ. 2502 สถานที่แห่งนี้ปรับบทบาทเป็นที่ทำการของสถานีตำรวจดับเพลิงบางรัก จนมักเรียกกันว่า "สถานีดับเพลิงบางรัก" อยู่เป็นระยะเวลายาวนานกว่า 60 ปี ก่อนจะย้ายออกไป ปัจจุบันเป็นตึกร้างและเป็นทางผ่านไปที่ทำการตำรวจน้ำ
 
ต่อมา ในปี พ.ศ. 2497 ที่ทำการศุลกากร ได้ย้ายไปบริเวณท่าเรือคลองเตย ศุลกสถานก็เปลี่ยนมาเป็นที่ทำการตำรวจน้ำ (ศุลการักษ์ หรือโบลิศน้ำ ภายหลังเรียกว่าพลตระเวน แล้วต่อมาเรียกตำรวจนครบาล หรือเรียกสั้นๆ ว่าตำรวจ มีหน้าที่ในทางน้ำคล้ายตำรวจนครบาล) จนกระทั่งเมื่อปี พ.ศ. 2502 สถานที่แห่งนี้ปรับบทบาทเป็นที่ทำการของสถานีตำรวจดับเพลิงบางรัก<ref>Checkinถิ่นสยาม. จาก “โรงภาษีร้อยชักสาม” จนมาเป็น สถานีตำรวจดับเพลิงบางรัก. February 23, 2015. http://checkinsiam.blogspot.com/2015/02/blog-post_85.html </ref> จนมักเรียกกันว่า "สถานีดับเพลิงบางรัก" อยู่เป็นระยะเวลายาวนานกว่า 60 ปี ก่อนจะย้ายออกไป ปัจจุบันเป็นตึกร้างและเป็นทางผ่านไปที่ทำการตำรวจน้ำ
 
ปัจจุบันอาคารศุลกสถานกำลังจะได้รับการปรับปรุงเป็นโรงแรมในเครืออามันรีสอร์ท โดยกำหนดเปิดให้บริการในปี พ.ศ. 2568<ref>[http://www.komchadluek.net/news/breaking-news/373008 "ยู ซิตี้" ทุ่ม 3,000 ล้าน พัฒนาโรงภาษีร้อยชักสาม]</ref>
 
== อ้างอิง ==
{{รายการอ้างอิง}}