ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ประเทศเวียดนาม"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
แทนที่เนื้อหาด้วย "'''สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม''' เป็นประเทศในเอซีย..."
JBot (คุย | ส่วนร่วม)
ย้อนการแก้ไขที่อาจเป็นการทดลอง หรือก่อกวนด้วยบอต ไม่ควรย้อน? แจ้งที่นี่
ป้ายระบุ: เพิ่มยูอาร์แอล wikipedia.org
บรรทัด 1:
{{กล่องข้อมูล ประเทศ
'''สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม''' เป็นประเทศใน[[เอซีย]]ตะวันตกเฉียงใต้ มีพรมแดนติดกับ[[ประเทศจีน]] [[ประเทศลาว]] [[ประเทศกัมพูชา]]และ[[อ่าวตังเกี๋ย]]
| native_name = {{lang|vi|Cộng hòa xã hội chủ nghĩa Việt Nam}} <small>{{vi icon}}</small>
| conventional_long_name = สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม
| common_name = เวียดนาม
| national_motto = Độc lập – Tự do – Hạnh phúc ดกเหฺลิบ ตึซอ หั่ญฟุก (เหนือ)
ดกเหฺลิบ ตึยอ หั่ญฟุก (ใต้)<br /> ("เอกราช อิสรภาพ ความสุข")
| national_anthem = [[มาร์ชทหารเวียดนาม]] <br/> (Tiến Quân Ca){{lower|0.1em|{{refn|Only the first verse of the "Army March" is recognized as the official national anthem of the Socialist Republic of Vietnam.|group=N}}}}<center>[[ไฟล์:United States Navy Band - Tiến Quân Ca.ogg]]</center>
| image_flag = Flag of Vietnam.svg
| image_coat = Coat of arms of Vietnam.svg
| image_map = Location Vietnam ASEAN.svg
| map_caption = {{map caption |location_color=เขียว| region= [[สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้|อาเซียน]] | region_color=เทาเข้ม | legend=Location Vietnam ASEAN.svg}}
| capital = [[ฮานอย]] |latd=21|latm=2|latNS=N|longd=105|longm=51|longEW=E
| largest_city = [[นครโฮจิมินห์]]
| official_languages = [[ภาษาเวียดนาม]]
| government_type = [[คอมมิวนิสต์]]
| leader_title1 = [[ประธานาธิบดีเวียดนาม|ประธานาธิบดี]]
| leader_title2 = [[นายกรัฐมนตรีเวียดนาม|นายกรัฐมนตรี]]
| leader_title3 = ประธานสมัชชาแห่งชาติเวียดนาม
| leader_title4 =
| leader_name1 = [[เหงียน ฟู้ จ่อง]]
| leader_name2 = [[เหงียน ซวน ฟุก]]
| leader_name3 = [[เหงียน ถิ กีม เงิน]]
| leader_name4 =
| sovereignty_type = [[ประวัติศาสตร์เวียดนาม#สมัยหลังสงครามโลกครั้งที่ 2|เอกราช]]
| sovereignty_note = จาก [[ประเทศฝรั่งเศส|ฝรั่งเศส]]
| established_event1 = ประกาศ
| established_event2 = เป็นที่ยอมรับ
