ผลต่างระหว่างรุ่นของ "โชเซ มูรีนโย"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Txp158 (คุย | ส่วนร่วม)
OctraBot (คุย | ส่วนร่วม)
แชมเปี้ยนส์ลีก→แชมเปียนส์ลีก
บรรทัด 108:
เขาคว้าแชมป์ถ้วยแรกของปีด้วยการเอาชนะ[[สโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูล|ลิเวอร์พูล]] [[:en:2005 Football League Cup Final|3–2]] ([[หลังต่อเวลาพิเศษ]]) ที่[[คาร์ดิฟฟ์]] ในการแข่งขัน[[:en:2004–05 Football League Cup|ลีกคัพ]] โดยในช่วงท้ายของการแข่งขันมูรีนโยถูกนำตัวออกจากข้างสนาม หลังจากวางปลายนิ้วชี้บนริมฝีปากและหันไปในทิศทางของแฟนคลับของลิเวอร์พูลในลักษณะที่เป็นการตอบสนองต่อการเยาะเย้ยที่แฟนคลับของลิเวอร์พูลแสดงออกมาในช่วงที่ลิเวอร์พูลกำลังเป็นฝ่ายนำ (ก่อนที่จะมีการยิงประตูตีเสมอ)
 
เชลซีพบกับ[[สโมสรฟุตบอลบาร์เซโลนา|บาร์เซโลนา]]ในการแข่งขันแชมเปียนส์ลีกรอบ 16 ทีมสุดท้าย โดยในนัดแรกเป็นการแข่งขันที่เต็มไปด้วยข้อพิพาทและทีมสิงโตน้ำเงินครามแพ้ในฐานะทีมเยือนด้วยคะแนน 2-1 แต่ในนัดต่อมาทีมสามารถทำแต้มรวมได้ 4-2 เป็นผลให้สามารถผ่านเข้ารอบต่อไป มูรีนโยพลาดโอกาสในการชนะแชมเปี้ยนส์มเปียนส์ลีกสองปีซ้อนเมื่อเชลซีพ่ายแพ้ต่อลิเวอร์พูลในรอบรองชนะเลิศด้วยคะแนน 1-0 และสร้างความเกรียวกราวด้วยประโยค "ประตูผี" (ghost goal) และ "ประตูที่มาจากดวงจันทร์" (It was a goal that came from the moon) ซึ่งเป็นคะแนนเดียวของการแข่งขันโดยผู้ตัดสินยกให้กับการยิงของ[[ลุยส์ การ์ซีอา ซานซ์]]
 
มูรีนโยสามารถทำให้เชลซีได้[[:en:List of English football champions|แชมป์พรีเมียร์ลีก]]เป็นครั้งที่สองในรอบ 50 ปี ในขณะเดียวกันก็ได้สร้างสถิติใหม่ ๆ ใน[[:en:Football records in England|การแข่งฟุตบอลของอังกฤษ]] เช่น การทำคะแนนได้สูงสุดในพรีเมียร์ลีก (95) และการถูกทำประตูได้น้อยที่สุด (15)
บรรทัด 120:
[[:en:2006–07 Chelsea F.C. season|ฤดูกาล 2006–07]] เป็นช่วงเวลาที่สื่อประโคมข่าวว่าจะมูรีนโยอาจจะออกจากสโมสรหลังปิดฤดูกาลแข่งขัน เนื่องจากมีการกล่าวหาว่าเขามีความสัมพันธ์ไม่ดีกับเจ้าของสโมสรโรมัน อับราโมวิช ร่วมถึงมีการแย่งชิงอำนาจกับผู้อำนวยการด้านกีฬา (sporting director) [[:en:Frank Arnesen|Frank Arnesen]] และที่ปรึกษาของอับราโมวิช [[:en:Piet de Visser (football manager)|Piet de Visser]] ในเวลาต่อมามูรีนโยได้เคลียร์ข้อสงสัยเกี่ยวกับอนาคตของเขาที่[[สนามกีฬาสแตมฟอร์ดบริดจ์|สแตมฟอร์ดบริดจ์]] โดยระบุว่ามีเพียงแค่สองทางที่จะทำให้เขาต้องจากเชลซีคือ (1) ถ้าเชลซีไม่เสนอสัญญาฉบับใหม่ให้ในเดือนมิถุนายน 2010 และ (2) ถ้าเชลซีไล่เขาออกจากตำแหน่ง<ref>{{cite web|date=24 February 2007 |url=http://www.chelseafc.com/page/NewsHomePage/0,,10268~986873,00.html |title=Jose:Respect for fans; Respect for Carling Cup |publisher=[[Chelsea FC]] |accessdate=24 February 2007 |deadurl=yes |archiveurl=https://web.archive.org/web/20070403194024/http://www.chelseafc.com/page/NewsHomePage/0%2C%2C10268~986873%2C00.html |archivedate= 3 April 2007 |df= }}</ref>
 
