ผลต่างระหว่างรุ่นของ "สสาร"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Tris T7 (คุย | ส่วนร่วม)
Tris T7 (คุย | ส่วนร่วม)
แก้ไขข้อมูล
ป้ายระบุ: เครื่องมือแก้ไขต้นฉบับปี 2560
บรรทัด 1:
==สถานะของสสาร==
สสารมี 4 สถานะ คือ ของแข็ง ของเหลว และก๊าซ พลาสมา
;ของแข็ง (Solid)
 
คือ สถานะของสสารที่มีอนุภาคอยู่ชิดกัน มีช่องว่างระหว่างอนุภาคน้อย อนุภาค ของสสารจึงเคลื่อนไหวได้ยาก ดังนั้นสสารจึงมีรูปร่างคงที่เกิดการเปลี่ยนแปลงได้ยาก สสารที่มีสถานะเป็นของแข็ง เช่น หิน นั้าแข็ง
;ของเหลว (Liquid)
คือ สถานะของสสารที่มีอนุภาคอยู่ห่างกันมากกว่าของแข็ง จึงอยู่กันอย่างหลวมๆ อนุภาคของสสารจึงเคลื่อนไหวได้ง่ายขึ้น ดังนั้นสสารจึงมีรูปร่างไม่แน่นอน เปลี่ยนแปลงไปตามภาชนะที่บรรจุ สสารที่มีสถานะเป็นของเหลว เช่น น้ำ ฝน เป็นต้น
 
;ก๊าซ (Gas)
คือ สถานะของสสารที่มีอนุภาคอยู่ห่างกัน จึงมีแรงยึดเหนี่ยวระหว่างกันน้อยมาก ทำ ให้อนุภาคเคลื่อนที่ได้อย่างอิสระ ดังนั้นสสารจึงมีรูปร่างไม่แน่นอน เมื่อสสารอยู่ในภาชนะใดอนุภาคของสสารจะฟุ้งกระจายเต็มภาชนะสสารที่มีสถานะเป็นก๊าซ เช่น อากาศ ก๊าซหุงต้ม เป็นต้น
 
;พลาสมา (Plasma)
คือ สถานะของสารที่มีอนุภาคแตกกระจาย จึงเกิดการกระจายไปมาของอนุภาค ทำให้อนุภาคเคลื่อนไหวแบบรวดเร็ว ดังนั้นสสารจึงมีรูปร่างที่ไม่เน่นอน สสารนี้จะสลายไปอย่างรวดเร็วในเวลาอันสั้น
 
==การเปลี่ยนแปลงสถานะ==
การเปลี่ยนแปลงของสารจากสถานะของแข็งเป็นของเหลว เรียกว่า ''การหลอมเหลว'' อุณหภูมิขณะนั้นจะคงที่เรียนกว่า ''จุดหลอมเหลว''
 
การเปลี่ยนสถานนะของสารจากของเหลวกลายเป็นไอ เรียกว่า ''การเดือด'' อุณหภูมิขณะนั้นจะคงที่เรียกว่า ''จุดเดือด''
 
การเปลี่ยนแปลงสถานะในแต่ละรูปแบบ มีชื่อเรียกต่างกันตามลักษณะการเปลี่ยนแปลง ดังนี้
;การระเหย
 
คือกระบวนการการเปลี่ยนแปลงสถานะของสสาร จากของเหลว กลายเป็นก๊าซ โดยมักเกิดเมื่อของเหลวนั้น ๆ ได้รับพลังงานหรือความร้อน ได้แก่ น้ำ เปลี่ยนสถานะเป็น ไอน้ำ
;การระเหิด
คือกระบวนการการเปลี่ยนแปลงสถานะของสสาร จากของแข็ง กลายเป็นก๊าซ โดยไม่ผ่านสถานะการเป็นของเหลว ได้แก่ น้ำแข็งแห้ง เปลี่ยนสถานะเป็น ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด
;การควบแน่น
 