| established_date1 = [[2 กันยายน]] [[พ.ศ. 2488]]<ref name="Robbers 1021">{{cite book |last=Robbers |first=Gerhard |title=Encyclopedia of world constitutions |url=http://books.google.com/books?id=M3A-xgf1yM4C&pg=PA1021 |accessdate=1 July 2011 |date=30 January 2007 |publisher=[[Infobase Publishing]] |isbn=978-0-8160-6078-8 |page=1021}}</ref>
| established_date2 = [[พ.ศ. 2497]]
| area_km2 = 331,689
| area_sq_mi = 128,065
| area_rank = 65
| area_magnitude = 1 E9
| percent_water = 1.3 <ref name=IndexMundi2011>[http://www.indexmundi.com/vietnam/geography_profile.html Vietnam – Geography]. Index Mundi. 12 July 2011. Retrieved 19 December 2011.</ref>
| population_estimate = 93,700,000 <ref>{{cite web |url=http://www.imf.org/external/pubs/ft/weo/2013/02/weodata/weorept.aspx?pr.x=73&pr.y=7&sy=2013&ey=2013&scsm=1&ssd=1&sort=country&ds=.&br=1&c=582&s=NGDPD%2CNGDPDPC%2CPPPGDP%2CPPPPC%2CLP&grp=0&a= |title=World Economic Outlook: Vietnam |publisher=[[International Monetary Fund]] |date=October 2013 |accessdate=16 February 2014}}</ref>
| population_estimate_year = 1 กรกฎาคม 2560
| population_estimate_rank = 13
| population_census =
| population_census_year =
| population_density_km2 = 272
| population_density_sq_mi = 703
| population_density_rank = 46
| GDP_PPP_year = 2559
| GDP_PPP = $ 753.902 พันล้าน
| GDP_PPP_rank =
| GDP_PPP_per_capita = $ 6,994
| GDP_PPP_per_capita_rank =
| GDP_nominal_year = 2559
| GDP_nominal = $ 263 พันล้าน
| GDP_nominal_rank =
| GDP_nominal_per_capita = $ 2,280
| GDP_nominal_per_capita_rank =
| Gini_year = 2557
| Gini = 34.8<ref name="GINI">{{cite web|url=https://data.worldbank.org/indicator/SI.POV.GINI?locations=VN |title=Vietnam|publisher=World Bank}}</ref>
| HDI_year = 2559
| HDI = {{increase}} 0.694
| HDI_rank = 115th
| HDI_category = <font color="orange">ปานกลาง</font>
| currency = [[ด่องเวียดนาม|ด่อง]] (₫)<ref>{{cite web |url=http://www.travelsradiate.com/asia/socialist-republic-of-vietnam.html |title=Socialist Republic of Vietnam |publisher=Travelsradiate.com |accessdate=6 August 2011}}</ref>
| currency_code = VND
| time_zone =
| utc_offset = +7
| time_zone_DST =
| utc_offset_DST = +7
| drives_on = ขวามือ
| cctld = [[.vn]]
| calling_code = 84
| footnotes =
}}
