'''ประการแรก''' พัฒนาการทางด้านอารมณ์และจิตใจ หากเรานึกถึงช่วงเวลาที่เด็กคนหนึ่งอยู่ในท้องแม่ ภาษาที่เด็กได้ยินในขณะที่แม่ตั้งครรภ์ เป็นภาษาที่มีบทบาทสำคัญต่อการหล่อหลอมความคิดและอารมณ์ของเด็กคนนั้น นักจิตวิทยาเด็กกล่าวว่า การรับรู้เรื่องราวของเด็กจะเริ่มต้นจากภาษาแรกที่แม่ใช้ ความรู้สึกแรก ความสุข ความกลัว และคำพูดคำแรกของเด็กจะสื่อสารได้ด้วยภาษาแม่ ดังนั้น ภาษาแม่จึงมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการสร้างกรอบความคิด อารมณ์ และทัศนคติที่มีต่อโลกของเด็กคนหนึ่ง ความผูกพันของเด็กกับพ่อแม่ (โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ “แม่”) จะเกิดขึ้นได้จากการแสดงออกซึ่งความรัก ความเมตตา ผ่านภาษาที่แม่ใช้ ภาษาแม่ถ่ายทอดไปถึงหัวใจของลูก ทำให้ลูกเกิดความรักและเชื่อมั่นศรัทธาในตัวแม่ เนลสัน แมนเดลากล่าวว่า “If you talk to a man in a language he understands, that goes to his head. If you talk to him in his language, that goes to his heart.” นั่นหมายความว่า การสื่อสารกับคนคนหนึ่งด้วยภาษาแม่ที่เขาใช้ มีบทบาทอย่างยิ่งต่อการเข้าไปสัมผัสถึงจิตใจของคนคนนั้น
'''ประการที่สอง''' ภาษาแม่เป็นเครื่องมือแสดงเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมของลูก ภาษาแม่จะเป็นตัวเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างเด็กคนหนึ่งกับวัฒนธรรมของสังคมนั้น และสร้างให้เด็กรู้จักตัวเอง เด็กที่ไม่รู้จักภาษา วัฒนธรรม และประวัติศาสตร์ที่มาของชนชาติที่ตนถือกำเนิด จะสูญเสียความเชื่อมั่นและความศรัทธาในตัวเอง ครอบครัวและสังคม รวมทั้งชนชาติที่ตนถือกำเนิดมา จากงานวิจัยของ Intercultural Development Research Association (IDRA) ซึ่งทำการวิจัยเกี่ยวกับการศึกษาในประเทศสหรัฐอเมริกามากว่า 40 ปี กล่าวถึงความสำคัญของภาษาแม่ว่า ช่วยให้เด็กมองเห็นความเป็นตัวตน (Identity) ที่แท้จริงของตัวเอง และเห็นคุณค่าของมรดกทางวัฒนธรรมที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษ การเห็นคุณค่าของเอกลักษณ์และความเป็นตัวตนนี้จะช่วยเสริมสร้างให้เขามีมุมมองที่ดีต่อตนเองและบุคคลแวดล้อมที่อยู่เคียงข้าง ทั้งพ่อแม่ ครูอาจารย์ และปู่ย่าตายาย และสร้างนิสัยให้เขาไม่ดูถูกคนอื่นที่มีสถานะทางสังคมต่ำต้อยกว่า