ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ลิโอเนล เมสซิ"
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ล บาร์เซโลน่า→บาร์เซโลนา |
ล เ[กคฆ]ตาเฟ่?→เฆตาเฟ |
||
บรรทัด 99:
เมื่อวันที่ 11 มีนาคม เมสซิแสดงฝีมือเต็มตัวอีกครั้ง โดยการโชว์ฟอร์มมหัศจรรย์ ยิงแฮตทริกได้ในการแข่งขัน[[เอลกลาซิโก]] ทั้งที่ผู้เล่นของบาร์เซโลนาเหลือ 10 คนในสนามตั้งแต่ยังไม่จบครึ่งแรก ช่วยให้บาร์เซโลนายันเสมอกับเรอัลมาดริดไป 3–3 ประตู และเป็นผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำนัดในนัดนั้น ประตูสุดท้ายที่ตีเสมอนั้น เขาวิ่งไปรับบอลจาก[[รอนัลดีนโย]] 5 หลาจากกรอบเขตโทษ และเลี้ยงลากหลบผู้เล่นเรอัลมาดริดเข้าไปในกรอบเขตโทษ ก่อนซัดบอลผ่านมืออิเคร์ กาซียาสผู้รักษาประตูเข้าไปอย่างสวยงาม <ref>https://www.theguardian.com/football/2007/mar/11/match.sport</ref><ref>{{cite news|url=http://www.independent.co.uk/sport/football/european/barcelona-3-real-madrid-3-magical-messi-is-barcelonas-hero-439788.html|title=Magical Messi is Barcelona's hero|last = Hayward | first = Ben |publisher= The Independent |date= 11 March 2007 |accessdate= 30 May 2009 | location=London}}</ref>
[[ไฟล์:Lionel Messi goal 19abr2007.jpg|thumb|left|200px|เมสซิทำประตูในนัดแข่งกับ
การทำแฮตทริกในครั้งนี้ ทำให้เขาเป็นนักเตะคนแรกนับตั้งแต่ [[อีบัน ซาโมราโน]] (เรอัลมาดริด ในฤดูกาล 1994–95) ที่ทำแฮตทริกได้ในเกมเอลกลาซิโก หลังจากจบเกมนี้เมสซิก็เป็นที่กล่าวขวัญ และชื่นชมเป็นอย่างมาก ในฐานะนักเตะดาวรุ่งอายุเพียง 19 ปี แต่สามารถทำแฮตทริกได้ในเกมใหญ่อย่าง[[เอลกลาซิโก]] <ref>{{cite news |url=http://www.fifa.com/worldfootball/clubfootball/news/newsid=113101.html |title=Inter beat AC, Messi headlines derby |date= 11 March 2007 |publisher=FIFA |accessdate= 30 May 2009}}</ref>
จากนั้นไล่ไปจนจบฤดูกาลเขาทำประตูได้มากขึ้นเรื่อย ๆ 11 ประตูในจาก 14 นัด มาจาก 13 นัดสุดท้ายของฤดูกาล<ref>{{cite news |url=http://soccernet.espn.go.com/players/gamelog?id=45843&season=2006&cc=5739 |title= Lionel Messi 2006/07 season statistics |publisher=ESPN Soccernet |accessdate= 3 June 2009}}</ref>
เมสซิยังพิสูจน์ถึงความเป็น "[[ดิเอโก มาราโดนา|มาราโดนา]]คนใหม่" ที่ไม่ใช่คำพูดเกินจริง โดยเกือบจะโด่งดังเท่ามาราโดนา ในการทำประตูในฤดูกาลเดียวกัน<ref name="maradonalike">{{cite news |url=http://www.telegraph.co.uk/sport/football/european/2311407/The-greatest-goal-ever.html |title=The greatest goal ever? |date= 20 April 2007 |publisher= Daily Telegraph | last = Lowe| first = Sid | accessdate= 7 July 2009 | location=London}}</ref> เมื่อวันที่ 18 เมษายน ค.ศ. 2007 เขายิง 2 ประตูใน[[โกปาเดลเรย์]] ในรอบรองชนะเลิศที่แข่งกับ[[สโมสรฟุตบอล
