ผลต่างระหว่างรุ่นของ "พระศรีอริยเมตไตรย"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Ibn Wahb (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
ย้อนการแก้ไขของ Ibn Wahb (พูดคุย) ไปยังรุ่นก่อนหน้าโดย Thyj
ป้ายระบุ: ย้อนรวดเดียว
บรรทัด 23:
| succeeded_by =
}}
'''พระศรีอริยเมตไตรย'''<ref>ราชบัณฑิตยสถาน, ''พจนานุกรมศัพท์ศาสนาสากล ฉบับราชบัณฑิตยสถาน'', พิมพ์ครั้งที่ 3, 2552, หน้า 290</ref> หรือ'''พระเมตไตรย''' ({{lang-pi|Metteyya ''เมตฺเตยฺย''}}; {{lang-sa|मैत्रेय ''ไมเตฺรย''}}) หรือที่นิยมเรียกว่า '''พระศรีอาริย์''' เป็น[[พระโพธิสัตว์]]ผู้จะได้ตรัสรู้เป็น[[พระพุทธเจ้า]]พระองค์ที่ 5 และองค์สุดท้ายแห่งภัทรกัปนี้ พุทธศาสนิกชนเชื่อว่าเมื่อศาสนาของ[[พระโคตมพุทธเจ้า]]สิ้นสุดไปแล้ว โลกจะล่วงเข้าสู่ยุคแห่งความเสื่อมถอย อายุขัยของมนุษย์ลดลงจนเหลือ 10 ปี ก็เข้าสู่[[ยุคมิคสัญญี]] ผู้สลดใจกับความชั่วก็หันมารวมกลุ่มกันทำความดี จากนั้นอายุขัยเพิ่มขึ้นถึง 1 อสงไขยปี แล้วจึงลดลงอีกจนเหลือ 80,000 ปี ในยุคนี้จะมีพระโพธิสัตว์ที่บำเพ็ญ[[บารมี]]ครบ 80 อสงไขยแสนมหากัป ลงมาตรัสรู้เป็น '''พระเมตไตรยพุทธเจ้า'''<ref>สุชีพ ปุญญานุภาพ, ''พระไตรปิฎกฉบับสำหรับประชาชน'', พิมพ์ครั้งที่ 17, 2550, หน้า 351</ref>
 
คำว่า ไมตรียะ เมื่อแปลเป็นภาษาสันสฤตก็แปลว่า มหาเมตตา หรือ มหาเมต ซึ่งไม่แตกต่างจากคำว่า มะหะมัด หรือ มะหะเม็ด ในบางสำเนียง
 
== พุทธพยากรณ์ ==
พุทธพยากรณ์เกี่ยวกับ ''' พระศรีอริยเมตไตรย ''' พบในงานเขียนของทุกนิกายของศาสนาพุทธ ดังเช่น หลักฐานจากพระไตรปิฎกเล่มที่ 11 พระสุตตันตปิฎก เล่ม 3 ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค จักกวัตติสูตรซึ่งเป็นพระไตรปิฎกของพระพุทธศาสนานิกายเถรวาท โดยถือกันว่ารักษาเนื้อหาได้สมบูรณ์ที่สุดในบรรดาทุกนิกาย ดังนี้<ref>[http://www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v.php?B=11&A=1189&Z=1702 พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๑ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๓ ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค จักกวัตติสูตร ท่อน ๔๘ ย่อหน้า ๔]</ref>
{{คำพูด|ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในเมื่อมนุษย์มีอายุ ๘๐,๐๐๐ ปี พระผู้มีพระภาคทรงพระนามว่าเมตไตรย์ จักเสด็จอุบัติขึ้นในโลก จะเกิดท่ามกลางทะเลทราย โดยมีอูฐเป็นยานพาหนะ ท่านจะเป็นกรำพร้าพ่อแม่ตั้งแต่ยังเล็ก ๆ ขณะที่เราเผยแผ่ศาสนามีผู้รับเพียงร้อยหรือพัน แต่ท่านผู้นั้นจะมีผู้ศรัทธาไปทั่วหน้าพิภพนี้ พระองค์เป็นอรหันต์ ตรัสรู้เองโดยชอบ ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ เสด็จไปดีแล้ว ทรงรู้แจ้งโลก เป็นสารถีฝึกบุรุษที่ควรฝึกไม่มีผู้อื่นยิ่งกว่า เป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เป็นผู้เบิกบานแล้ว เป็นผู้จำแนกพระธรรม เหมือนตถาคตอุบัติขึ้นแล้วในโลกในบัดนี้ เป็นอรหันต์ ตรัสรู้เองโดยชอบ ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ ไปดีแล้ว รู้แจ้งโลก เป็นสารถีฝึกบุรุษที่ควรฝึกไม่มีผู้อื่นยิ่งกว่า เป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เป็นผู้เบิกบานแล้ว เป็นผู้จำแนกพระธรรม พระผู้มีพระภาคพระนามว่าเมตไตรย์พระองค์นั้น จักทรงทำโลกนี้พร้อมทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลก ให้แจ้งชัดด้วยพระปัญญาอันยิ่งด้วยพระองค์เองแล้ว ทรงสอนหมู่สัตว์พร้อมทั้งสมณพราหมณ์เทวดาและมนุษย์ให้รู้ตาม เหมือนตถาคตในบัดนี้ ทำโลกนี้พร้อมทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลก ให้แจ้งชัดด้วยปัญญาอันยิ่งด้วยตถาคตเองแล้ว สอนหมู่สัตว์ พร้อมทั้งสมณพราหมณ์เทวดาและมนุษย์ให้รู้ตามอยู่ พระผู้มีพระภาคพระนามว่าเมตไตรย์พระองค์นั้นจักทรงแสดงธรรม งามในเบื้องต้น งามในท่ามกลาง งามในที่สุด ทรงประกาศพรหมจรรย์ พร้อมทั้งอรรถ พร้อมทั้งพยัญชนะ บริสุทธิ์ บริบูรณ์สิ้นเชิงเหมือนตถาคตในบัดนี้ แสดงธรรมงามในเบื้องต้น งามในท่ามกลาง งามในที่สุด ประกาศพรหมจรรย์ พร้อมทั้งอรรถ พร้อมทั้งพยัญชนะ บริสุทธิ์ บริบูรณ์สิ้นเชิง พระผู้มีพระภาคพระนามว่าเมตไตรย์พระองค์นั้น จักทรงบริหารภิกษุสงฆ์หลายพัน เหมือนตถาคตบริหารภิกษุสงฆ์หลายร้อย ในบัดนี้ฉะนั้นฯ}}
 