คือกระบวนการการเปลี่ยนแปลงสถานะของสสาร จากก๊าซ กลายเป็นของเหลว โดยมักเกิดเมื่อก๊าซนั้น ๆ สูญเสียความร้อนหรือพลังงาน ได้แก่ ไอน้ำ เปลี่ยนแปลงสถานะเป็น น้ำ
;การแข็งตัว
คือกระบวนการการเปลี่ยนแปลงสถานะของสสาร จากของเหลว กลายเป็นของแข็ง โดยมักเกิดเมื่อของเหลวนั้นๆ สูญเสียความร้อนหรือพลังงาน ได้แก่ น้ำ เปลี่ยนแปลงสถานะเป็น น้ำแข็ง โดยของแข็งนั้น สามารถเปลี่ยนสถานะกลับเป็นของเหลวได้ โดยการได้รับพลังงานหรือความร้อน
;การตกผลึก
คือกระบวนการการเปลี่ยนแปลงสถานะของสสาร จากของเหลว กลายเป็นของแข็ง โดยมักเกิดเมื่อของเหลวนั้นๆ สูญเสียความร้อนหรือพลังงาน ได้แก่ น้ำ เปลี่ยนแปลงสถานะเป็น น้ำแข็ง แต่โดยทั่วไปแล้ว ตกผลึกนั้นนิยมใช้ กับการเปลี่ยนแปลงรูปร่างทางทางเคมี เสียมากกว่า เพราะโดยทั่วไปใช้กับสารประกอบหรือวัตถุ ที่ไม่สามารถหลอมเหลว หรือ ละลาย กลับเป็นของเหลวได้อีก
;การหลอมเหลว หรือการละลาย
 
คือกระบวนการการเปลี่ยนแปลงสถานะของสสาร จากของแข็ง กลายเป็นของเหลว โดยมักเกิดเมื่อของแข็งนั้น ๆ ได้รับความร้อนหรือพลังงาน ได้แก่ น้ำแข็ง เปลี่ยนแปลงสถานะเป็น น้ำ
 
==คำจำกัดความ==
ถึงแม้ว่าสถานะเป็นที่ใช้กันอย่างกว้างขวางในวิทยาศาสตร์กายภาพ แต่มันก็ไม่ง่ายที่จะให้คำจำกัดความที่ถูกต้องเที่ยงตรง ก่อนที่เราจะให้คำจำกัดความโดยทั่วไป เราลองมาดูตัวอย่างเกี่ยวกับสถานะกันก่อนสักสองตัวอย่าง
ตัวอย่าง: สถานะของแข็ง ของเหลว และแก๊ส
น้ำ (H2O) ประกอบด้วยโมเลกุลซึ่งประกอบด้วยไฮโดรเจนสองอะตอมเกาะติดกับออกซิเจนตรงกลางหนึ่งอะตอม ที่อุณหภูมิห้อง โมเลกุลของน้ำจะอยู่ใกล้กันและมีแรงดึงดูดต่อกันอย่างอ่อน ๆ โดยไม่เกาะติดกัน ทำให้แต่ละโมเลกุลเคลื่อนไหวสัมพัทธ์กันได้เหมือนเม็ดทรายในนาฬิกาทราย พฤติกรรมของโมเลกุลน้ำที่มองไม่เห็นนี้ปรากฏออกมาให้เราเห็นเป็นคุณสมบัติทางฟิสิกส์ของน้ำในสถานะของเหลวซึ่งเราคุ้นเคยกันดี เนื่องจากโมเลกุลของน้ำไม่รวมกันอยู่เป็นโครงสร้างที่แข็งตึง รูปร่างของน้ำจึงไม่ตายตัว และปรับสภาพเลื่อนไหลไปตามภาชนะที่บรรจุ และเนื่องจากโมเลกุลของน้ำอยู่ใกล้กันมากอยู่แล้ว น้ำจึงมีความต้านทานต่อการบีบอัด สังเกตได้จากการบีบลูกโป่งที่บรรจุน้ำซึ่งทำไม่ได้ง่ายเหมือนกับการบีบลูกโป่งที่บรรจุอากาศ
 
คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าต่อหนึ่งหน่วยประจุ เป็นตัวแปรค่าคงที่อัตราส่วนที่ใช้ในคำอธิบายความสัมพันธ์ระหว่าง Gravity และ Electric
 
