ผลต่างระหว่างรุ่นของ "สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
บรรทัด 103:
 
* '''ด้านการระดมทุน''' กระทรวงพาณิชย์ทำหน้าที่รับจดทะเบียนหนังสือชี้ชวนของบริษัทมหาชนจำกัดที่ออกหลักทรัพย์ เสนอขายต่อประชาชนและเป็นนายทะเบียนตามพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2521 ส่วนตลาดหลักทรัพย์ฯ ดูแลการเสนอขายหุ้นและหุ้นกู้ของบริษัทจำกัดที่อยู่ระหว่างการพิจารณารับเป็นบริษัทจดทะเบียนหรือบริษัทรับอนุญาต ซึ่งพระราชบัญญัติตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พ.ศ. 2517 ได้เปิดช่องให้บริษัทจำกัดเสนอขายหุ้นหรือหุ้นกู้ต่อประชาชนได้ ดัง​นั้น บริษัทเหล่านี้จึงไม่ต้องการแปรสภาพเป็นบริษัทมหาชนจำกัด เนื่องจากพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด ที่ใช้บังคับในขณะนั้นค่อนข้างเข้มงวด
 
 
การที่อำนาจหน้าที่และการกำกับดูแลดังกล่าวกระจัดกระจายอยู่ในหลายหน่วยงานและหลายกฎหมาย ทำให้มีการดำเนินงานที่ซ้ำซ้อน ขาดเอกภาพและขาดการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับการซื้อขายในตลาดหุ้นช่วงปี พ.ศ. 2530 มีความคึกคัก มีการเข้ามาเก็งกำไรมาก ทำให้เกิดการซื้อขายในลักษณะที่ไม่เป็นธรรม และยังขาดมาตรการที่จะคุ้มครองผลประโยชน์ของผู้ลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้น เพื่อให้มีกฎหมายและหน่วยงานที่ทำหน้าที่เป็นศูนย์รวมในการกำกับดูแลและพัฒนาตลาดทุน ทั้งตลาดแรกและตลาดรอง รวมทั้งเพื่อเอื้ออำนวยต่อการออกตราสารทางการเงินประเภทใหม่ ๆ และมีบทบัญญัติที่ป้องกันการเอารัดเอาเปรียบที่ชัดเจน จึงได้มีการตรา พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 (พ.ร.บ. หลักทรัพย์ฯ) และจัดตั้ง ก.ล.ต. ขึ้น เป็นองค์กรอิสระทำหน้าที่กำกับดูแลและพัฒนาตลาดทุน เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2535
 
 
เมื่อตลาดทุนมีการพัฒนาขึ้นเป็นลำดับ ทำให้เกิดนวัตกรรมต่าง ๆ เช่น สัญญาซื้อขายล่วงหน้า ทรัสต์ เทคโนโลยีทางการเงิน  ดังนั้น เพื่อรองรับการกำกับดูแลและพัฒนาตราสารและการทำธุรกรรมต่าง ๆ ก.ล.ต. จึงได้ตรากฎหมายขึ้นรองรับ ซึ่งได้แก่ พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. 2550 และพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 ตามลำดับ​