ผลต่างระหว่างรุ่นของ "จัวนาแห่งโปรตุเกส"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Darkydury (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
Potapt (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 1:
<br />{{กล่องข้อมูล เชื้อพระวงศ์|ชื่อ=จัวนาแห่งโปรตุเกส|ภาพ=ภาพ:D. Joana de Portugal, Rainha de Castela - The Portuguese Genealogy (Genealogia dos Reis de Portugal).png|ภาพกว้าง=200px|คำบรรยาย=อินฟันอิงฟังตาจัวนาในพงศาวลีกษัตริย์แห่งโปรตุเกส (อันโตนิโออังตอนียู เดดือ ฮอลันดาอูลังดา 1530–1534)|พระอิสริยยศ=พระราชินีคู่สมรสแห่งกัสติยา|ทรงราชย์=21 พฤษภาคม ค.ศ. 1455 – 11 ธันวาคม ค.ศ. 1474|พระราชสมภพ=31 มีนาคม ค.ศ. 1439|พระราชสมภพที่=[[อัลมาดา]] [[ราชอาณาจักรโปรตุเกส]]|สิ้นพระชนม์=13 มิถุนายน ค.ศ. 1475 (36 พรรษา)|สิ้นพระชนม์ที่=[[มาดริด]] [[ราชอาณาจักรกัสติยา]]|ฝังศพ=มหาวิหารซันฟรันซิสซานฟรันซิสโกเอลกรันเด [[มาดริด]]|พระสวามี=พระเจ้าเอ็นเอนริเกที่ 4 แห่งกัสติยา|พระโอรส/ธิดา=[[ฆวนนาฆัวนา ลา เบลตราเนฆา]]|ราชวงศ์=อาวิซวิช <small>(โดยกำเนิด)</small><br>ตรัสตรามารา <small>(โดยสมรส)</small>|พระบิดา=[[พระเจ้าดวร์ตเชดูวาร์ตือแห่งโปรตุเกส]]|พระมารดา=[[เลโอนอร์แห่งอารากอน สมเด็จพระราชินีแห่งโปรตุเกส]]}}
 
'''จัวนาแห่งโปรตุเกส''' ({{Lang-pt|Joana de Portugal}}); (31 มีนาคม ค.ศ. 1439<ref name=":0">[http://www.arqnet.pt/portal/portugal/temashistoria/duarte.html Historia de Portugal] - with source: Joel Serrão (dir.) Pequeno Dicionário de História de Portugal, Lisboa, Iniciativas Editoriais, 1976 - AND - Joaquim Veríssimo Serrão, História de Portugal, Volume II: Formação do Estado Moderno (1415-1495), 2.ª ed., Lisboa, Verbo, 1979</ref> – 13 มิถุนายน ค.ศ. 1475<ref name=":0" /><ref>Charles Cawley, ''Medieval Lands, Portugal''</ref>) เป็นพระราชินีคู่สมรสแห่งกัสติยาจากการเป็นพระมเหสีคนที่สองของพระเจ้าเอ็นเอนริเกที่ 4 แห่งกษัตริย์กัสติยา และเป็น[[อินฟันเต|อิงฟังตา]]แห่งโปรตุเกสจากการเป็นพระธิดาที่เกิดหลังการสิ้นพระชนม์ของพระเจ้าดวร์ตเชที่ดูวาร์ตือที่ 1 แห่งโปรตุเกส ทรงเดส็จพระราชสมภพหลังการสิ้นพระชนม์ของพระบิดาหกเดือน
 