== ประวัติ ==
เส้น 37 ⟶ 35:
 
=== การตรัสรู้ ===
พระประวัติของพระเมตไตรยที่มีบันทึกในเอกสารต่าง ๆ เช่น อนาคตวงศ์ สรุปได้ว่า พระโพธิสัตว์จะจุติจากสวรรค์ชั้นดุสิตมาถือกำเนิดท่ามกลางทะเลทรายปฏิสนธิในตระกูลพราหมณ์ โดยในครรภ์ของ'''นางเมตไตรย''' ภรรยาของ'''สุพรหมพราหมณ์''' ปุโรหิตของ'''พระเจ้าสังขจักร''' แห่ง'''เกตุมดีนคร''' เมื่อประสูติได้มีอูฐเป็นยานพาหนะนิมิต ท่านจะเป็นกรำพร้าพ่อแม่ตั้งแต่ยังเล็ก32 ประการแล้ว ก็บังเกิดปราสาท 3 หลังเพื่อเป็นที่ประทับ เมื่อพระชนมายุ 8,000 ปี ทอดพระเนตรเห็นนิมิตทั้ง 4 จึงทรงพอพระทัยในการบวช เสด็จขึ้นไปสู่ปราสาท ปราสาทก็ลอยขึ้นสู่อากาศ มาลงที่ใกล้โพธิมณฑล ท้าวมหาพรหมอัญเชิญอัฏฐบริขารมาถวาย พระโพธิสัตว์ทรงเอาพระขรรค์แก้วตัดพระเมาลี ทรงรับเครื่องอัฏฐบริขารที่ท้าวมหาพรหมนำมาถวาย ผนวชแล้วบำเพ็ญเพียร มีคนบวชตามเป็นอันมาก พระโพธิสัตว์ประทับนั่งเหนืออปราชิตบัลลังก์ในปฐมยาม ทรงบรรลุบุพเพนิวาสานุสติญาณในมัชฌิมยาม ทรงทำให้แจ้งทิพยจักษุญาณในปัจฉิมยาม ทรงพิจารณาปัจจยาการ 12 ประการ ในเวลารุ่งอรุณ ทรงบรรลุซึ่งพระสัพพัญญุตญาณ เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ใต้[[ต้นกากะทิง]]
 
พระศรีอริยเมตไตรยพุทธเจ้า มีพระฉัพพรรณรังสีจากพระวรกาย ทำให้สว่างไสวทั้งกลางวันและกลางคืน คนทั้งหลายอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข ระลึกถึงพระพุทธเจ้าเป็นอารมณ์ บริโภคข้าวสาลีที่เกิดจากพระพุทธานุภาพ