ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ประเทศอิเควทอเรียลกินี"
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Cuteystudio (คุย | ส่วนร่วม) |
Cuteystudio (คุย | ส่วนร่วม) |
||
บรรทัด 78:
1.การเมืองการปกครอง
1.1 อิเควทอเรียลกินีมีการปกครองแบบสาธารณรัฐ รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันได้รับความเห็นชอบโดยการลงประชามติ เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2534 และแก้ไขเพิ่มเติมเมื่อเดือนมกราคม 2538 ซึ่งเป็นการเริ่มต้นของระบอบประชาธิปไตยที่มีพรรคการเมืองหลายพรรค และนำไปสู่การจัดตั้งสภาผู้แทนราษฎร
1.2 ประธานาธิบดีมาจากการเลือกตั้งโดยตรง อยู่ในตำแหน่งคราวละ 7 ปี มีอำนาจในการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเพื่อบริหารประเทศ คนปัจจุบันคือ นาย Teodoro Obiang Nguema Mbasogo ดำรงตำแหน่งเป็นเวลายาวนานถึง 30 ปีแล้ว และคาดว่าจะได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งต่อไปในเดือนธันวาคม 2552
1.3 สภาผู้แทนราษฎร (Cámara de Representantes del Pueblo) ประกอบด้วยสมาชิกจำนวน 100 คน มาจากการเลือกตั้งโดยตรง และมีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละ 5 ปี ฝ่ายตุลาการ ประกอบไปด้วยศาลสูง (Supreme Tribunal) และศาลอื่นๆ อีก 3 ประเภท คือ ศาลแพ่ง ศาลอาญาและศาลปกครอง
1.4 ประธานาธิบดี Obiang ได้ยุบสภาเมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2551 เพื่อเปิดโอกาสให้มีการเลือกตั้งใหม่ในเดือนพฤษภาคมปีเดียวกัน ซึ่งพรรค PDGE ของประธานาธิบดีได้รับการเลือกตั้งเข้าสภาถึง 99 ที่นั่ง นายกรัฐมนตรี Ignacio Milan Tang เข้าดำรงตำแหน่งเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2551 มีรองนายกรัฐมนตรี 3 ตำแหน่ง และคณะรัฐมนตรีประกอบด้วยสมาชิก 42 คน
1.5 เนื่องจากเสถียรภาพทางการเมืองของประเทศที่มีประธานาธิบดีทำหน้าที่บริหารประเทศมาเป็นระยะเวลานาน นโยบายของรัฐบาลอิเควทอเรียลกินีจึงมิได้มีการเปลี่ยนแปลงมากนักในช่วงที่ผ่านมา โดยยังคงให้ความสำคัญกับการมุ่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ และการกระจายรายได้เพื่อลดช่องว่างทางเศรษฐกิจของประชาชนในประเทศ
2. เศรษฐกิจ
2.1 การค้นพบแหล่งสำรองน้ำมันขนาดใหญ่และมีการนำมาใช้ประโยชน์ได้ส่งผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของอิเควทอเรียลกินีอย่างมาก ในปัจจุบัน อิเควทอเรียลกินีมีระบบเศรษฐกิจที่พึ่งพิงรายได้จากการส่งออกน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ มีอัตราปริมาณการผลิตน้ำมันประมาณ 4 แสนบาร์เรลต่อวัน รายได้จากภาคอุตสาหกรรมน้ำมันคิดเป็นสัดส่วนถึง 82% ของ GDP ในปี 2550 โดยมีสหรัฐอเมริกาเป็นตลาดส่งออกน้ำมันรายใหญ่ (30% ของการส่งออกน้ำมันในปี 2551) ด้วยเหตุนี้ เศรษฐกิจของประเทศจึงได้รับผลกระทบจากความผันผวนของราคาน้ำมันในตลาดโลก และมีความจำเป็นที่จะต้องสร้างความหลากหลายทางเศรษฐกิจ