<br />
 
== พระราชินีแห่งกัสติยา ==
จัวนาแห่งโปรตุเกสเสด็จพระราชสมภพในปลายเดือนมีนาคม ค.ศ. 1439 ที่เมือง[[อัลมาดา]]ใน[[ราชอาณาจักรโปรตุเกส|โปรตุเกส]] พระองค์เป็นพระธิดาของ[[พระเจ้าดวร์ตเชดูวาร์ตือแห่งโปรตุเกส]]กับ[[เลโอนอร์แห่งอารากอน สมเด็จพระราชินีแห่งโปรตุเกส|เลโอนอร์แห่งอารากอน]] และเป็นพระขนิษฐาของ[[พระเจ้าอาฟงซูที่ 5 แห่งโปรตุเกส]] พระองค์ไม่เคยเห็นหน้าพระบิดาเนื่องจากพระเจ้าดวร์ตเชดูวาร์ตือสิ้นพระชนม์ก่อนพระองค์เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันที่ 9 กันยายน ค.ศ. 1438 โดยมีผู้สืบทอดตำแหน่งคืออาฟงซู พระเชษฐาของจัวนา
 
เมื่อมีพระชนมายุ 15 พรรษา พระองค์ถูกจับหมั้นหมายกับ[[พระเจ้าเอ็นเอนริเกที่ 4 แห่งกัสติยา]]ที่ตกพุ่มม่ายหลังการสมรสของพระองค์กับ[[สมเด็จพระราชินีนาถบลังกาที่ 2 แห่งนาวาร์|บลังกาแห่งนาวาร์]]ถูกประกาศให้เป็นโมฆะเมื่อหนึ่งปีก่อนหน้าด้วยเหตุผลว่าตลอด 13 ปีที่ผ่านมา (ค.ศ. 1424–1462) การสมรสไม่เคยสมบูรณ์ มีปัจจัยหลายอย่างที่ทำให้พระเจ้าเอ็นเอนริเกต้องการอภิเษกสมรสกับจัวนา ประการแรกพระนางเป็นเจ้าหญิงของโปรตุเกส ราชอาณาจักรที่จะเป็นพันธมิตรช่วยพระองค์ต่อกรกับการขยายอำนาจของ[[พระเจ้าชวนที่ 2 แห่งอารากอน]] ประการที่สองพระองค์ยังไม่มีพระโอรสธิดากับบลังกา มีข่าวลือว่ากษัตริย์มีอาการกามตายด้านจึงทำให้การสมรสไม่เคยสมบูรณ์ พระองค์จึงต้องการพิสูจน์ความเป็นชายของตนและต้องการผลิตทายาท ความงามอันเป็นที่โจษจันของจัวนาอาจเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้พระเจ้าเอ็นเอนริเกเลือกพระนาง แม้ว่าพระมารดาของทั้งคู่จะเป็นพี่น้องกัน (ทั้งเลโอนอร์แห่งอารากอนและ[[มาริอาแห่งอารากอน สมเด็จพระราชินีแห่งกัสติยา|มาริอาแห่งอารากอน]]ต่างเป็นพระธิดาของ[[พระเจ้าเฟร์นันโดที่ 1 แห่งอารากอน]]กับ[[เลโอนอร์แห่งอัลบูร์เกร์เก สมเด็จพระราชินีแห่งอารากอน|เลโอนอร์แห่งอัลบูร์เกร์เก]])
 
