ผลต่างระหว่างรุ่นของ "จักรพรรดินีฟาราห์ ปาห์ลาวี"
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Marcus Cyron (คุย | ส่วนร่วม) ล (GR) File renamed: File:Mrpfpfeng.jpg → File:Hua Guofeng with Shah Mohammad Reza Pahlavi during a state visit in Iran.jpg Criterion 2 (meaningless or ambiguous name) |
Effmedical (คุย | ส่วนร่วม) ไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
บรรทัด 25:
|}
'''จักรพรรดินีฟาราห์ ปาห์ลาวี''' ({{lang-fa|شهبانو فرح پهلوی}}) เป็นพระ
== ช่วงต้นพระชนม์ชีพ ==
บรรทัด 35:
==การศึกษาและการหมั้นหมาย==
นักศึกษาชาวอิหร่านหลายคนได้รับการศึกษาจากต่างประเทศในช่วงนี้ขึ้นอยู่กับการสนับสนุนของรัฐ ดังนั้นเมื่อ[[ชาห์]]ในฐานะทรงเป็นประมุขแห่งรัฐต้องเสด็จเยือนต่างประเทศอย่างเป็นทางการ พระองค์มักโปรดฯให้นักศึกษาชาวอิหร่านในพื้นที่นั้นเข้าเฝ้า เป็นช่วงของการเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ในปี ค.ศ. 1959 ที่สถานเอกอัครราชทูต[[อิหร่าน]]ประจำกรุงปารีส ซึ่งนางสาวฟาราห์ ดีบาได้เข้า
หลังจาก
==อภิเษกสมรสและพระโอรสธิดา==
{{กล่องข้อมูล พระยศ
บรรทัด 51:
}}
[[ไฟล์:Imperial Empress Crown.png|thumb|200px|left|[[มงกุฎ]]ของจักรพรรดินีฟาราห์ ปาห์ลาวีที่ทรงสวมในวันราชาภิเษกของพระสวามี]]
พระราชพิธีราชาภิเษกสมรสจัดขึ้นเมื่อวันที่ [[21 ธันวาคม]] [[ค.ศ. 1959]] ขณะนั้นทรงมีพระ
หลังจากพระราชพิธีที่เอิกเกริกและงานเฉลิมฉลองได้ผ่านพ้นไป พระราชินีพระองค์ใหม่ก็ทรงมีหน้าที่สำคัญที่จะต้องมีพระประสูติการพระราชโอรสถวายพระเจ้าชาห์ให้ได้ กฎมณเฑียรบาลของอิหร่านในขณะนั้นไม่อนุญาตให้เชื้อพระวงศ์ฝ่ายใน (สตรี) ขึ้นครองราชย์ได้ แม้ว้าพระเจ้าชาห์จะทรงอภิเษกสมรสมาก่อนแล้วถึงสองครั้งแต่พระราชินีองค์ก่อน ๆ ก็ให้มีพระประสูติกาลแต่พระธิดาเท่านั้น ครั้งนี้ได้สร้างความกดดันแก่พระราชินีพระองค์ใหม่ พระเจ้าชาห์เองก็ทรงวิตกกังวลในรัชทายาทชายเช่นเดียวกับรัฐบาลของพระองค์<ref name="ReferenceA">Pahlavi, Farah. ‘An Enduring Love: My Life with The Shah. A Memoir’ 2004</ref> นอกจากนี้ยังเป็นที่ทราบอีกว่าการหย่าร้างของพระเจ้าชาห์กับ[[โซรยา อัสฟานดิยารี-บักติยารี|สมเด็จพระราชินีโซรยา]]ซึ่งทรงเป็นพระราชินีพระองค์ก่อนมีเหตุมาจากการที่พระราชินีทรงมีบุตรยาก<ref>Queen of Iran Accepts Divorce As Sacrifice, The New York Times, 15 March 1958, p. 4.</ref> แต่หลังจากที่รอคอยมานานพระราชินีก็มีพระประสูติกาลพระราชโอรสเมื่อวันที่ [[31 ตุลาคม]] [[ค.ศ. 1960]]
บรรทัด 85:
==ในฐานะของสมเด็จพระราชินีและจักรพรรดินี==
[[ไฟล์:Mohammad Pahlavi Coronation.jpg|thumb|250px|right|พระราชวงศ์อิหร่านในพระราชพิธีครองราชสมบัติในปีค.ศ. 1967 จากซ้าย:[[เจ้าหญิงอัชราฟ ปาห์ลาวี|เจ้าหญิงอัชราฟ]], [[เจ้าหญิงชาห์นาซ ปาห์ลาวี|เจ้าหญิงชาห์นาซ]], [[พระเจ้าชาห์ โมฮัมหมัด เรซา ปาห์ลาวี|พระเจ้าชาห์]], [[เจ้าหญิงฟาราห์นาซ ปาห์ลาวี|เจ้าหญิงฟาราห์นาซ]], [[เจ้าชายเรซา ปาห์ลาวี มกุฎราชกุมารแห่งอิหร่าน|มกุฎราชกุมารเรซา]], จักรพรรดินีฟาราห์และ[[เจ้าหญิงชามส์ ปาห์ลาวี|เจ้าหญิงชามส์]]]]
บทบาทของสมเด็จพระราชินีพระองค์ใหม่อาจจะทรงมีในกิจการของรัฐหรือรัฐบาลเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน ภายในราชสำนัก บทบาทในสาธารณะของพระองค์เป็นเรื่องรองมาจาก