'''เวียดนาม''' ({{lang-vi|Việt Nam}} {{IPA|[viət˨ nam˧]||Vietnam.ogg}} ''เหฺวียดนาม'') มีชื่ออย่างเป็นทางการคือ '''สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม''' ({{lang-vi|Cộng hòa xã hội chủ nghĩa Việt Nam}}, ก่ง ฮหว่า สา โห่ย จู๋ เหงีย เหวียต นาม) เป็นประเทศใน[[เอเชียตะวันออกเฉียงใต้]] ตั้งอยู่ทางด้านตะวันออกสุดของคาบสมุทร[[อินโดจีน]] มีประชากรประมาณ 94.6 ล้านคนใน พ.ศ. 2559 ทำให้[[รายชื่อประเทศเรียงตามจำนวนประชากร|มีประชากรมากที่สุดเป็นอันดับ 13 ของโลก]]และ[[รายชื่อประเทศในทวีปเอเชียเรียงตามประชากร|มากเป็นอันดับ 9 ของเอเชีย]] มีพรมแดนติดกับ[[ประเทศจีน]] ทางทิศเหนือ [[ประเทศลาว]] และ[[ประเทศกัมพูชา]] ทางทิศตะวันตก และ[[อ่าวตังเกี๋ย]] [[ทะเลจีนใต้]] [[อ่าวไทย]] ทางทิศตะวันออกและใต้ {{efn|ทะเลจีนใต้ในเวียดนามเรียกว่าทะเลตะวันออก ({{lang|vi|Biển Đông}})<ref>{{cite web|title=China continues its plot in the East Sea|url=http://m.english.vietnamnet.vn/fms/government/54432/china-continues-its-plot-in-the-east-sea.html|publisher=Vietnamnet News|date=10 December 2012|accessdate=16 February 2013}}</ref>}} มี[[เมืองหลวง]]ชื่อ[[ฮานอย]]ตั้งแต่เวียดนามเหนือและใต้รวมกันใน พ.ศ. 2519 เมืองใหญ่สุดในประเทศคือ[[นครโฮจิมินห์]]
 
ทางเหนือของเวียดนามเคยเป็นส่วนหนึ่งของ[[ประวัติศาสตร์จีน|จักรวรรดิจีน]]กว่าพันปี ตั้งแต่ 111 ปีก่อนคริสต์ศักราชถึง ค.ศ. 939 รัฐแรกเริ่มของเวียดนามก่อตั้งขึ้นเมื่อประมาณปี 939 หลังเวียดนามชนะจีน(มองโกล)ใน[[ยุทธนาวีบักดั่ง (ค.ศ. 1288)|ยุทธนาวีแม่น้ำบักดั่ง]] เวียดนามและ[[รายพระนามจักรพรรดิเวียดนาม|จักรพรรดิเวียดนาม]]ก็เจริญรุ่งเรืองและเริ่มแผ่ขยายอิทธิพลเข้าไปในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จนกระทั่งตกเป็น[[อินโดจีนของฝรั่งเศส]]ของฝรั่งเศสในช่วงกลางศตวรรษที่ 19
<table border="1" cellpadding="2" cellspacing="0" align="right" width="300px">
 
<caption><font size="+0.9">'''C&#7897;ng Hòa Xã H&#7897;i Ch&#7911; Ngh&#297;a Vi&#7879;t Nam<br>(ก่ง หั้ว ซ้า โห่ย ฉู เงี้ย เหวียต นาม)'''</font></caption>
หลังจาก[[การบุกครองอินโดจีนฝรั่งเศสของญี่ปุ่น|การยึดครองของญี่ปุ่น]]ใน พ.ศ. 2483 เวียดนามสู้รบกับฝรั่งเศสใน[[สงครามอินโดจีนครั้งที่หนึ่ง]] 2 กันยายน [[โฮจิมินห์]]ประกาศสถาปนา[[สาธารณรัฐประชาธิปไตยเวียดนาม]] ในปี พ.ศ. 2497 เวียนนามชนะผรั่งเศสอย่างเด็ดขาดใน[[ยุทธการที่เดียนเบียนฟู]] และทำให้เวียดนามแยกเป็นสองประเทศคือ[[เวียดนามเหนือ]] (สาธารณรัฐประชาธิปไตยเวียดนาม) และ [[เวียดนามใต้]] (สาธารณรัฐเวียดนาม) ต่อมาความขัดแย้งระหว่าง 2 ประเทศทวีความรุนแรงจนกลายเป็น[[สงครามเวียดนาม]]ตั้งแต่ พ.ศ. 2498 –2518