จัวนาอภิเษกสมรสเป็นพระมเหสีคนที่สองของพระเจ้าเอ็นเอนริเกที่ 4 แห่งกัสติยาที่มีพระชนมายุมากกว่าพระองค์ 14 ปีเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม ค.ศ. 1455 มีการจัดพิธีเฉลิมฉลองใหญ่ในสเปน แต่ในช่วงแรกของการสมรสกษัตริย์ยังคงทำให้การสมรสสมบูรณ์ไม่ได้ พระองค์ได้รับกีโอมาร์กิโอมาร์ เด กัสโตร หนึ่งในผู้ติดตามของจัวนาเป็นสนมลับ อาจจะเพื่อเยียวยาความล้มเหลวของพระองค์ จัวนาที่โกรธเกรี้ยวทุบตีนางกำนัลของตนต่อหน้าสาธารณชน หลายปีผ่านไปจัวนายังคงไร้วี่แววจะตั้งครรภ์ จนกระทั่งในปีที่ 7 ของการสมรสพระนางได้ให้กำเนิดพระธิดาชื่อว่า[[ฆวนนาฆัวนา ลา เบลตราเนฆา|ฆวนนาฆัวนา]]ในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1462 สร้างความปิติยินดีให้แก่สองสามีภรรยา พระมหากษัตริย์และผู้อยู่ใต้ปกครองของพระองค์มีความสุขอย่างมากกับการถือกำเนิดของพระธิดา ไม่นานพระนางก็ตั้งครรภ์อีกครั้ง แต่พระโอรสสิ้นพระชนม์ในครรภ์
จัวนาแห่งโปรตุเกสเสด็จพระราชสมภพในปลายเดือนมีนาคม ค.ศ. 1439 ที่เมือง[[อัลมาดา]]ใน[[ราชอาณาจักรโปรตุเกส|โปรตุเกส]] พระองค์เป็นพระธิดาของ[[พระเจ้าดวร์ตเชแห่งโปรตุเกส]]กับ[[เลโอนอร์แห่งอารากอน สมเด็จพระราชินีแห่งโปรตุเกส|เลโอนอร์แห่งอารากอน]] และเป็นพระขนิษฐาของ[[พระเจ้าอาฟงซูที่ 5 แห่งโปรตุเกส]] พระองค์ไม่เคยเห็นหน้าพระบิดาเนื่องจากพระเจ้าดวร์ตเชสิ้นพระชนม์ก่อนพระองค์เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันที่ 9 กันยายน ค.ศ. 1438 โดยมีผู้สืบทอดตำแหน่งคืออาฟงซู พระเชษฐาของจัวนา
 
 
เมื่อมีพระชนมายุ 15 พรรษา พระองค์ถูกจับหมั้นหมายกับ[[พระเจ้าเอ็นริเกที่ 4 แห่งกัสติยา]]ที่ตกพุ่มม่ายหลังการสมรสของพระองค์กับ[[สมเด็จพระราชินีนาถบลังกาที่ 2 แห่งนาวาร์|บลังกาแห่งนาวาร์]]ถูกประกาศให้เป็นโมฆะเมื่อหนึ่งปีก่อนหน้าด้วยเหตุผลว่าตลอด 13 ปีที่ผ่านมา (ค.ศ. 1424–1462) การสมรสไม่เคยสมบูรณ์ มีปัจจัยหลายอย่างที่ทำให้พระเจ้าเอ็นริเกต้องการอภิเษกสมรสกับจัวนา ประการแรกพระนางเป็นเจ้าหญิงของโปรตุเกส ราชอาณาจักรที่จะเป็นพันธมิตรช่วยพระองค์ต่อกรกับการขยายอำนาจของ[[พระเจ้าชวนที่ 2 แห่งอารากอน]] ประการที่สองพระองค์ยังไม่มีพระโอรสธิดากับบลังกา มีข่าวลือว่ากษัตริย์มีอาการกามตายด้านจึงทำให้การสมรสไม่เคยสมบูรณ์ พระองค์จึงต้องการพิสูจน์ความเป็นชายของตนและต้องการผลิตทายาท ความงามอันเป็นที่โจษจันของจัวนาอาจเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้พระเจ้าเอ็นริเกเลือกพระนาง แม้ว่าพระมารดาของทั้งคู่จะเป็นพี่น้องกัน (ทั้งเลโอนอร์แห่งอารากอนและ[[มาริอาแห่งอารากอน สมเด็จพระราชินีแห่งกัสติยา|มาริอาแห่งอารากอน]]ต่างเป็นพระธิดาของ[[พระเจ้าเฟร์นันโดที่ 1 แห่งอารากอน]]กับ[[เลโอนอร์แห่งอัลบูร์เกร์เก สมเด็จพระราชินีแห่งอารากอน|เลโอนอร์แห่งอัลบูร์เกร์เก]])
 