ในงานแถลงข่าวหลังการแข่งขัน เพื่อนร่วมทีม [[เดโก]] พูดว่า "เป็นการทำประตูที่ดีที่สุด ที่ผมเคยเห็นในชีวิตของผม"<ref>{{cite news |url=http://www.telegraph.co.uk/sport/main.jhtml?xml=/sport/2007/04/20/sfnmes20.xml |title=The greatest goal ever? |last=Lowe |first=Sid |publisher= Daily Telegraph |date= 20 April 2007 |accessdate= 7 May 2007 | location=London}}</ref> ในการแข่งกับ[[แอร์ราเซเด อัสปัญญอล]] เมสซิทำประตูที่คล้ายกับ "[[หัตถ์พระเจ้า]]" ของมาราโดนา ในฟุตบอลโลกนัดแข่งกับทีมชาติอังกฤษรอบก่อนชิงชนะเลิศ เมสซิดีดตัวไปที่ลูกบอลและใช้มือของเขายิงประตูผ่านผู้รักษาประตู[[Idriss Carlos Kameni|คาร์ลอส คาเมนี]] (Carlos Kameni)<ref name="Hand of Messi">{{cite news | url=http://www.timesonline.co.uk/tol/sport/football/european_football/article1910271.ece |title=Hand of Messi saves Barcelona |last=Mitten |first=Andy |publisher= Times Online |date= 10 June 2007 |accessdate=12 January 2008 | location=London}}</ref> และถึงแม้ว่าผู้เล่นของอัสปัญญอลจะประท้วงและภาพช้าจากโทรทัศน์แสดงให้เห็นว่าเป็นแฮนด์บอล แต่ผู้ตัดสินก็ยังถือว่าเป็นประตู<ref name="Hand of Messi"/>
บรรทัด 124:
เมสซิได้รับคะแนนโหวตเป็นลำดับที่ 2 ในรางวัลผู้เล่นแห่งปีของฟีฟ่า (FIFA World Player of the year) ปี 2008 ด้วยคะแนน 678 คะแนน<ref name="Gala 2008"/> และได้รับเสียงโหวตเป็นลำดับ 2 ในการประกาศรางวัล[[บัลลงดอร์]] ปี 2008 เช่นเดียวกัน เป็นปีที่ 2 ติดต่อกันที่เขาติดอันดับผู้เข้าชิง 3 คนสุดท้าย
เมสซิยิงแฮตทริกแรกในปี ค.ศ. 2009 ในโกปาเดลเรย์ ในนัดแข่งกับอัตเลติโกมาดริด โดยบาร์เซโลนาชนะไป 3-1<ref>{{cite news|url=http://www.shanghaidaily.com/sp/article/2009/200901/20090107/article_387234.htm|title=Messi scores hat trick in Barca's 3–1 win over Atletico|publisher= Shanghai Daily |date= 7 January 2009 |accessdate= 29 May 2009}}</ref> เมสซิยิงอีกประตูสำคัญ 2 ประตู เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2009 โดยลงมาในฐานะตัวสำรองในครึ่งหลัง ช่วยให้บาร์เซโลนาชนะราซิงซานตันเดร์ 1–2 หลังจากที่ตามอยู่ 1–0 และประตูการยิงที่ 2 ของเขาถือเป็นประตูที่ 5000 ในลีกของสโมสรบาร์เซโลนา<ref>{{cite web | url = http://www.google.com/hostednews/afp/article/ALeqM5iZaLqalXOwOJ2FwjihA3svGql1Mw | title = Supersub Messi fires 5,000-goal Barcelona to comeback victory | publisher = AFP | date = 1 February 2009 | accessdate = 1 February 2009}}</ref> ในการแข่งครั้งที่ 29 ในลาลิกา เมสซิยิงประตูที่ 30 ของฤดูกาล นับในทุกการแข่งขัน ทำให้ทีมชนะ 6–0 ต่อ[[สโมสรฟุตบอลมาลากา]]<ref>{{cite news|url=http://english.aljazeera.net/sport/2009/03/2009322164115611397.html|title=Barcelona hit Malaga for six|publisher=Al Jazeera English|date= 23 March 2009 |accessdate= 2 June 2009}}</ref> เมื่อวันที่ 8 เมษายน ค.ศ. 2009 เขายิง 2 ประตูในนัดแข่งกับ[[สโมสรฟุตบอลบาเยิร์น มิวนิค]] ในแชมเปียส์ลีก เขายิงเป็นประตูที่ 8 ในการแข่งถ้วยนี้<ref>{{cite news|url=http://www.usatoday.com/sports/soccer/2009-04-09-2372732048_x.htm|title=Barcelona returns to earth with league match|publisher= USA Today |date= 9 April 2009 |accessdate= 7 July 2009|last=Logothetis|first=Paul}}</ref> เมื่อวันที่ 18 เมษายน เมสซิยิงประตูที่ 20 ของฤดูกาลในนัดชนะ