<tr><td style="background:#efefef;" align="center" colspan=2>
 
<table border="0" cellpadding="2" cellspacing="0">
ประเทศเวียดนามรวมประเทศและอยู่ภายใต้รัฐบาล[[ลัทธิคอมมิวนิสต์|คอมมิวนิสต์]] แต่ยังมีความยากจนและโดดเดี่ยวทางการเมืองใน พ.ศ. 2529 [[พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม]]เริ่มต้น[[โด๋ยเม้ย|บูรณะเศรษฐกิจและการเมือง]]ทำให้เวียดนามเริ่มเข้าร่วมกับเศรษฐกิจโลก<ref name="BBC2004">{{cite news| url=http://news.bbc.co.uk/2/hi/asia-pacific/3752682.stm | publisher=[[BBC News]] | title=Vietnam's new-look economy | date=18 October 2004| accessdate=21 November 2015}}</ref> ในปี พ.ศ. 2543 ได้มีการสร้างความสัมพันธ์ทางการทูตกับทุกประเทศ และตั้งแต่พ.ศ. 2543 อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของเวียดนามนั้นถือว่าเป็นประเทศที่มีอัตราการเติบโตสูงสุดในโลก<ref name="BBC2004"/> การบูรณะเศรษฐกิจประสบความสำเร็จทำให้เข้าร่วมกับ[[องค์การการค้าโลก]]ใน พ.ศ. 2550 และนอกจากนี้เวียดนามยังเป็นสมาชิกของ[[ความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก]]และ[[Organisation Internationale de la Francophonie|องค์การระหว่างประเทศของกลุ่มประเทศที่ใช้ภาษาฝรั่งเศส]]ด้วย
<tr><td align="center" width="140px">[[Image:Vietnam flag large.png|125px|link=Special:FilePath/Vietnam_flag_large.png]]</td>
 
<td align="center" width="140px">[[Image:Viet-coa.PNG|link=Special:FilePath/Viet-coa.PNG]]</td></tr>
(ประเทศเวียดนามมีนักท่องเที่ยวมาประมาณ 5.54 ล้านคน)
<tr><td align="center" width="140px">([[ธงชาติเวียดนาม|รายละเอียด]])</td>
 
<td align="center" width="140px">(Full size)</td></tr>
== ชื่อ ==
</table></td></tr>
คำว่า "เวียดนาม" หรือ "เหวียดนาม" (Việt Nam, {{IPA|/viə̀t naːm/}}, ''เหวียดนาม'') คืออีกชื่อหนึ่งของ "[[หนานเยฺว่|นามเหวียด]]" (Nam Việt ''นามเหวียด''; {{zh|c=[[wikt:南越|南越]]|p=Nányuè}}; แปลว่า "เวียดใต้") โดยเป็นชื่อที่เริ่มใช้ตั้งแต่สมัย[[ราชวงศ์เจี่ยว]] (Nhà Triệu; 家趙, ''หญ่าเจี่ยว'') ในช่วงศตวรรษที่ 2 ก่อนคริสตกาล หรือช่วงระหว่างปีพ.ศ. 344 ถึง 443<ref name="Woods38">{{harvnb|Woods|2002|page=38}}</ref> คำว่า "เหวียด" (Việt)' เดิมเป็นชื่อย่อของ [[ไป่เอว้|บั๊กเหวียด]] (Bách Việt บ๊าก เหฺวียด; {{zh|c=[[Wikt:百越|百越]]|p=Bǎiyuè}}; แปลว่า "ร้อยเวียด") ซึ่งเป็นคำที่ใช้เรียกกลุ่มชนที่เคยอาศัยอยู่บริเวณทางใต้ของจีนและทางเหนือของเวียดนาม<ref name=Yue-Hashimoto>{{harvnb|Yue-Hashimoto|1972|page=1}}</ref>