 
จัวนาอภิเษกสมรสเป็นพระมเหสีคนที่สองของพระเจ้าเอ็นริเกที่ 4 แห่งกัสติยาที่มีพระชนมายุมากกว่าพระองค์ 14 ปีเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม ค.ศ. 1455 มีการจัดพิธีเฉลิมฉลองใหญ่ในสเปน แต่ในช่วงแรกของการสมรสกษัตริย์ยังคงทำให้การสมรสสมบูรณ์ไม่ได้ พระองค์ได้รับกีโอมาร์ เด กัสโตร หนึ่งในผู้ติดตามของจัวนาเป็นสนมลับ อาจจะเพื่อเยียวยาความล้มเหลวของพระองค์ จัวนาที่โกรธเกรี้ยวทุบตีนางกำนัลของตนต่อหน้าสาธารณชน หลายปีผ่านไปจัวนายังคงไร้วี่แววจะตั้งครรภ์ จนกระทั่งในปีที่ 7 ของการสมรสพระนางได้ให้กำเนิดพระธิดาชื่อว่า[[ฆวนนา ลา เบลตราเนฆา|ฆวนนา]]ในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1462 สร้างความปิติยินดีให้แก่สองสามีภรรยา พระมหากษัตริย์และผู้อยู่ใต้ปกครองของพระองค์มีความสุขอย่างมากกับการถือกำเนิดของพระธิดา ไม่นานพระนางก็ตั้งครรภ์อีกครั้ง แต่พระโอรสสิ้นพระชนม์ในครรภ์
<br />
 
== เรื่องฉาวโฉ่และบุตรนอกสมรส ==
 
 
ชีวิตของพระราชินีกับพระธิดาเริ่มลำบากเมื่อขุนนางฝ่ายคัดค้านไม่พอใจที่พระเจ้าเอ็นริเกไว้เนื้อเชื่อใจฆวน ปาเชโก มาควิสแห่งบีเยนาผู้โลภมากและตลบแตลง พระเจ้าเอ็นริเกเล็งเห็นว่าพระองค์ไม่สามารถกำราบชนชั้นสูงกัสติยาที่เป็นกบฏได้ ขณะเดียวกันก็ต้องเผชิญกับการคุกคามจากอารากอนและกรานาดา เพื่อลดทอนอำนาจของพระองค์ กลุ่มขุนนางฝ่ายคัดค้านได้เคลื่อนไหวเพื่อปลดพระเจ้าเอ็นริเกออกจากตำแหน่งและยกอัลฟอนโซ พระอนุชาต่างมารดาของพระองค์ขึ้นครองบัลลังก์ พระเจ้าเอ็นริเกกับจัวนาจึงจำต้องแยกจากกัน เพื่อเอาใจกลุ่มกบฏพระเจ้าเอ็นริเกยอมให้อาลอนโซ เด ฟอนเซกา อาร์ชบิชอปแห่งเซบียาจับพระนางเป็นตัวประกัน เพื่อเป็นหลักประกันว่าพระเจ้าเอ็นริเกจะยอมรับอัลฟอนโซเป็นทายาทของพระองค์ จัวนารอเวลาอยู่ในปราสาทของฟอนเซกาที่[[อาลาเอฆอส]]ด้วยความผิดหวังและเบื่อหน่าย ในปี ค.ศ. 1468 พระองค์ตั้งครรภ์บุตรชายนอกสมรส (ฝาแฝด) อันเป็นผลมากจากการคบชู้กับเปโดร เด กัสติยา อี ฟอนเซกา หลานชาย (ลูกของพี่น้อง) ของอาร์คบิชอป เมื่อพระองค์พยายามหนี สาธารณชนจึงได้รู้ถึงพฤติกรรมอันฉาวโฉ่ของพระองค์
 