การเซ็นสัญญาซื้อตัวศูนย์หน้าชาวยูเครน อันดรีย์ เชฟเชนโค ในช่วงฤดูร้อนของปี 2006 โดยมีค่าใช้จ่ายซึ่งเป็นสถิติใหม่ของสโมสรน่าจะเป็นอีกหนึ่งจุดที่ทำให้เกิดการโต้แย้งระหว่างมูรีนโย และ อับราโมวิช ในขณะที่เกิดการเซ็นสัญญาซื้อขาย เชฟเชนโคถือเป็นหนึ่งในกองหน้าที่ได้รับการยกย่องมากที่สุดในยุโรปโดยเวลานั้นเขาอยู่กับ[[เอซี มิลาน|มิลาน]]ซึ่งเป็นสโมสรที่เขาชนะแชมเปี้ยนส์ลีกมเปียนส์ลีก และได้รางวัลนักเตะเช่น [[:en:Scudetto|สคูเดตโต]] และ [[นักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของทวีปยุโรป|บาลงดอร์]] เชลซีเคยพยายามเซ็นสัญญากับเชฟเชนโคในช่วงสองปีก่อนหน้านี้แต่มิลานปฏิเสธที่จะรับข้อเสนอของอับราโมวิช อย่างไรก็ดีฤดูกาลแรกของเชฟเชนโคที่เชลซีถูกมอง (โดยแฟนคลับ) ว่าเขาเป็นความน่าผิดหวังอย่างใหญ่หลวงเนื่องจากทำได้เพียง 4 ประตูจากการแข่งขันทั้งหมด 14 นัด
 
[[ไฟล์:JoseMourinho.jpg|thumb|upright|มูรีนโยขณะทำงานให้กับ[[สโมสรฟุตบอลเชลซี|เชลซี]]ในปี 2007]]
นอกจากนั้นในปีนี้เป็นปีที่ ดีดีเย ดรอกบา คู่ขาของเชฟเชนโคสามารถยิงประตูได้มากที่สุดในอาชีพนักฟุตบอลจึงเป็นเหตุให้เชฟเชนโคตกจากตำแหน่งกองหน้าตัวจริงในท้ายฤดูกาล ในการแข่งขัน[[:en:2006–07 UEFA Champions League|แชมเปียนส์ลีก]]รอบรองชนะเลิศกับลิเวอร์พูลที่[[แอนฟิลด์]] มีการสังเกตว่าเชฟเชนโคไม่ได้แม้แต่จะมีชื่ออยู่บนม้านั่งข้างสนาม การเรียกร้องของอับราโมวิชที่จะให้มูรีนโยส่งนักเตะชาวยูเครนผู้นี้ลงเล่นถูกมองว่าเป็นอีกหนึ่งจุดที่ส่งเสริมความขัดแย้งระหว่างชายสองให้มากยิ่งขึ้น นักเตะคนใหม่ที่ได้รับความสนใจสูงนอกเหนือจากเชฟเชนโคคือ กัปตันชาวเยอรมัน[[มิชาเอล บัลลัค]] ซึ่งเป็นผู้เล่นที่ไม่ติดสัญญากับทีมอื่น (free agent) จาก[[สโมสรฟุตบอลบาเยิร์นมิวนิก|บาเยิร์นมิวนิค]] โดยถูกนำมาเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับกองกลาง ในขณะที่กองหน้าชาวไอซ์แลนด์ [[เอย์ดืร์ กวึดยอนแซน]] ถูกขายออกเพื่อไปอยู่กับบาร์เซโลน่า
 
