ผลต่างระหว่างรุ่นของ "โรซาริโอ กัสเตยาโนส"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Wayamar (คุย | ส่วนร่วม)
สร้างขึ้นโดยการแปลหน้า "Rosario Castellanos"
 
Wayamar (คุย | ส่วนร่วม)
แก้คำผิด
บรรทัด 6:
โชคชะตาของครอบครัวเปลี่ยนไปอย่างกะทันหันเมื่อ Lázaro Cárdenas ประธานาธิบดีของประเทศเม็กซิโกออกกฎหมายปฏิรูปที่ดิน และนโยบายการปลดปล่อยชาวนา ซึ่งทำให้ครอบครัวของเธอต้องสูญเสียที่ดินจำนวนมาก เธอย้ายไปยัง [[เม็กซิโกซิตี|เม็กซิโกซิตี้]] ตอนอายุสิบห้าปีพร้อมกับพ่อแม่ หนึ่งปีต่อมาพ่อแม่ของเธอเสียชีวิต เธอจึงถูกทิ้งให้ดูแลตัวเอง
 
แม้ว่าจะยังคงมีนิสัยเก็บตัว เธอได้เข้าร่วมกลุ่มปัญญาชนชาวเม็กซิโกและอเมริกากลาง เธอได้อ่านงานเขียนมากมายและเริ่มเขียนงานของตัวเอง เธอเรียนปรัชญาและวรรณคดีที่ [./https://en.wikipedia.org/wiki/National_Autonomous_University_of_Mexico National Autonomous University of Mexico] (UNAM) และได้เข้าเป็นอาจารย์ในที่เดียวกัน เธอได้เข้าร่วมสถาบันพื้นเมืองแห่งชาติ ([./https://en.wikipedia.org/wiki/National_Indigenous_Institute National Indigenous Institute]) ได้เขียนบทสำหรับการแสดงหุ่นเชิดในภูมิภาคที่ยากจนเพื่อส่งเสริม[[การรู้หนังสือ]] สถาบันดังกล่าวก่อตั้งขึ้นโดยประธานาธิบดี Cárdenas ผู้ยึดครองที่ดินของครอบครัว นอกจากนี้เธอยังเขียนคอลัมน์ประจำสัปดาห์สำหรับหนังสือพิมพ์ ''Excélsior ด้วย''
 
เธอแต่งงานกับริการฺโด เกรฺรา เตคาดา (Ricardo Guerra Tejada) ศาสตราจารย์วิชาปรัชญาในปีค.ศ. 1958 และให้กำเนิดบุตรชายในปีค.ศ. 2504 ชื่อว่า กาเบรียล เกรฺรา กาสเตญาโนส (Gabriel Guerra Castellanos) (ปัจจุบันเป็น นักวิทยาศาสตร์ทางการเมือง) นับเป็นช่วงเวลาสำคัญในชีวิตของเธอ เนื่องจากก่อนหน้านี้เธอต้องทุกข์ทรมานจากภาวะซึมเศร้าหลังจากการแท้งหลายครั้ง <ref> Caballero, Oscar Bonifaz และ Myralyn Frizzelle Allgood ความทรงจำของโรซาริโอ: ความเป็นส่วนตัวในชีวิตและผลงานของโรซาริโอกาสเตลาโนส Potomac, MD: Scripta Humanistica, 1990. พิมพ์ </ref> อย่างไรก็ตามเธอหย่าขาดจากสามีหลังจากแต่งงานมา 13 ปีเนื่องจากสามีนอกใจ ชีวิตส่วนตัวของเธอส่วนใหญ่หมดไปกับชีวิตคู่ที่ยากลำบากและภาวะซึมเศร้าต่อเนื่อง แต่เธอก็ได้ทุ่มเทพลังและพื้นที่งานส่วนใหญ่ ให้แก่การปกป้องสิทธิสตรี ซึ่งทำให้เธอกลายเป็นสัญลักษณ์ของ[[สตรีนิยม]]ละตินอเมริกา <ref> Cano, Gabriela “ Rosario Castellanos: Entre Preguntas Estúpidas y Virtudes Locas” Debate Feminista, vol. 6, 1992, pp. 253–259., www.jstor.org/stable/42625663 </ref> <ref> Cárdenas, Ezequiel “ ในหน่วยความจำ: ROSARIO CASTELLANOS 2468-2517.” Letras Femeninas, vol. 1 หมายเลข 1, 1975, pp. 72–74., www.jstor.org/stable/23066473 </ref>
บรรทัด 16:
== ผลงานและอิทธิพล ==
[[ไฟล์:RosarioCastellanostombDoloresDF.JPG|thumb| หลุมศพของโรซาริโอ กาสเตญาโนส ]]
ตลอดอาชีพนักเขียนของเธอ กาเตญาโนสได้เขียนบทกวีและบทความมากมาย บทละครใหญ่เรื่องหนึ่ง และนวนิยายสามเรื่อง ได้แก่ กึ่งอัตชีวประวัติ ''Balún Canán'' และ ''Oficio de Tinieblas'' (แปลเป็นภาษาอังกฤษว่า ''<a href="./https://en.wikipedia.org/wiki/The_Book_of_Lamentations_(novel)" rel="mw:WikiLink" data-linkid="88" class="new cx-link" title="The Book of Lamentations (novel)">The Book of Lamentations</a>'' ) ซึ่งเล่าเรื่องราวการจลาจลของชนพื้นเมือง Tzotzil ใน[[รัฐเชียปัส]] โดยมีพื้นฐานมาจากเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในศตวรรษที่ 19 แม้เธอจะไม่ใช่ชาวพื้นเมืองแท้ๆ กาสเตญาโนสได้แสดงความห่วงใยและความเข้าใจชะตากรรมของชนพื้นเมืองอย่างมาก ''Cartas a Ricardo'' เป็นคอลเลกชันจดหมายที่เธอส่งให้สามี ริการ์โด เกรฺรา (Ricardo Guerra) ซึ่งถูกตีพิมพ์หลังจากเสียชีวิตไปแล้ว เช่นเดียวกับนิยายเรื่องที่สามของเธอ ''Rito de iniciación'' ซึ่งเป็นนิยายรูปแบบนวนิยายของการศึกษา (bildungsromanBildungsroman) เกี่ยวกับหญิงสาวที่ค้นพบความเป็นนักเขียนของตัวเอง ใน ''Cartas Ricardo'' มีจดหมาย 28 ฉบับที่กาสเตญาโนสส่งมาจาก[[ประเทศสเปน]] (ค.ศ. 1950-1951) ซึ่งเธอเดินทางไปกับเพื่อนนักกวีชื่อโดโลเรส กาสโตร (Dolores Castro)
 