 
== เรื่องฉาวโฉ่อื้อฉาวและบุตรนอกสมรส ==
ขณะเดียวกันอัลฟอนโซได้สิ้นพระชนม์ในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 1468 ฝ่ายตรงข้ามจึงต่อสู้เพื่อให้สิทธิ์ของพระองค์ตกเป็นของ[[สมเด็จพระราชินีนาถอิซาเบลที่ 1 แห่งกัสติยา|อิซาเบล]] พระขนิษฐาที่ต่อมาขึ้นครองราชย์เป็นสมเด็จพระราชินีนาถอิซาเบลที่ 1 แห่งกัสติยา นอกจากการใช้กำลังทางทหารเยี่ยงสัตว์เดรัจฉาน ฝ่ายคัดค้านยังวางกลยุทธ์ลดทอนความน่าเชื่อถือในตัวฆวนนา พระธิดาของพระเจ้าเอ็นริเกและจัวนา เดือนกันยายน ค.ศ. 1468 กลุ่มขุนนางกบฏบีบบังคับให้พระเจ้าเอ็นริเกยอมรับข้อตลงโตโรสเดกีซันโดที่ให้พระเจ้าเอ็นริเกประกาศสละสิทธิ์ในการสืบทอดบัลลังก์ของพระธิดา และยินยอมให้อิซาเบลเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งต่อจากพระองค์แทน กลุ่มขุนนางแย้งว่าที่ควรเป็นเช่นนี้เพราะพระเจ้าเอ็นริเกกับจัวนาไม่ได้รับการผ่อนผันจากพระสันตะปาปาที่ทั้งคู่จำเป็นต้องได้รับจึงจะสมรสกันได้ เนื่องจากเป็นลูกพี่ลูกน้องชั้นที่หนึ่งกัน การสมรสของทั้งคู่จึงไม่ชอบในทางกฎหมาย ทำให้ฆวนนาเป็นบุตรสาวนอกสมรสและไม่มีสิทธิ์ในบัลลังก์ บางแหล่งข้อมูลกล่าวว่าที่พระเจ้าเอ็นริเกทำเช่นนี้เพราะต้องการเอาคืนด้วยการคบชู้ของจัวนา
ชีวิตของพระราชินีกับพระธิดาเริ่มลำบากเมื่อขุนนางฝ่ายคัดค้านไม่พอใจที่พระเจ้าเอ็นเอนริเกไว้เนื้อเชื่อใจฆวน ปาเชโก มาควิสมาร์ควิสแห่งบีบิเยนาผู้โลภมากและตลบแตลง พระเจ้าเอ็นเอนริเกเล็งเห็นว่าพระองค์ไม่สามารถกำราบชนชั้นสูงกัสติยาที่เป็นกบฏได้ ขณะเดียวกันก็ต้องเผชิญกับการคุกคามจากอารากอนและกรานาดา เพื่อลดทอนอำนาจของพระองค์ กลุ่มขุนนางฝ่ายคัดค้านได้เคลื่อนไหวเพื่อปลดพระเจ้าเอ็นเอนริเกออกจากตำแหน่งและยกอัลฟอนโซ พระอนุชาต่างมารดาของพระองค์ขึ้นครองบัลลังก์ พระเจ้าเอ็นเอนริเกกับจัวนาจึงจำต้องแยกจากกัน เพื่อเอาใจกลุ่มกบฏพระเจ้าเอ็นเอนริเกยอมให้อาลอนโซ เด ฟอนเซกา อาร์ชบิชอปอัครมุขนายกแห่งเซบียาจับพระนางเป็นตัวประกัน เพื่อเป็นหลักประกันว่าพระเจ้าเอ็นเอนริเกจะยอมรับอัลฟอนโซเป็นทายาทของพระองค์ จัวนารอเวลาอยู่ในปราสาทของฟอนเซกาที่[[อาลาเอฆอสโฆส]]ด้วยความผิดหวังและเบื่อหน่าย ในปี ค.ศ. 1468 พระองค์ตั้งครรภ์บุตรชายนอกสมรส (ฝาแฝด) อันเป็นผลมากจากการคบชู้กับเปโดร เด กัสติยา อี ฟอนเซกา หลานชาย (ลูกของพี่น้อง) ของอาร์คบิชอปอัครมุขนายก เมื่อพระองค์พยายามหนี สาธารณชนจึงได้รู้ถึงพฤติกรรมอันฉาวโฉ่ของพระองค์
<br />
[[ไฟล์:Joana, a Excelente Senhora - The Portuguese Genealogy (Genealogia dos Reis de Portugal).png|thumb|ฆวนนา พระธิดา ในพงศาวลีกษัตริย์แห่งโปรตุเกส (อันโตนิโอ เด ฮอลันดา ค.ศ. 1530–1534)]]
ทว่าในปี ค.ศ. 470 พระเจ้าเอ็นริเกเพิกถอนข้อตกลงดังกล่าวและประกาศให้ฆวนนา พระธิดาเป็นทายาทของพระองค์อีกครั้ง ทำให้มีการปล่อยข่าวลือว่าพระเจ้าเอ็นริเกไม่ใช่บิดาตัวจริงของเด็กหญิง พระราชินีจัวนาเคยสนิทสนมกับข้าราชสำนักชื่อเบลตรัน เด ลา กูเอบา ดยุคที่ 1 แห่งอัลบูร์เกร์เกซึ่งถูกกล่าวหาว่าเป็นบิดาของฆวนนา พฤติกรรมอันฉาวโฉ่ที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานของจัวนาทำให้ข้อกล่าวหายิ่งมีน้ำหนัก แม้ว่าทั้งพระเจ้าเอ็นริเกและจัวนาจะสาบานต่อหน้าสาธารณชนว่าทั้งคู่เป็นบิดามารดาของเด็กหญิง แต่เด็กหญิงได้ถูกตั้งฉายาว่า ''ลา เบลตราเนฆา''
 