แม้จะมีปัญหามากมายเกิดขึ้น เชลซีก็สามารถคว้าแชมป์การแข่งขัน[[:en:2007 Football League Cup Final|ลีกคัพ]]ได้อีกครั้งโดยเอาชนะ[[สโมสรฟุตบอลอาร์เซนอล|อาร์เซนอล]]ที่[[มิลเลนเนียมสเตเดียม]] อย่างไรก็ตามความเป็นไปได้ที่จะคว้าถ้วยรางวัลถึง 4 ถ้วยก็ได้หมดไปเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม ค.ศ. 2007 เมื่อลิเวอร์พูลกำจัดเชลซีออกจากการแข่งขันแชมเปี้ยนส์มเปียนส์ลีกจากการดวลจุดโทษที่แอนฟิลด์หลังจากผลคะแนนรวมเสมอที่ 1-1 หลังจากนั้นไม่นานเชลซียังไปทำได้เพียงเสมอ 1-1 กับอาร์เซนอลที่[[เอมิเรตส์สเตเดียม]] จึงทำให้แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกของปีนี้ไปได้ โดยปีนี้ถือเป็นฤดูกาลแรกของมูรีนโยที่ไม่สามารถคว้าแชมป์ลีกของประเทศหลังจากทำได้ติดต่อกันเป็นเวลา 5 ปี มูรีนโยนำเชลซีชนะแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดด้วยคะแนน 1-0 ในรอบชิงชนะเลิศ[[:en:2007 FA Cup Final|เอฟเอคัพ]] ซึ่งถือเป็นชัยชนะที่เกิดขึ้นครั้งแรกในสนามกีฬาเวมบลีย์ที่สร้างขึ้นใหม่ และเป็นการคว้าแชมป์ครั้งแรกของมูรีนโยในการแข่งขันเอฟเอคัพ ดังนั้นจึงหมายความว่าเขารับถ้วยรางวัลการแข่งขันภายในประเทศที่ผู้จัดการทีมฟุตบอลในพรีเมียร์ลีกสามารถครอบครองได้มาทั้งหมดแล้ว
 
ความขัดแย้งระหว่างมูรีนโย และ อับราโมวิชยังคงดำเนินต่อไปเมื่อ[[อัฟราม แกรนท์]] ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้อำนวยการฟุตบอล (director of football) แม้จะได้รับการคัดค้านจากมูรีนโย นอกจากนั้นตำแหน่งของแกรนท์ยังได้รับการสนับสนุนเพิ่มเติมโดยได้ที่นั่งกรรมการบริหารสโมสรอีกด้วย การโอนย้ายในปีต้นปี 2007-08 รวมถึงการออกของ[[อาร์เยิน โรบเบิน]]เพื่อไปอยู่กับเรอัลมาดริด และการเข้ามาของกองกลางสัญชาติฝรั่งเศส [[ฟลอร็อง มาลูดา]]จากโอลิมปิกลียง
 
====ฤดูกาล 2007–08====
นัดแรกของการแข่งขัน[[:en:2007–08 Premier League|พรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2007–08]] เชลซีสามารถเอาชนะ[[สโมสรฟุตบอลเบอร์มิงแฮมซิตี|เบอร์มิงแฮมซิตี]]ด้วยสกอร์ 3-2 และเป็นการสร้างสถิติไม่แพ้ใครในบ้าน 64 ครั้งติดต่อกันในการแข่งขันพรีเมียร์ลีก แม้จะสามารถเอาชนะสถิติไม่แพ้ใครในบ้านที่ลิเวอร์พูลเคยทำไว้ระหว่างปีค.ศ. 1978 - 1981<ref name=Unbeaten>{{cite news |title=Mourinho thrilled to break record |publisher=[[BBC Sport]] |date=12 August 2007 |url=http://news.bbc.co.uk/sport1/hi/football/teams/c/chelsea/6943246.stm |accessdate=20 October 2008}}</ref> ได้ก็ตามการเริ่มต้นของเชลซีใน[[:en:2007–08 Chelsea F.C. season|ฤดูกาล 2007–08]] ประสบความสำเร็จน้อยกว่าปีก่อน ๆ โดยทีมแพ้ที่บ้านของ[[สโมสรฟุตบอลแอสตันวิลลา|แอสตันวิลลา]] ตามด้วยการทำประตูไม่ได้และจบด้วยการเสมอ 0-0 กับ[[สโมสรฟุตบอลแบล็กเบิร์นโรเวอส์|แบล็กเบิร์นโรเวอส์]]ในบ้านตัวเอง การแข่งขัน[[:en:2007–08 UEFA Champions League|แชมเปี้ยนส์ลีกมเปียนส์ลีก]]นัดแรกในปีนี้เชลซีทำได้แค่เสมอ 1-1 กับ [[:en:Rosenborg BK|Rosenborg]] ในบ้านของตัวเองต่อหน้าอัฒจันทร์ที่ว่างเกือบครึ่ง
 