2.2 ภาคเกษตรกรรมซึ่งเคยเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจก่อนการค้นพบแหล่งสำรองน้ำมันขนาดใหญ่ในช่วงปี 2533-2535 ทำรายได้ให้ประเทศน้อยกว่า 2% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ รัฐบาลอิเควทอเรียลกินีใช้ความพยายามอย่างยิ่งในการฟื้นฟูภาคเกษตรกรรมเพื่อลดการพึ่งพิงรายได้จากการส่งออกน้ำมัน โดยมีนโยบายให้ความสนับสนุนและช่วยเหลือบริษัทผู้ประกอบการต่าง ๆ ในประเทศในการลงทุนทางการเกษตร เนื่องจากปัจจุบัน อิเควทอเรียลกินีต้องพึ่งพาการนำเข้าอาหารเพื่อใช้ในการบริโภคในประเทศ
2.3 นับตั้งแต่ปี 2536 ธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศได้ยุติโครงการให้ความช่วยเหลือแก่อิเควทอเรียลกินีหลายโครงการ เนื่องจากการฉ้อราษฎร์บังหลวงและการบริหารงานผิดพลาดของรัฐบาล
2.4 นโยบายการเงินของอิเควทอเรียลกินีถูกกำหนดโดยธนาคารแห่งรัฐในภูมิภาคแอฟริกากลาง (Banque des Etats de l’Afrique centrale หรือ BEAC) ซึ่งปัจจุบันให้ความสำคัญกับการคุมระดับอัตราเงินเฟ้อและรักษาการตรึงค่าเงิน CFA franc ไว้กับเงินสกุลยูโร (655.96 CFAfr เท่ากับ 1 ยูโร)
2.5 สำหรับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน รัฐบาลอิเควทอเรียลกินีพยายามแก้ไขปัญหาไฟฟ้าดับโดยการเพิ่มกำลังการผลิตและพัฒนาระบบผลิตไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าที่มีอยู่ ในปี 2551 อัตราการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้น 20% ตามรายงานของบริษัท SEGESA ซึ่งดูแลการผลิตพลังงานไฟฟ้าในประเทศ สำหรับภาคอุตสาหกรรมการก่อสร้างแม้ว่าจะประสบปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบ แต่ก็ยังคงมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องในปัจจุบัน เนื่องจากภาครัฐมีโครงการพัฒนากรุงมาลาโบ ทั้งโครงการก่อสร้างอาคารเคหะสถานในกรุงมาลาโบ และการเชื่อมโยงเครือข่ายถนนต่าง ๆ
2.6 ประเทศคู่ค้าที่สำคัญของอิเควทอเรียลกินี ได้แก่ สหรัฐอเมริกา จีน สเปน ฝรั่งเศส และสหราชอาณาจักร โดยตลาดสินค้าส่งออกที่สำคัญของประเทศ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา (สัดส่วน 24.3%) สเปน (19.5%) จีน (16.3%) และฝรั่งเศส (8.5%) ในขณะที่อิเควทอเรียลนำเข้าสินค้าจากตลาดหลากหลาย▼
▲2.6 ประเทศคู่ค้าที่สำคัญของอิเควทอเรียลกินี ได้แก่ สหรัฐอเมริกา จีน สเปน ฝรั่งเศส และสหราชอาณาจักร โดยตลาดสินค้าส่งออกที่สำคัญของประเทศ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา (สัดส่วน 24.3%) สเปน (19.5%) จีน (16.3%) และฝรั่งเศส (8.5%) ในขณะที่อิเควทอเรียลนำเข้าสินค้าจากตลาดหลากหลาย
3. นโยบายต่างประเทศ
3.1 อิเควทอเรียลกินีมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับสเปนทั้งทางด้านการค้า ภาษา และประวัติศาสตร์ อย่างไรก็ตาม การที่สเปนวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลอิเควทอเรียลกินีในเรื่องสิทธิมนุษยชนในระยะหลังได้ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศในระดับหนึ่ง
3.2 ที่ผ่านมา รัฐบาลของประธานาธิบดี Obiang ได้พยายามสร้างความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับฝรั่งเศส และเข้าร่วมในเขตเศรษฐกิจที่ใช้เงินฟรังก์ (Franc Zone) และกลุ่มประเทศที่ใช้ภาษาฝรั่งเศส (Francophonie) ในปี 2528 ทั้งยังได้กำหนดให้ภาษาฝรั่งเศสเป็นภาษาราชการของประเทศในปี 2541