ขณะเดียวกันอัลฟอนโซได้สิ้นพระชนม์ในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 1468 ฝ่ายตรงข้ามจึงต่อสู้เพื่อให้สิทธิ์ของพระองค์ตกเป็นของ[[สมเด็จพระราชินีนาถอิซาเบลที่ 1 แห่งกัสติยา|อิซาเบล]] พระขนิษฐาที่ต่อมาขึ้นครองราชย์เป็นสมเด็จพระราชินีนาถอิซาเบลที่ 1 แห่งกัสติยา นอกจากการใช้กำลังทางทหารเยี่ยงสัตว์เดรัจฉาน ฝ่ายคัดค้านยังวางกลยุทธ์ลดทอนความน่าเชื่อถือในตัวฆวนนาฆัวนา พระธิดาของพระเจ้าเอ็นเอนริเกและจัวนา เดือนกันยายน ค.ศ. 1468 กลุ่มขุนนางกบฏบีบบังคับให้พระเจ้าเอ็นเอนริเกยอมรับข้อตลงตกลงโตโรสเดกีซันกิซันโดที่ให้พระเจ้าเอ็นเอนริเกประกาศสละสิทธิ์ในการสืบทอดบัลลังก์ของพระธิดา และยินยอมให้อิซาเบลเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งต่อจากพระองค์แทน กลุ่มขุนนางแย้งว่าที่ควรเป็นเช่นนี้เพราะพระเจ้าเอ็นเอนริเกกับจัวนาไม่ได้รับการผ่อนผันจากพระสันตะปาปาที่ทั้งคู่จำเป็นต้องได้รับจึงจะสมรสกันได้ เนื่องจากเป็นลูกพี่ลูกน้องชั้นที่หนึ่งกัน การสมรสของทั้งคู่จึงไม่ชอบในทางกฎหมาย ทำให้ฆวนฆัวนาเป็นบุตรสาวนอกสมรสและไม่มีสิทธิ์ในบัลลังก์ บางแหล่งข้อมูลกล่าวว่าที่พระเจ้าเอ็นเอนริเกทำเช่นนี้เพราะต้องการเอาคืนด้วยการคบชู้ของจัวนา
 
