ผลต่างระหว่างรุ่นของ "แอร์แบร์ที่ 2 เคานต์แห่งแวร์ม็องดัว"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Potapt (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
Potapt (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 4:
== ชีวประวัติ ==
 
แอร์แบร์เป็นบุตรชายของ[[แอร์แบร์ที่ 1 เคานต์แห่งแวร์ม็องดัว]]<ref name=":0">Detlev Schwennicke, ''Europäische Stammtafeln: Stammtafeln zur Geschichte der Europäischen Staaten'', Neue Folge, Band III Teilband 1 (Marburg, Germany: J. A. Stargardt, 1984), Tafel 49</ref> เป็นลูกหลานของ[[ชาร์เลอมาญ]]<ref name=":1">Jim Bradbury, ''The Capetians: Kings of France, 987-1328'' (London: Hambledon Continuum, 2007), p. 36</ref> แอร์แบร์สืบทอดต่อดินแดนของบิดาและได้วิหารแซ็ง-เมดาร์ในซัวซงมาเพิ่มในปี ค.ศ. 907 ครองตำแหน่งเป็นอธิการฆราวาสซึ่งทำให้เขาได้สิทธิ์ในรายได้ของวิหารดังกล่าว<ref name=":0" /> การแต่งงานกับพระธิดาของ[[พระเจ้ารอแบร์ที่ 1 แห่งฝรั่งเศส|พระเจ้ารอแบร์ที่ 1 แห่งฝรั่งเศส]]ทำให้เขาได้เคานเคาน์ตีโมมาอยู่ในการครอบครอง<ref name=":2">Emily Taitz, ''The Jews of Medieval France: The Community of Champagne'' (Westport CT: Greenwood Press, 1994), p. 42</ref>
 
ในปี ค.ศ. 922 เมื่อเซยุล์ฟกลายเป็นอาร์ชบิชอปแห่งแร็งส์ เพื่อเอาใจแอร์แบร์ที่ 2 เซยุล์ฟสัญญาว่าจะเสนอชื่อเขาเป็นผู้สืบทอดตำแหน่ง<ref name=":3">Eleanor Shipley Duckett, ''Death and life in the tenth century'' (Ann Arbor: University of Michigan Press, 1967), p. 155</ref> ในปี ค.ศ. 923 แอร์แบร์จองจำ[[พระเจ้าชาร์ลที่ 3 แห่งฝรั่งเศส|พระเจ้าชาร์ลที่ 3]] ที่ถูกจองจำจนสิ้นพระชนม์ในปี ค.ศ. 929<ref name=":2" /> เมื่อเซยุล์ฟเสียชีวิตในปี ค.ศ. 925 ด้วยความช่วยเหลือของ[[รูดอล์ฟ ดยุกแห่งเบอร์กันดี|พระเจ้ารุดอล์ฟ]] แอร์แบร์ได้ตำแหน่งอาร์ชบิชอปแห่งแร็งส์มาให้บุตรชายคนที่สอง อูก ที่ตอนนั้นอายุห้าปี<ref>''The Annals of Flodoard of Reims, 916–966, eds & trans. Steven Fanning: Bernard S. Bachrach (New York; Ontario, Can: University of Toronto Press, 2011), pp. 14-15''</ref> แอร์แบร์เดินหน้าต่อด้วยการส่งคณะทูตไปโรมเพื่อขอการอนุมัติรับรองตำแหน่งจาก[[สมเด็จพระสันตะปาปาจอห์นที่ 10]] ที่ให้การอนุมัติในปี ค.ศ. 926<ref name=":3" /> ทำให้อูกน้อยผู้ได้รับเลือกถูกส่งตัวไปศึกษาเล่าเรียนที่[[โอแซร์]]<ref name=":1" />
บรรทัด 10:
ในปี ค.ศ. 926 หลังการเสียชีวิตของเคานต์รอเฌที่ 1 แห่งล็อง แอร์แบร์เรียกร้องตำแหน่งเคานต์ให้กับอูด บุตรชายคนโต<ref>''The Annals of Flodoard of Reims, 916–966'', eds & trans. Steven Fanning: Bernard S. Bachrach (New York; Ontario, Can: University of Toronto Press, 2011), pp. 15-16</ref> เขาท้าทายพระเจ้ารุดอล์ฟด้วยการยึดเมืองอันนำไปสู่การกระทบกระทั่งกันระหว่างคนทั้งสองในปี ค.ศ. 927<ref name=":1" /> อาศัยการข่มขู่ว่าจะปล่อยตัวพระเจ้าชาร์ลที่ตนจองจำอยู่ แอร์แบร์สามารถครองเมืองอยู่ได้เป็นเวลานานกว่าสี่ปี<ref name=":1" /> แต่หลังการสิ้นพระชนม์ของพระเจ้าชาร์ลในปี ค.ศ. 929 รุดอล์ฟโจมตี[[ล็อง]]อีกครั้งในปี ค.ศ. 931 และปราบแอร์แบร์ได้สำเร็จ<ref name=":1" /> ในปีเดียวกันกษัตริย์ยกทัพเข้าสู่[[แร็งส์]]และปราบอาร์ชบิชอปอูก บุตรชายของแอร์แบร์<ref name=":4">''The Annals of Flodoard of Reims, 916–966'', eds & trans. Steven Fanning: Bernard S. Bachrach (New York; Ontario, Can: University of Toronto Press, 2011), p. 21</ref> อาร์ทูต์กลายเป็นอาร์ชบิชอปแห่งแร็งส์คนใหม่<ref name=":4" /> จากนั้นในเวลาสามปี แอร์แบร์ที่ 2 เสียวีทรี, ล็อง, ชาโต-ตีแยรี และซัวซง<ref>''The Annals of Flodoard of Reims, 916–966'', eds & trans. Steven Fanning: Bernard S. Bachrach (New York; Ontario, Can: University of Toronto Press, 2011), pp. 20-24</ref> การยื่นมือเข้ามาแทรกแซงของพันธมิตรของแอร์แบร์ [[พระเจ้าไฮน์ริชที่ 1 แห่งเยอรมนี|พระเจ้าไฮน์ริชผู้เป็นพรานล่านก]] ทำให้แอร์แบร์ได้ดินแดนกลับคืนมา (ยกเว้นแร็งส์กับล็อง) แลกกับการสวามิภักดิ์ต่อพระเจ้ารุดอล์ฟ
 