เมื่อใกล้จบฤดูกาล เมสซิยิง 2 ประตู (ประตูที่ 35 และ 36 ในทุกการแข่งขัน) นำ 6–2 ชนะเหนือเรอัลมาดริด ที่สนาม[[ซานเตียโก เบร์นาเบว]]<ref>{{cite news|url=http://www.guardian.co.uk/football/2009/may/02/la-liga-real-madrid-barcelona|title=Barcelona run riot at Real Madrid and put Chelsea on notice|last=Lowe|first=Sid|publisher= The Guardian |date= 2 May 2009 |accessdate= 31 May 2009 | location=London}}</ref> ที่ถือเป็นการแพ้มากที่สุดของเรอัลมาดริดตั้งแต่ ค.ศ. 1930<ref>{{cite news|url=http://www.goal.com/en/news/12/spain/2009/05/03/1244468/real-madrid-fan-poll-says-barcelona-loss-is-most-painful-in-club|title=Real Madrid Fan Poll Says Barcelona Loss Is Most Painful In Club History|last=Macdonald|first=Paul|publisher=Goal.com|date= 3 May 2009 |accessdate= 31 May 2009}}</ref> หลังยิงประตู เขาวิ่งไปหาเหล่าคนดูและกล้อง และแสดงเสื้อบาร์เซโลนาและแสดงเสื้อทีเชิร์ตอีกตัวที่เขียนว่า ''Síndrome X Fràgil'' เป็นภาษากาตาลาหมายถึง [[กลุ่มอาการโครโมโซมเอกซ์เปราะบาง]] (Fragile X syndrome) เพื่อแสดงการสนับสนุนต่อเด็กที่ป่วยจากอาการดังกล่าว<ref>{{cite news|url=http://www.goal.com/en/news/12/spain/2009/05/02/1242691/what-lionel-messis-t-shirt-at-the-bernabeu-meant|title=What Lionel Messi's T-Shirt At The Bernabeu Meant|publisher=Goal.com|last=Macdonald|first=Ewan|date= 2 May 2009|accessdate= 2 June 2009}}</ref>
บรรทัด 176:
เมื่อวันที่ 19 กันยายน ค.ศ. 2010 เมสซิได้รับอาการบาดเจ็บบริเวณข้อเท้าเนื่องจากการเข้าแย่งลูกจากกองหลัง[[สโมสรฟุตบอลอัตเลติโกมาดริด]] [[โตมัส อุยฟาลูซี]] (Tomáš Ujfaluši) ในนาทีที่ 92 ในนัดที่ 3 ที่[[สนามกีฬาบิเซนเต กัลเดรอน]] โดยเริ่มแรกนั้นเกรงว่าเมสซิจะบาดเจ็บจากข้อเท้าแตกและทำให้เขาไม่สามารถลงแข่งได้อย่างน้อย 6 เดือน แต่จากผลเอ็มอาร์ไอแสดงให้เห็นในวันถัดไปในบาร์เซโลนาว่า เกิดการเคล็ดที่เอ็นภายในและภายนอกที่ข้อเท้าขวา<ref>{{cite web|url=http://www.fcbarcelona.cat/web/english/noticies/futbol/temporada10-11/09/20/n100920113021.html|title=Messi injured|publisher=FCBarcelona.cat|date= 20 September 2010 |accessdate= 22 September 2010}}</ref> เพื่อนร่วมทีม ดาบิด บิยา ออกมากล่าวว่า "การเข้าแย่งลูกปะทะเมสซิเป็นสิ่งที่หยาบคาย" หลังจากดูวิดีโอที่เล่นแล้ว เขายังเชื่อว่า "ไม่ได้กระแทกให้เจ็บ"<ref>{{cite web|url=http://www.fcbarcelona.cat/web/english/noticies/futbol/temporada10-11/09/20/n100920113025.html|title=Villa on Messi's injury|publisher=FCBarcelona.cat|date= 20 September 2010|accessdate= 22 September 2010}}</ref> จากเหตุนี้ทำให้สื่อวิพากษ์วิจารณ์กันไปทั่วและนำไปสู่การถกเถียงเรื่องความเท่าเทียมกันในการปกป้องผู้เล่นในเกม
เมื่อเมสซิหายดีแล้ว เขายิงประตูในนัดเสมอกับ[[เอร์เรเซเดมายอร์กา]] 1–1 จากนั้นยิงอีก 1 ประตูในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก นัดเจอกับ[[สโมสรฟุตบอลโคเปนเฮเกน]] ช่วยให้ทีมชนะในบ้าน 2–0<ref>{{cite web | url = http://www.goal.com/es-la/match/50397/barcelona-vs-copenhague/report Barcelona 2–0 | title = Champions: Messi pone al Barcelona como líder de su grupo (2–0) | publisher = Goal.com | date = 20 October 2010 | accessdate = 20 October 2010}}</ref> เขายังคงยิงประตูอย่างต่อเนื่อง ในนัดเจอกับซาราโกซาและเซบิยา เมื่อเริ่มเดือนพฤศจิกายนเขายิงประตูโดยไปเยือนโคเปนเฮเกน เสมอ 1–1 และไปเยือน[[สโมสรฟุตบอล