[[ไฟล์:Pahlavi Coronation.png|thumbnail|left|พระเจ้าชาห์ทรงสวมมงกุฎตำแหน่งจักรพรรดินีแก่พระนางฟาราห์ ปาห์ลาวีในพระราชพิธีครองราชสมบัติในปีค.ศ. 1967]]
เหมือนกับพระมเหสีพระองค์อื่นๆ พระราชินีพระองค์ใหม่ทรงเริ่มจำกัดพระองค์เองให้เป็นบทบาททางพิธีการ พระองค์ทรงใช้เวลาส่วนใหญ่ในการเข้าร่วมการเปิดสถาบันการศึกษาและการแพทย์ต่างๆโดยไม่ทรงเข้าไปก้าวก่ายเกินเลยในประเด็นขัดแย้ง อย่างไรก็ตามในขณะที่เวลาผ่านไปสถานะนี้ได้เปลี่ยนแปลง สมเด็จพระราชินีทรงมีความสนพระทัยอย่างมากในกิจการของรัฐบาลที่ซึ่งเกี่ยวกับปัญหาและเป็นเหตุให้พระองค์ทรงสน
ในที่สุดสมเด็จพระราชินีทรงเข้ามารับผิดชอบในพนักงาน 40 คนที่จัดการคำขอความช่วยเหลือต่างๆในช่วงปัญหา พระองค์ทรงกลายเป็นหนึ่งในบุคคลที่มองเห็นได้อย่างมากที่สุดในรัฐบาลของจักรวรรดิและทรง
รัฐบาลกลางในกรุงเตหะรานตระหนักถึงความนิยมของประชาชนต่อพระองค์ จึงทำให้ในปีค.ศ. 1967 พระเจ้าชาห์ได้จัดพระราชพิธีบรมราชาภิเษกของพระองค์เองขึ้น และได้สถาปนาพระราชินีขึ้นเป็นจักรพรรดินี (ชาห์บานู, شاهبانو) ซึ่งเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์อิหร่านสมัยใหม่และยังทรงสถาปนาให้เป็น "จักรพรรดินีนาถ" ในกรณีที่พระองค์สวรรคตหรือไม่สามารถปกครองประเทศได้ก่อนที่มกุฎราชกุมารจะเจริญพระ
ระยะการดำรงพระอิสริยยศของพระนางฟาราห์ในฐานะจักรพรรดินีโดยปราศจากข้อโต้แย้ง สาเหตุที่พระองค์ทรงปกป้องและบทบาทของพระองค์ในรัฐบาลบางครั้งนั้นได้เข้ามาขัดแย้งกับคนบางกลุ่มโดยเฉพาะอย่างยิ่งฝ่ายอนุรักษนิยมทางศาสนา ความไม่พอใจของคนกลุ่มนี้ที่พุ่งเป้าหมายไปที่รัฐบาลปาห์ลาวีทั้งหมดและไม่ใช่เพียงแค่องค์จักรพรรดินีเพียงพระองค์เดียวเท่านั้น
บรรทัด 100:
[[ไฟล์:Jashn honar.jpg|thumb|จักรพรรดินีฟาราห์ ปาห์ลาวีขณะเสด็จเยี่ยมนักแสดงใน[[เทศกาลศิลปะชีราซ]]]]
[[ไฟล์:Empress Farah Office.jpg|thumb|320px|left|จักรพรรดินีฟาราห์ ปาห์ลาวีขณะทรงงานในกรุงเตหะราน ในช่วงคริสต์ทศวรรษที่ 1970]]
ในช่วงต้นรัชกาล องค์จักรพรรดินีทรงสน
นอกเหนือไปจากความพยายามของ
อย่างไรก็ตามในเวลาส่วนใหญ่ของพระองค์ ทรงมักเสด็จพระราชดำเนินไปในการสร้างพิพิธภัณฑ์และอาคารเก็บวัตถุสะสมต่างๆ
===ศิลปะโบราณ===
บรรทัด 151:
==พระชนม์ชีพระหว่างลี้ภัย==
[[ไฟล์:Empress Farah in 2011.jpg|thumb|จักรพรรดินีฟาราห์ ปาห์ลาวีในพระราชพิธีอภิเษกสมรสระหว่าง[[เจ้าชายอาลแบร์ที่ 2 องค์อธิปัตย์แห่งโมนาโก]]กับ[[เจ้าหญิงชาร์ลีนแห่งโมนาโก|ชาร์ลีน วิตต์สท็อก]]ในปีค.ศ. 2011]]
[[ไฟล์:Farah Pahlavi on Poletik.jpg|left|thumb|จักรพรรดินีฟาราห์ขณะทรงให้สัมภาษณ์แก่รายการ [[Poletik]] ในเดือนตุลาคม ค.ศ. 2014|link=Special:FilePath/Farah_Pahlavi_on_Poletik.jpg]]
หลังจากการสวรรคตของพระเจ้าชาห์ จักรพรรดินีผู้ทรงลี้ภัยยังคงประทับอยู่ในอียิปต์เป็นเวลาเกือบสองปี ประธานาธิบดี[[อันวัร อัสซาดาต]]ได้ถวาย[[พระราชวังคุบเบห์]]ในกรุงไคโรแก่พระองค์และพระราชวงศ์ ไม่กี่เดือนต่อมาหลังจากการลอบสังหารประธานาธิบดีอันวัร อัสซาดาตในเดือนตุลาคม ค.ศ. 1981 องค์จักรพรรดินีพร้อมพระราชวงศ์ได้เสด็จออกจากอียิปต์ ประธานาธิบดี[[โรนัลด์ เรแกน]]เมื่อทราบได้ทูลเชิญให้เสด็จมาประทับที่สหรัฐอเมริกา<ref>Pahlavi, Farah. "An Enduring Love: My life with Shah. A Memoir" 2004</ref>
|