[[ไฟล์:Joana, a Excelente Senhora - The Portuguese Genealogy (Genealogia dos Reis de Portugal).png|thumb|ฆวนนาฆัวนา พระธิดา ในพงศาวลีกษัตริย์แห่งโปรตุเกส (อันโตนิโออังตอนียู เดดือ ฮอลันดาอูลังดา ค.ศ. 1530–1534)]]
ต่อมาจัวนาได้บวชเข้าคอนแวนต์ซันฟรันซิสโกใน[[เซโกเบีย]] เมื่อพระเจ้าเอ็นริเกสิ้นพระชนม์ในปี ค.ศ. 1474 พระนางพยายามแย่งชิงสิทธิ์ในการสืบทอดตำแหน่งมาให้ฆวนนา ทว่าพระนางเองกลับสิ้นพระชนม์ในอีกไม่กี่เดือนต่อมาในวันที่ 13 มิถุนายน ค.ศ. 1475 ร่างของจัวนาถูกฝังในคอนแวนต์ที่พระนางสิ้นพระชนม์ แต่หลุมฝังศพของพระนางไม่เหลืออยู่แล้ว
ทว่าในปี ค.ศ. 470 พระเจ้าเอ็นเอนริเกเพิกถอนข้อตกลงดังกล่าวและประกาศให้ฆวนนาฆัวนา พระธิดา เป็นทายาทของพระองค์อีกครั้ง ทำให้มีการปล่อยข่าวลือว่าพระเจ้าเอ็นเอนริเกไม่ใช่บิดาตัวจริงของเด็กหญิง พระราชินีจัวนาเคยสนิทสนมกับข้าราชสำนักชื่อเบลตรัน เด ลา กูเอบา ดยุคที่ 1 แห่งอัลบูร์เกร์เกซึ่งถูกกล่าวหาว่าเป็นบิดาของฆวนนาฆัวนา พฤติกรรมอันฉาวโฉ่ที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานของจัวนาทำให้ข้อกล่าวหายิ่งมีน้ำหนัก แม้ว่าทั้งพระเจ้าเอ็นเอนริเกและจัวนาจะสาบานต่อหน้าสาธารณชนว่าทั้งคู่เป็นบิดามารดาของเด็กหญิง แต่เด็กหญิงได้ถูกตั้งฉายาว่า ''ลา เบลตราเนฆา''
 
ต่อมาจัวนาได้บวชเข้าคอนแวนต์ซันฟรันซิสโกในซานฟรันซิสโกใน[[เซโกเบีย]] เมื่อพระเจ้าเอ็นเอนริเกสิ้นพระชนม์ในปี ค.ศ. 1474 พระนางพยายามแย่งชิงสิทธิ์ในการสืบทอดตำแหน่งมาให้ฆวนนาฆัวนา ทว่าพระนางเองกลับสิ้นพระชนม์ในอีกไม่กี่เดือนต่อมาในวันที่ 13 มิถุนายน ค.ศ. 1475 ร่างของจัวนาถูกฝังในคอนแวนต์ที่พระนางสิ้นพระชนม์ แต่หลุมฝังศพของพระนางไม่เหลืออยู่แล้ว
 
บุตรชายนอกสมรสของพระนางได้แต่งงานทั้งคู่และมีอย่างน้อยหนึ่งคนที่มีทายาท ขณะที่ฆวนนาฆัวนา ลา เบลตราเนฆา พระธิดาถูกขับไล่ออกจากประเทศไปอยู่ในโปรตุเกส บางแหล่งข้อมูลกล่าวว่าเรื่องราวของพระองค์ถูกใส่สีตีไข่โดยนักโฆษณาชวนเชื่อและนักประวัติศาสตร์ของอิซาเบลที่ต้องการทำลายชื่อเสียงของพระเจ้าเอ็นเอนริเกและจัวนาแห่งโปรตุเกสเพื่อช่วยสร้างความชอบธรรมให้แก่พระมหากษัตริย์คนใหม่
<br />
 
== อ้างอิง ==
เส้น 42 ⟶ 29:
[[หมวดหมู่:บุคคลที่เกิดในปี พ.ศ. 1982]]
[[หมวดหมู่:บุคคลที่เสียชีวิตในปี พ.ศ. 2018]]
[[หมวดหมู่:ราชวงศ์อาวิซวิช]]
[[หมวดหมู่:ราชวงศ์ตรัสตามารา]]
[[หมวดหมู่:พระราชินีคู่สมรสแห่งกัสติยา]]