''Ciudad Real'' คือชุดของเรื่องสั้นที่ตีพิมพ์ในปีค.ศ. 1960 ใจความสำคัญที่กาสเตญาโนสถ่ายทอดในเรื่องสั้นเหล่านี้คือความแตกต่างระหว่างกลุ่มคนผิวขาวและคนพื้นเมือง รวมทั้งยังพูดถึงความแตกต่างระหว่างผู้ชายและผู้หญิงด้วย การสื่อสารเป็นประเด็นสำคัญในงานเขียนของกาสเตญาโนส โดย ''Ciudad Real'' แสดงให้เห็นถึงความตึงเครียดระหว่างคนพื้นเมืองของรัฐ[[รัฐเชียปัส|เชียปัสเม็กซิโก]] และคนผิวขาวที่ไม่สามารถสื่อสารซึ่งกันและกัน และไม่ไว้ใจกันเพราะพูดคนละภาษา เนื้อเรื่องลักษณะนี้ และเรื่องราวความโดดเดี่ยวของบุคคลชายขอบมักปรากฎในงานคอลเลกชันนี้ของเธอเสมอ อย่างไรก็ตามเรื่องสั้นสุดท้ายของคอลเลคชันนี้ค่อนข้างแตกต่างจากเรื่องอื่นๆ โดยในเรื่องนี้อาร์เธอร์ ตัวละครหลักผู้รู้ทั้ง[[ภาษาสเปน]]และภาษาพื้นเมือง และสามารถทำลายกำแพงที่ขวางกั้นระหว่างสองกลุ่มที่แตกต่างกันตลอดทั้งนวนิยาย ในตอนท้ายอาร์เธอร์เชื่อมโยงตัวเองเข้ากับธรรมชาติ (นับเป็นสิ่งที่หาได้ยากในงานของกาสเตญาโนส) และพบความสงบสุขกับตัวเองและกับโลก มันเป็นเรื่องสั้นเรื่องเดียวในคอลเลคชันนี้ที่จบอย่างมีความสุข
บรรทัด 23:
 
สวนสาธารณะแห่งหนึ่งในเขต Cuajimalpa de Morelos ในกรุง[[เม็กซิโกซิตี]] นั้นตั้งชื่อตามเธอ
 
== อ้างอิง ==
 
** ''Balún-Canán'' Fondo de Cultura Economica, 1957; 2007, [[:en:International Standard Book Number|ISBN]] [./https://en.wikipedia.org/wiki/Special:BookSources/9789681683030 9789681683030]