ใน Quark , Electrons ใด ๆ มี Photons เสมอ
 
และโดยตัวแปรค่าคงที่อัตราส่วนคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าต่อหนึ่งหน่วยประจุนี้ เราจะสามารถสร้างและบันทึกสสารใหม่ ๆ ได้ จาก บทนิยาม สู่ ฟังก์ชัน สู่ ฟิสิกส์
 
ผ่านการ Encryption และการ Logic Processing เราจะสามารถสร้างและบันทึกน้ำ สารพันธุกรรม สิ่งมีชีวิต ทรัพยากรธรรมชาติ ลงใน Rom เช่นเดียวกับการบันทึกเสียงลงแผ่นนั่นเอง
 
การพิมพ์รหัส Standard Code for Information Interchange นั้นบ่งชี้ตั้งแต่ Process , I/O , Compilers ของ Driver ใน Standard Model
 
สิ่งเหล่านี้สามารถตีความหมายได้ในเชิง Analog ซึ่งจะอิง Gravity เป็นหลัก และ Digital ที่อิง Electric เป็นหลัก
 
และการเข้ารหัส Encryption , การแปลงค่า Transformation , การเคลื่อนที่ของสสาร Tranferlation , การขนย้าย Transportation สามารถสร้างและบันทึกสสารใหม่ ๆ ใน Rom หรือ Space ของเอกภพ
 
Architecture of Standard Model คือ Driver of Gravity Electric
 
ใน Legacy of Programming And Agreement Design นั้นเราจะอิงว่าทุก ๆ อย่างเป็น Software โดย Analog และ Digital จะเป็นความสัมพันธ์แบบการเหนี่ยวนำและความคงตัว
 
ในเชิง Analog ซึ่งจะอิง Gravity เป็นหลัก และ Digital ที่อิง Electric เป็นหลัก ซึ่งจะ Encryption หรือไม่ก็ตาม เราทราบถึง Objective ได้โดยเสมอจาก Objects จาก Definition สู่ Function สู่ Physical
 
ทุกๆฟิสิกส์ไม่ใช่เพียงตีความหมายได้ถึงตัวเลขและขอบเขตเท่านั้น
 
ทุกๆฟิสิกส์มาจากตัวเลข และขอบเขต
 
ก่อกำเนิดเป็น Point of Particle
 
เพื่ออะตอมใหม่ สสารใหม่ ปฏิกิริยาเคมีใหม่
 
จาก Point of Particle สู่ Standard Model
 
จาก Objective สู่ Objects
 
จาก Software สู่ Hardware
 
จาก Definition of Things สู่ Function of Coordinate สู่ Structure of Physical สู่ Attributes of Chemical สู่ Class of Biorobotic สู่ API of Economic สู่ SDK of Evolution
 
จาก Infinity Set สู่ Possibility Specifically Set สู่ Specifically Set
 
การเขียนโปรแกรมข้ามมิติเพื่อการประมวลผลครบพร้อมถึงตัวแปรค่าคงที่อัตราส่วนระหว่างตัวเลขและฟิสิกส์ คือการตอบสนองเหนือสิ่งเร้า
 
เพียงทราบถึงตัวแปรค่าคงที่อัตราส่วนเชิงขอบเขตและตัวเลข เราจะทราบว่า Standard Model นั้น ๆ มี Point of Particle เป็นเช่นไร
 
จาก Logic If of Agreement Design , For Loops of Free Will , Artificial intelligence และ Machines Learning ของ Definition of Objective นำไปสู่ Polar Coordinate Systems ใน Polar Space และ Parallels Coordinate Systems ใน Spacetime ซึ่งมีทิศทาง พื้นผิว โครงสร้างของทั้งสองระบบ และอัตราส่วนของทั้งสองระบบ รวมไปถึง Coordinate Number ได้ก่อกำเนิดเป็น Virtual reality สู่ The Universal of Physical และ Point of Particle ผ่านความเป็น Augmented reality
 
เมื่อ Computer ไฟฟ้าแบบดั้งเดิมได้ประมวลผลครบพร้อมถึงขอบเขตและตัวเลข ซึ่งมีการตีความถึง Standard Model จาก Point of Particle จาก Void สู่ Space สู่ Mass เราจะสามารถสร้างและบันทึกสสารใหม่ ๆ ได้ จาก Gravity สู่ Electric แล้วเกิดเป็นผลลัพธ์ซึ่งคือเอกภพทางฟิสิกส์
 