มูรีนโยออกจากเชลซีอย่างกะทันหันเมื่อวันที่ 20 กันยายน ค.ศ. 2007 ด้วย "ความยินยอมร่วมกัน" แม้ว่าจะมีข้อขัดแย้งมากมายกับเจ้าของสโมสรอับราโมวิช<ref name="chelsea exit"/> โดยกรรมการบริหารของเชลซีได้จัดประชุมฉุกเฉินและมีมติว่าจำต้องแยกทางกับเขา มูรีนโยออกจากเชลซีในฐานะผู้จัดการที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของเชลซีโดยทำให้สโมสรได้รับถ้วยรางวัลถึง 6 รางวัลภายในเวลาสามปี และ ไม่เคยแพ้การแข่งขันพรีเมียร์ลีกในบ้าน อัฟราม แกรนท์ รับตำแหน่งผู้จัดการต่อจากมูรีนโยแต่ไม่สามารถคว้าถ้วยรางวัลใด ๆ ได้เลยในปีนี้และถูกปลดเมื่อสิ้นสุดฤดูกาล อย่างไรก็ดีแกรนท์สามารถพาทีมเข้าสู่[[:en:2008 UEFA Champions League Final|รอบชิงชนะเลิศยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก]] (ซึ่งมูรีนโยไม่สามารถทำได้แม้แต่ครั้งเดียวขณะอยู่กับเชลซีเป็นเวลา 3 ปี) แต่แพ้ด้วยการดวลลูกจุดโทษชี้ขาดกับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด เนื่องจากมีคะแนนเสมอกัน 1-1 หลังจาก 120 นาทีของการแข่งขัน เขาพาทีมเข้าสู่[[:en:2008 Football League Cup Final|รอบชิงชนะเลิศลีกคัพ (คาร์ลิ่ง คัพ)]] และ ไม่เคยแพ้ใครในบ้านตลอดการทำงาน นอกจากนั้นเขายังทำให้เชลซีเป็นรองแชมป์พรีเมียร์ลีกโดยมีคะแนนห่างจากแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ที่ได้แชมป์เพียง 2 คะแนน
บรรทัด 165:
 
===แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด===
มูรีนโย เข้ามาในฐานะผู้จัดการทีมแทน[[ลูวี ฟัน คาล]]หลังจบ[[พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2015–16|ฤดูกาล 2015–16]] และเสริมทีมด้วยนักเตะชื่อดังมากมาย ทั้ง[[ซลาตัน อิบราฮิโมวิช]],[[พอล ป็อกบา]] ใน[[พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2016–17|ฤดูกาล 2016–17]] มูรีนโยทำผลงานได้ไม่ค่อยดี และจบอันดับที่6ในพรีเมียร์ลีก แต่มูรีนโยพา[[แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด]]เป็นแชมป์[[ยูฟ่ายูโรปาลีก]]และ[[คาราบาวคัพ]] ทำให้ได้โอกาสไปแข่ง[[ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกมเปียนส์ลีก]]ในฐานะแชมป์[[ยูฟ่ายูโรปาลีก]] และในฤดูกาลต่อมา[[สโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดในฤดูกาล 2017–18|(ฤดูกาล 2017–18)]] มูรีนโย ไม่สามารถทำทีมได้แชมป์ใดเลย ขณะที่ผลงานในพรีเมียร์ลีกสามารถจบที่อันดับที่2 ส่วนในฤดูกาลสุดท้ายกับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด[[สโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดในฤดูกาล 2018–19|(ฤดูกาล 2018–19)]] มูรีนโย ทำทีมอยู่ในอันดับกลางของตารางในพรีเมียร์ลีก ถึงแม้จะสามารถทำให้ทีมผ่านเข้าไปแข่งขัน[[ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2018–19]] ในรอบ 16 ทีมสุดท้ายได้ก็ตาม แต่มูรีนโย ก็ถูกไล่ออกหลังจากการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีกกับ[[ลิเวอร์พูล]] เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2018
ในขณะนั้นแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด อยู่อันดับที่6 ของตาราง โดยผลการแข่งขันนัดนั้น แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด เป็นฝ่ายแพ้ไป 1-3