<tr><td align="center" colspan=2 style="border-bottom:3px solid gray;"></td></tr>
 
<tr><td align=center colspan=2>[[image:LocationVietnam.png]]</td></tr>
== ประวัติศาสตร์ ==
<tr><td>[[ภาษา]]ราชการ</td><td>[[ภาษาเวียดนาม]]</td></tr>
{{บทความหลัก|ประวัติศาสตร์เวียดนาม}}
<tr><td>[[เมืองหลวง]]</td><td>[[ฮานอย]]</td></tr>
=== สมัยก่อนประวัติศาสตร์ ===
<tr><td>[[รายชื่อประธานธิบดีของเวียดนาม|ประธานธิบดี]]</td><td>[[Tran Duc Luong]]</td></tr>
{{บทความหลัก|วัฒนธรรมดงเซิน}}
<tr><td>[[รายชื่อนายกรัฐมนตรีของเวียดนาม|นายกรัฐมนตรี]]</td><td>[[Phan Van Khai]]</td></tr>
[[ไฟล์:Tambour-song-da2.jpg|thumb|200px|กลองมโหระทึกสำริด]]
<tr><td>[[เนื้อที่]]</td><td>[[รายชื่อประเทศเรียงตามเนื้อที่|อันดับที่ 65]]</td></tr>
เป็นอารยธรรมก่อนประวัติศาสตร์ในเวียดนามมีชื่อเสียงมากโดยเฉพาะอารยธรรมยุคหินใหม่ ที่มีหลักฐานคือกลองมโหระทึกสำริด และชุมชนโบราณที่[[ดงเซิน]] เขต[[เมืองแทงหวา]] ทางใต้ของปาก[[แม่น้ำแดง]] สันนิษฐานว่าบรรพบุรุษของชาวเวียดนามโบราณผสมผสานระหว่างชนเผ่า[[มองโกลอยด์]]เหนือจากจีนและใต้ ซึ่งเป็นชาวทะเล ดำรงชีพด้วยการปลูกข้าวแบบนาดำและจับปลา และอยู่กันเป็นเผ่า บันทึกประวัติศาสตร์ยุคหลังของเวียดนามเรียกยุคนี้ว่า[[อาณาจักรวันลาง]] มีผู้นำปกครองสืบต่อกันหลายร้อยปีเรียกว่า กษัตริย์หุ่ง แต่ถือเป็นยุคก่อนประวัติศาสตร์
<tr><td>- ทั้งหมด</td><td>329,560 [[ตารางกิโลเมตร|กม.&sup2;]]</td></tr>
 
<tr><td>- พื้นน้ำ</td><td>1.3%</td></tr>
=== สมัยประวัติศาสตร์ ===
<tr><td>[[ประชากร]]</td><td>[[รายชื่อประเทศเรียงตามจำนวนประชากร|อันดับที่ 14]]</td></tr>
เวียดนามเริ่มเข้าสู่ยุคประวัติศาสตร์หลังจากตอนใต้ของจีนเข้ารุกรานและยึดครองดินแดนแถบลุ่ม[[แม่น้ำแดง]] จากนั้นไม่นาน[[จักรพรรดิจิ๋นซี]]ซึ่งเริ่มรวมดินแดนจีนสร้างจักรวรรดิให้เป็นหนึ่งเดียว โดยได้ยกทัพลงมาและทำลายอาณาจักรของพวก[[ถุก]]ได้ ก่อนผนวกดินแดนลุ่ม[[แม่น้ำแดง]]ทั้งหมด ให้ขึ้นตรงต่อศูนย์กลางการปกครอง[[หนานไห่]] ที่เมืองพานอวี่หรือ[[กว่างโจว]]ใน[[มณฑลกวางตุ้ง]]ปัจจุบัน หลังสิ้นสุด[[ราชวงศ์ฉิน]] ข้าหลวง[[หนานไห่]]คือ[[จ้าวถัว]] ประกาศตั้งหนานไห่เป็นอาณาจักรอิสระ ชื่อว่า '''หนานเยว่''' หรือ '''[[หนานเยฺว่|นามเหวียต]]''' ในสำเนียงเวียดนามซึ่งเป็นที่มาของชื่อเวียดนามในปัจจุบัน ก่อนกองทัพฮั่นเข้ายึด[[หนานเยฺว่|อาณาจักรนามเหวียด]] ได้ในปี [[พ.ศ. 585]] และผนวกเป็นส่วนหนึ่งของจีน ใช้ชื่อว่า '''[[เจียวจื้อ]]''' ขยายอาณาเขตลงใต้ถึงบริเวณเมือง[[ดานัง]]ในปัจจุบัน และส่งข้าหลวงปกครองระดับสูงมาประจำ เป็นช่วงเวลาที่[[ชาวจีน]]นำ[[วัฒนธรรมจีน]]ทางด้านต่างๆ ไปเผยแพร่ที่ดินแดนแห่งนี้ พร้อมเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ทรัพยากรจากชาวพื้นเมืองหรือชาวเวียดนามจนนำไปสู่การต่อต้านอย่างรุนแรงหลายครั้งเช่น:
<tr><td>- ทั้งหมด</td><td>81,624,716</td></tr>
* วีรสตรีในนาม [[ฮายบาจึง]] ได้นำกองกำลังต่อต้านการปกครองของจีน แต่ปราชัยในอีก 3 ปีต่อมาและตกเป็นส่วนหนึ่งของจีน
<tr><td>- [[ความหนาแน่นประชากร|ความหนาแน่น]]</td><td>264 คน/กม.&sup2;</td></tr>
* นักโทษปัญญาชนชาวจีนนามว่า [[หลีโบน]] ร่วมมือกับปัญญาชนชาวเวียดนามร่วมทำการปฏิวัติ ก่อตั้ง[[ราชวงค์หลี]] ขนานนามแคว้นว่า วันซวน แต่พ่ายแพ้ในที่สุด
<tr><td>[[ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ|GDP]]</td></tr>
 
<tr><td>- ทั้งหมด ([[พ.ศ. 2544]]) </td><td>168.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ</td></tr>
การปกครองของ[[จีน]]ในเวียดนามขาดตอนเป็นระยะตามสถานการณ์ใน[[จีน]]เอง ซึ่งเป็นโอกาสให้ชาวพื้นเมืองในเวียดนามตั้งตนเป็นอิสระ ในช่วงเวลาที่เวียดนามอยู่ใต้การปกครองของ[[ราชวงศ์ถาง]] [[พุทธศาสนา]]เริ่มเข้าสู่เวียดนาม เมืองต้าหลอหรือฮานอย เป็นเมืองใหญ่ที่สุดเป็นศูนย์กลางการค้าการเดินทางของชาวจีนและอินเดีย พระสงฆ์และนักบวชในลัทธิเต๋าจากจีนเดินทางเข้ามาอาศัยในดินแดนนี้ ต่อมาราชวงศ์ถางได้เปลี่ยนชื่อเขตปกครองนี้ใหม่ว่า อันหนาน (หรืออันนัม ในสำเนียงเวียดนาม) หลังปราบกบฏชาวพื้นเมืองได้ แต่ถือเป็นช่วงเวลาสุดท้ายที่จีนครอบครองดินแดนแห่งนี้
<tr><td>- ต่อคน</td><td>2,072.79 ดอลลาร์สหรัฐ</td></tr>
 
<tr><td>ประกาศ[[อิสรภาพ]]</td><td>จาก[[ฝรั่งเศส]]</td></tr>
* พ.ศ. 1498-1510 [[ราชวงศ์โง]]--หลังจากการล่มสลายของราชวงศ์ถางของจีน นายพลโงเกวี่ยนผู้นำท้องถิ่นในเขตเมืองฮวาลือ ทางใต้ของลุ่มแม่น้ำแดง ขับไล่ชาวจีนได้ แล้วจึงก่อตั้งราชวงศ์โงเปลี่ยนชื่อประเทศว่า ไดเวียด หลังจากจักรพรรดิสวรรคต อาณาจักรแตกแยกออกเป็น 12 แคว้น มีผู้นำของตนไม่ขึ้นตรงต่อกัน
<tr><Td>- ประกาศ</td><td>[[2 กันยายน]] [[พ.ศ. 2488]]</td></tr>
* พ.ศ. 1511-1523 [[ราชวงศ์ดิงห์]]--ขุนศึกดิงห์โบะหลิง แม่ทัพของราชวงศ์โง สามารถรวบรวมแคว้นต่างๆเข้าด้วยกัน เปลียนชื่อประเทศเป็น
<tr><Td>- เป็นที่ยอมรับ</td><td>2497</td></tr>
ไดโก่เวียด เริ่มสร้างระบบการปกครองแบบจีนมากกว่ายุคก่อนหน้า และตั้งตนเป็น จักรพรรดิดิงห์เตียน หรือ ดิงห์เตียนหว่าง เสมือนจักรพรรดิจิ๋นซีผู้รวบรวมจีน ถือเป็นการเริ่มใช้ตำแหน่งจักรพรรดิหรือ หว่างเด๋ ในเวียดนามเป็นครั้งแรก