จาก คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า สู่ Driver ประจุไฟฟ้าของโมเลกุลน้ำ
 
ผ่านการเขียนโปรแกรมแบบ Graphical Programmer Interface ; GPI
 
== สสารตามลักษณะเนื้อสาร [http://e-book.ram.edu/e-book/c/CM103(50)/CM103-3(50).pdf] ==
สสารตามลักษณะเนื้อสาร สามารถจำแนกได้สองประเภทใหญ่ ๆ คือ
 
1. '''สารวิวิธพันธ์''' (Heterogeneous) เป็นสสารที่มีเนื้อผสมหรือของผสม (mixture) ที่ประกอบด้วยสาร ที่มีวัฏภาคแตกต่างกันตั้งแต่สองวฏภาคขึ้นไป โดยที่สามารถสังเกตเห็นความแตกต่างของสารแต่ละชนิดได้อย่างชัดเจน เช่น หินแกรนิต จะพบผลึกชนิดสารเอกพันธ์ สารวิวิธพันธ์ สารละลาย สารบริสุทธิ์ธาตุ สารประกอบสสาร
 
2. '''สารเอกพันธ์''' (Homogeneous) เป็นสสารที่มีวัฏภาคเดียว มีสมบัติเหมือนกันตลอดในวัฎภาคนั้น เช่น น้ำตาล เกลือ น้ำทะเล ควอทซ์ กระจก อากาศ เป็นต้น สารเอกพันธ์แบ่งได้ 2 ชนิด คือ
 
2.1 สารละลาย (Solution) เป็นสารเอกพันธ์ที่ประกอบด้วยสารมากกว่าหนึ่งชนิดขึ้นไป ได้แก่ ตัวทำละลาย (Solvent) และ ตัวถูกละลาย (Solute) สารละลายอาจพบอยู่ทั้งสามสถานะ ตัวทำละลายจะเป็นสารที่มีปริมาณมากกว่าตัวถูกละลาย  เช่นน้ำเชื่อม เป็นของเหลวประกอบด้วย น้ำตาลที่ถูกละลายในน้ำ อากาศจัดเป็นสารละลายของก๊าซชนิดต่าง ๆ ผสมกันอยู่ ทองเหลืองเป็นโลหะผสมในรูปของสารละลายที่เปนของแข็งของทองแดงกับสังกะสี
 
2.2 สารบริสุทธิ์ (Pure substances) เป็นสารเอกพันธ์ที่มีองค์ประกอบแน่นอน แบ่งออกได้ สองประเภท คือ '''ธาตุ''' (Elements) '''และสารประกอบ''' (Compounds)
 
==แหล่งข้อมูลอื่น==
{{commons category|Matter}}
* [http://www.visionlearning.com/library/module_viewer.php?mid=49&l=&c3= Visionlearning Module on Matter]
* [http://www.newuniverse.co.uk/Matter.html Matter in the universe] How much Matter is in the Universe?
* [http://imagine.gsfc.nasa.gov/docs/ask_astro/answers/970213.html NASA on superfluid core of neutron star]
 