ต่อมาแอร์แบร์จับมือกับ[[อูกมหาราช]]และ[[วิลเลียมดาบยาว]] ดยุคแห่งนอร์ม็องดีปราบ[[พระเจ้าหลุยส์ที่ 4 แห่งฝรั่งเศส|พระเจ้าหลุยส์ที่ 4]] ที่มอบเคานตีล็องเคาน์ตีล็องให้แก่รอเฌที่ 2 บุตรชายของรอเฌที่ 1 ในปี ค.ศ. 941 แอร์แบร์กับอูกมหาราชได้แร็งส์กลับคืนมาและจับกุมตัวอาร์โตได้<ref name=":5">Eleanor Shipley Duckett, ''Death and life in the tenth century'' (Ann Arbor: University of Michigan Press, 1967), p. 157</ref> อูก บุตรชายของแอร์แบร์ ได้ตำแหน่งอาร์ชบิชอปกลับคืนมาอีกครั้ง<ref name=":5" /> การเป็นคนกลางไกล่เกลี่ยอีกครั้งของกษัตริย์เยอรมนี [[ออทโทที่ 1 มหาราช|พระเจ้าอ็อทโทที่ 1]] ในวีเซ ใกล้กับลีแยฌ ในปี ค.ศ. 942 ทำให้สถานการณ์กลับมาเป็นปกติสุขอีกครั้ง
 
== การเสียชีวิตและมรดก ==
 
แอร์แบร์เสียชีวิตเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 943 ที่แซ็ง-ก็องแต็งในแอน (เมืองหลวงของเคานตีแวร์ม็องดัวเคาน์ตีแวร์ม็องดัว) บุตรชายของเขาแบ่งทรัพย์สินที่ดินอันกว้างใหญ่ไพศาลกัน<ref name=":6">Kate Norgate, 'Odo of Champagne, Count of Blois and Tyrant of Burgundy', ''The English Historical Review'', Vol. 5, No. 19 (Jul., 1890), p. 488</ref> แวร์ม็องดัวกับอาเมียงตกเป็นของสองบุตรชายคนโต ขณะที่รอแบร์กับแอร์แบร์ สองบุตรชายคนเล็ก ได้ครอบครองที่ดินที่กระจายตัวอยู่ทั่วช็องปาญ<ref name=":6" /> เมื่อรอแบร์เสียชีวิต พี่ชายของเขา แอร์แบร์ที่ 3 สืบทอดต่อที่ดินทั้งหมด บุตรชายคนเดียวของแอร์แบร์ สตีเฟน เสียชีวิตโดยไร้บุตรในปี ค.ศ. 1019–1020 จึงเป็นการสิ้นสุดสายตระกูลทางเพศชายของแอร์แบร์ที่ 2<ref name=":6" />
 
== ครอบครัว ==