ในนัด[[เอลกลาซิโก]]เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน เมสซิยิงประตูช่วยให้บาร์เซโลนาชนะ 5–0 และเมสซิยังช่วยส่งลูกยิงประตูให้กับบิยา 2 ครั้ง<ref>{{cite web | url = http://www.sport.es/default.asp?idpublicacio_PK=44&idioma=CAS&idnoticia_PK=731648&idseccio_PK=1402 | title = El Barça humilla al Madrid con otra 'manita' histórica | publisher = www.sport.es | date = 29 November 2010 | accessdate = 29 November 2010}}</ref> ในนัดถัดมาเขาทั้งยิงและช่วยจ่ายลูกยิงให้นัดเจอกับโอซาซูนา<ref>{{cite web | url = http://www.sport.es/default.asp?idpublicacio_PK=44&idioma=CAS&idnoticia_PK=732026&idseccio_PK=803 | title = El Barça, sin bajar del autocar | publisher = www.sport.es | date = 4 December 2010 | accessdate = 4 December 2010}}</ref> เขาตอกย้ำรอยเดิมโดยการยิงประตูในนัดแข่งกับ[[เรอัลโซเซียดัด]]<ref>{{cite web | url = http://www.sport.es/default.asp?idpublicacio_PK=44&idioma=CAS&idnoticia_PK=732565&idseccio_PK=803 | title = De manita en manita se va a por la Liga | publisher = www.sport.es | date = 12 December 2010 | accessdate = 12 December 2010}}</ref>ในนัดดาร์บีที่แข่งกับแอร์ราเซเด อัสปัญญอล บาร์เซโลนาชนะ 1-5 เขาช่วยส่งจ่ายลูกยิงให้กับเปโดรและบิยา คนละหนึ่งประตู<ref>{{cite web | url = http://www.sport.es/default.asp?idpublicacio_PK=44&idioma=CAS&idnoticia_PK=733024&idseccio_PK=803&h= | title = Messi, 17 goles y 9 asistencias | publisher = www.sport.es | date = 19 December 2010 | accessdate = 19 December 2010}}</ref> ประตูแรกในปี ค.ศ. 2011 ของเขา แข่งกับ[[เดปอร์ตีโบเดลาโกรุญญา]] ยิงจากลูกฟรีคิก ในนัดที่ชนะ 4–0 โดยการไปเยือน ซึ่งเขาก็ยังช่วยยิงลูกจ่ายประตูให้กับทั้งเปโดรและบิยาอีกครั้ง<ref>{{cite web | url = http://www.sport.es/default.asp?idpublicacio_PK=44&idioma=CAS&idnoticia_PK=734249&idseccio_PK=803 | title = Otro recital de campeón | publisher = www.sport.es | date = 8 January 2011 | accessdate = 9 January 2011}}</ref>
บรรทัด 318:
วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2016 เกมยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดเยือนกับทีม[[อาร์เซนอล]] เมสซิสามารถทำประตูผ่านนายทวารมือเก๋า [[ปีเตอร์ เช็ก]] ได้เป็นครั้งแรก หลังจากเคยพบกันมา 6 ครั้งก่อนหน้านี้ โดยนัดนี้เมสซิเหมายิงคนเดียว 2 ประตู เป็นผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำนัดของเกมนี้
วันที่ 13 มีนาคม 2016 เมสซิทำสถิติทาบ ฆวน โรมัน ริกวัลเม ในสถิติทำแอสซิสต์สูงสุด 247 แอสซิสต์ (รวมสโมสรและทีมชาติ) ในเกมเจอกับ
วันที่ 17 เมษายน 2016 เมสซิทำประตูที่ 500 ในการแข่งขันเป็นทางการได้ นับรวมทั้งสโมสรและทีมชาติ ในเกมลีก นัดเปิดบ้านรับบาเลนเซีย
|