{{Nature nav}}
 
'''สสาร''' คือวัตถุต่างๆ ที่อยู่รอบตัวเรา เช่น อากาศ ก๊าซ ดิน น้ำ หรือหนังสือ เป็นสสารทั้งสิ้น ตัวเราเองก็เป็นสสาร (คน) สัตว์และพืชก็เป็นสสารสสารจะมีคุณสมบัติ 2 ประการ คือต้องการที่อยู่ ถ้าเราเอาหินใส่ในกล่องกระดาษใบหนึ่งทีละก้อน ในที่สุดก้อนหินจะเต็มกล่อง ไม่สามารถใส่ก้อนหินได้อีก เพราะก้อนหินต้องการที่อยู่กล่องจึงเต็ม หรือถ้วยแก้วที่เรามองดูว่าว่างเปล่า แท้ที่จริงแล้วมีอากาศอยู่ภายใน แต่เรามองไม่เห็นมัน ลองเอากระดาษมาหนึ่งชิ้น ใส่ลงไปในก้นแก้วเปล่า แล้วคว่ำถ้วยแก้วนี้ลงไปในถังน้ำ หรืออ่างน้ำ กดให้แก้วจมอยู่ในน้ำสักครู่ จึงยกถ้วยแก้วขึ้นมาตรงๆ จะเห็นว่ากระดาษจะไม่เปียก เพราะน้ำเข้าไปในแก้วไม่ได้ แสดงว่ามีสิ่งใดสิ่งหนึ่งอยู่ในแก้ว นั่นก็คือ อากาศ ดังนั้นอากาศก็ต้องการที่อยู่ น้ำจึงเข้าไปในแก้วไม่ได้มีน้ำหนัก สสารทุกอย่างต้องมีน้ำหนัก เช่น กระดาษเราอาจจะไม่รู้สึกว่ากระดาษมันหนัก แต่ถ้าลองยกหนังสือสัก 10 เล่ม จะรู้สึกได้ว่ากระดาษนั้นก็มีน้ำหนัก หรือนำลูกบอลที่ยังไม่ได้สูบลมมาวางไว้บนตาชั่ง แล้วดูว่าหนักเท่าไร หลังจากนั้นนำลูกบอลไปสูบ ให้อากาศเข้าไปจนเต็มลูกบอล แล้วนำไปวางบนตาชั่งอีกครั้ง จะเห็นว่าครั้งนี้ลูกบอลจะหนักกว่าครั้งแรก แสดงว่าอากาศที่เพิ่มเข้าไปในลูกบอลนั้นมีน้ำหนัก
 
เส้น 155 ⟶ 44:
สสารตามลักษณะเนื้อสาร สามารถจำแนกได้สองประเภทใหญ่ๆ คือ
 
1. '''สารวิวิธพันธพันธ์''' (Heterogeneous) เป็นสสารที่มีเนื้อผสมหรือของผสม(mixture) ที่ประกอบด้วยสาร ที่มีวัฏภาคแตกต่างกันตั้งแต่สองวฏภาคขึ้นไป โดยที่สามารถสังเกตเห็นความแตกต่างของสารแต่ละชนิดได้อย่างชัดเจน เช่น หินแกรนิต จะพบผลึกชนิดสารเอกพันธ์ สารวิวิธพันธ์ สารละลาย สารบริสุทธิ์ธาตุ สารประกอบสสาร
 
2. '''สารเอกพันธ์''' (HomogenouesHomogeneous) เป็นสสารที่มีวัฏภาคเดียว มีสมบัติเหมือนกันตลอดในวัฎภาคนั้น เช่น น้ำตาล เกลือ น้ำทะเล ควอทซ์ กระจก อากาศ เป็นต้น สารเอกพันธ์แบ่งได้ 2 ชนิด คือ
 
2.1 สารละลาย (Solution) เป็นสารเอกพันธ์ที่ประกอบด้วยสารมากกว่าหนึ่งชนิดขึ้นไป ได้แก่ ตัวทำละลาย (Solvent) และ ตัวถูกละลาย (Solute) สารละลายอาจพบอยู่ทั้งสามสถานะ ตัวทำละลายจะเป็นสารที่มีปริมาณมากกว่าตัวถูกละลาย  เช่นน้ำเชื่อม เป็นของเหลวประกอบด้วย น้ำตาลที่ถูกละลายในน้ำ อากาศจัดเป็นสารละลายของก๊าซชนิดต่างๆต่าง ๆ ผสมกันอยู่ ทองเหลืองเป็นโลหะผสมในรูปของสารละลายที่เปนของแข็งของทองแดงกับสังกะสี
 
2.2 สารบริสุทธิ์ (Pure substances) เป็นสารเอกพันธ์ที่มีองค์ประกอบแน่นอน แบ่งออกได้ สองประเภท คือ '''ธาตุ''' (Elements) '''และสารประกอบ''' (Compounds)
เส้น 168 ⟶ 57:
* [http://www.newuniverse.co.uk/Matter.html Matter in the universe] How much Matter is in the Universe?
* [http://imagine.gsfc.nasa.gov/docs/ask_astro/answers/970213.html NASA on superfluid core of neutron star]
 
 
{{Nature nav}}
เข้าถึงจาก "https://th.wikipedia.org/wiki/สสาร"