ผลต่างระหว่างรุ่นของ "นวัตกรรม"
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
บรรทัด 90:
'''การจัดการทรัพยากรมนุษย์มีการทำงานที่เป็นรูปธรรม หรือ Project หรือ Action Plan''' '''สามารถทำได้'''
'''อย่างไร?''' นวัตกรรมจะเกิดได้จะต้องเกิดจากการสร้างกระบวนการที่สามารถจับต้องได้ และนำมาใช้ก่อให้เกิดเป็นรูปธรรมได้ ดังนั้นจากคำว่า กระบวนการ จัดอยู่ในเส้นทางที่เรียกว่ากลางน้ำ (Middle-Steam) เป็นกระบวนการในการทำหรือขั้นตอนในการนำไปสู่เป้าหมายที่วางไว้ของนวัตกรรมนั้น ประกอบด้วยการนำความรู้ที่จะต้องคำนึงถึง เช่น 5K, 8K, 4L, 2R และ 3Q เป็นต้น ในการสร้างเป็นโครงการ (Projects) หรือ แผนปฏิบัติการ (Action Plan)สามารถทำได้โดยการนำโครงการต่างๆ นำเสนอต่อผู้บริหารระดับสูงหรือ CEO ขององค์กรนั้น เช่น โครงการการพัฒนาบุคลากรนวัตกรรมในองค์กร (Innovation Human Development Project) มีระยะเวลาของโครงการ 3 เดือนโดยมีบุคลากรในฝ่ายต่างๆ เข้าร่วม และจัดทำเป็นแผน
- คัดเลือกบุคลากรจากฝ่ายต่างๆ ที่เหมาะสม
บรรทัด 206:
|-
|2.Google AI Chipset
|แน่นอนว่าระบบ AI จำเป็นต้องมีระบบพิเศษที่จะต้องออกมารองรับ ไม่ว่าจะเรื่องของพื้นที่หน่วยความจำ ซึ่ง Google มีเทคโนโลยี Cloud ในระดับโลก แต่การประมวลผลก็เป็นสิ่งสำคัญ นั่นทำให้ Google ต้องสร้างชิปสำหรับการประมวลผลของ AI ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ด้วยการสร้างชิปเซ็ต Tensor Processing ในระบบของ Google ยิ่งชัดเจนว่าอนาคตการประมวลผลของ AI ในสมาร์ทโฟนจะสามารถทำได้เร็วมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม 3.App Google Assistant on iPhone ภาพจาก goo.gl/4meLYK ใครที่ใช้ iPhone ก็คงจะรู้ดีว่า ระบบ AI ของ Apple อย่าง Siri เป็นเอกลักษณ์ของสมาร์ทโฟนแบรนด์นี้ไปแล้ว แต่ Google ก็ยังพยายามเจาะเข้าถึงคนกลุ่มนี้ โดยเตรียมเปิด
|[[ไฟล์:AI CHIP SET OF GOOGLE.jpeg.jpg|thumb|AI CHIPSET|link=Special:FilePath/AI_CHIP_SET_OF_GOOGLE.jpeg.jpg]]<br />
|-
|4.Google Home Call
|ภาพจากในเวลาอีกไม่กี่เดือนจากนี้ไป Google เตรียมพัฒนาอุปกรณ์ Google Home ให้มีคุณลักษณะพิเศษ ด้วยการเพิ่ม
<br />
|[[ไฟล์:App google Assist บน Iphone.jpg|thumb|Application google Assist บน Iphone|link=Special:FilePath/App_google_Assist_บน_Iphone.jpg]]<br />
|-
|5.VR Headsets
|นอกจากเรื่องของระบบ AI แล้ว Google ยังได้เตรียมพัฒนาอุปกรณ์ที่เรียกว่า VR ที่เชื่อกันว่าเป็นเทคโนโลยีที่จะเปลี่ยนโลกนี้ ซึ่ง Google เตรียมพัฒนา VR ให้เป็นแบบ Standalone โดยไม่ต้องเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ใดๆเพื่อไม่ให้มีสายระโยงระยางต่างๆ รอบตัวโดยอาศัยการควบคุมด้วยท่าทางการเคลื่อนไหวที่เรียกระบบนี้ว่า WorldSense จากข้อมูลเหล่านี้เชื่อได้ว่าไม่ใช่เพียงแต่ Google เท่านั้นที่จะสร้างสีสันน่าสนใจในยุค AI อีกหลายค่ายยักษ์ใหญ่ในโลกไอทีต่างก็พัฒนาสินค้าและบริการตัวเองให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงนี้เห็นท่าว่าโลกอนาคตที่เราเคยเห็นกันใน
|[[ไฟล์:VR Headset.jpeg.jpg|thumb|'''VR Headset.jpeg.jpg''' |link=Special:FilePath/VR_Headset.jpeg.jpg]]<br />
|}
|