3.3 อิเควทอเรียลกินีมีความสัมพันธ์อันดีกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับไนจีเรียและแองโกลาซึ่งเป็นประเทศที่มีบทบาทสำคัญในด้านความมั่นคงในภูมิภาค ล่าสุดในเดือนกันยายน 2552 ได้มีการฝึกปฏิบัติการป้องกันน่านน้ำร่วมกันระหว่างอิเควทอเรียลกินี กาบอง แคเมอรูนและเซาตูเมและปรินซิปี อย่างไรก็ตาม อิเควทอเรียลกินียังมีประเด็นข้อพิพาทเรื่องดินแดนกับกาบอง และการแบ่งเขตแดนทางทะเลกับไนจีเรียในบริเวณที่เป็นแหล่งทรัพยากรน้ำมัน
3.4 อิเควทอเรียลกินีและแคเมอรูนมีความขัดแย้งกันในเรื่องเขตแดน และแม้ว่าทั้งสองประเทศจะสามารถเจรจากันในเรื่องการกำหนดเขตแดนทางทะเลร่วมกันไปแล้ว แต่ปัจจุบัน ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศได้กลับมาตึงเครียดอีกครั้ง เมื่อมีข่าวการปฏิบัติโดยมิชอบต่อชาวแคเมอรูนในอิเควทอเรียลกินี ซึ่งเป็นเรื่องที่มีความละเอียดอ่อนสูงและมักเป็นสาเหตุของความตึงเครียดในความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศ อย่างไรก็ดี อิเควทอเรียลกินีและแคเมอรูนมีนโยบายที่สอดคล้องกันในด้านอุตสาหกรรมพลังงานและการส่งเสริมการรวมกลุ่มในภูมิภาค
3.5 ทรัพยากรน้ำมันและก๊าซธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ของอิเควทอเรียลกินีเป็นสิ่งดึงดูดให้นานาประเทศสนใจส่งเสริมความสัมพันธ์กับอิเควทอเรียลกินี เช่นเดียวกับในประเทศแอฟริกันอื่น ๆ จีนได้เข้ามาบทบาททางเศรษฐกิจมากขึ้นในอิเควทอเรียลกินี ในขณะที่บริษัทอเมริกันยังคงเป็นผู้ลงทุนหลักในอุตสาหกรรมไฮโดรคาร์บอนของประเทศ ▼
▲3.5 ทรัพยากรน้ำมันและก๊าซธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ของอิเควทอเรียลกินีเป็นสิ่งดึงดูดให้นานาประเทศสนใจส่งเสริมความสัมพันธ์กับอิเควทอเรียลกินี เช่นเดียวกับในประเทศแอฟริกันอื่น ๆ จีนได้เข้ามาบทบาททางเศรษฐกิจมากขึ้นในอิเควทอเรียลกินี ในขณะที่บริษัทอเมริกันยังคงเป็นผู้ลงทุนหลักในอุตสาหกรรมไฮโดรคาร์บอนของประเทศ
ความสัมพันธ์กับต่างประเทศ
เส้น 111 ⟶ 123:
ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับสาธารณรัฐอิเควทอเรียลกินี
ความสัมพันธ์กับประเทศไทย
1. ความสัมพันธ์ทั่วไป
1.1 การทูต
ไทยและอิเควทอเรียลกินีสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกันเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2534โดยไทยมอบหมายให้สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงอาบูจา มีเขตอาณาครอบคลุมอิเควทอเรียลกินี ในขณะที่อิเควทอเรียลกินีมอบหมายให้สถานเอกอัครราชทูตอิเควทอเรียลกินี ณ กรุงปักกิ่ง มีเขตอาณาครอบคลุมประเทศไทย ที่ผ่านมา ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับอิเควทอเรียลกินียังห่างเหิน ไม่ปรากฏการแลกเปลี่ยนการเยือนในระดับสูงระหว่างกัน
1.2 เศรษฐกิจ
ในปี 2551 ไทยและอิเควทอเรียลกินีมีมูลค่าการค้ารวม 4.85 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจาก 2.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2550 โดยไทยเป็นฝ่ายส่งออกและได้ดุลการค้าทั้งสิ้น และไม่ปรากฏข้อมูลการนำเข้าจากอิเควทอเรียลกินี
|