<tr><td>[[เงินตรา]]</td><td>[[ดอง]]</td></tr><tr><td>[[เขตเวลา]]</td><td>[[เวลาพิกัดสากล|UTC]] +7</td></tr><tr><td>[[เพลงชาติ]]</td><td>''Tien Quan Ca (กองทัพกำลังเดินไปข้างหน้า)''</td></tr><tr><td>[[โดเมนระดับบนสุด|TLD สำหรับอินเทอร์เน็ต]]</td><td>.vn</td></tr><tr><td>[[รายการรหัสโทรศัพท์ระหว่างประเทศ|รหัสโทรศัพท์]]</td><td>84</td></tr></table>
* พ.ศ. 1524-1552 [[ราชวงศ์เตี่ยนเลหรือเลยุคแรก]]--มเหสีของจักรพรรดิดิงห์โบะหลิง ได้ขับไล่รัชทายาทราชวงศ์ดิงห์ สถาปนาพระสวามีใหม่คือขุนศึกเลหว่านเป็นจักรพรรดิเลด่ายแห่ง โดยพยายามสร้างความมั่นคงด้วยการฟื้นฟูความสัมพันธ์กับราชวงศ์ซ่งของจีนและปราบปรามกบฏภายใน แต่ก็ไม่รอดพ้นการรัฐประหาร สมัยนี้พุทธศาสนาและลัทธิเต๋ารุ่งเรืองมากและได้รับความเลื่อมใสศรัทธาในหมู่ชนชั้นสูงมาก
 
=== ราชวงศ์ยุคใหม่ ===
* [[พ.ศ. 1552]]-[[พ.ศ. 1768|1768]] '''[[ราชวงศ์หลี]]'''--[[หลี กง อ่วน]]มีอำนาจใน[[ราชสำนักฮวาลือ]] เมื่อขึ้นครองราชย์ ทรงย้ายเมืองหลวงไปที่ [[ทังลอง]] ([[ฮานอย]]) ทรงสร้างวัดขึ้น 150 แห่ง ในปี 1070 นำระบบการสอบ[[จอหงวน]]มาใช้ ก่อตั้ง[[มหาวิทยาลัยวันเหมียว]] ให้ความรู้เกี่ยวกับวรรณคดี[[ขงจื้อ (วรรณคดี)|ขงจื้อ]] เพื่อสอบเข้ารับราชการใน[[ระบบจอหงวน]] แต่[[ขุนนาง]]ยังมีจำนวนน้อย ส่วนหนึ่งเป็นเชื้อสายผู้มีอิทธิพลในหัวเมือง ต่อมาทรงพระนามว่า [[หลีไถโต๋]] สมัยหลีเป็นสมัยที่[[พระพุทธศาสนา]]มี[[อิทธิพล]]ต่อ[[การเมือง]][[การปกครอง]]และ[[สังคม]]มาก ที่ปรึกษาราชการในบางสมัยเป็น[[พระสงฆ์]] จักรพรรดิราชวงศ์หลีช่วงหลังสร้างวัดขนาดใหญ่ขึ้นหลายแห่ง และสละราชสมบัติออกผนวช เป็นสาเหตุให้การบริหารราชการเริ่มตกอยู่ในอำนาจของเครือญาติ[[พระชายามา]]จากตระกูลที่มั่งคั่งในหัวเมือง ผู้ปกครององค์สุดท้ายเป็นเด็กหญิงที่ได้รับการตั้งเป็น[[จักรพรรดินี]] พระนามว่า[[หลีเจี่ยว]] การบริหารราชการตกอยู่ในอำนาจของญาติวงศ์พระชนนีซึ่งเป็นขุนศึกมีกองกำลังทหารอยู่ในมือ เช่น[[เจิ่นถูโดะ]] ซึ่งก่อ[[รัฐประหาร]]ยึดอำนาจจากราชวงศ์หลีในที่สุด
 
* พ.ศ. 1768-[[พ.ศ. 1943|1943]] '''[[ราชวงศ์เจิ่น]]'''--[[เจิ่นถูโดะ]]ญาติของพระชายาจักรพรรดิก่อ[[รัฐประหาร]] ยึดอำนาจท่ามกลางสถานการณ์[[กบฏ]]และ[[การรุกรานจากข้าศึก]]ต่างชาติ จากนั้นได้อภิเษกสมรสกับพระนาง[[เจียว ฮว่าง]] [[จักรพรรดินี]]องศ์สุดท้ายของ[[ราชวงศ์หลี]]แล้วยกหลานขึ้นเป็น[[จักรพรรดิ]]องค์แรกของราชวงศ์เจิ่น สมัยเจิ่นเวียดนามต้องเผชิญกับศึกสงครามโดยตลอด ที่ร้ายแรงที่สุดคือการรุกรานจากพวก[[มองโกล]]และ[[จัมปา]] สมัยเจิ่นก็เริ่มให้ความสำคัญกับ[[อารยธรรมจีน]]มากกว่ายุคก่อนหน้าโดยเฉพาะด้าน[[ภูมิปัญญา]]และ[[อักษรศาสตร์]] รวมถึงการ[[บริหารราชการ]]แบบ[[จีน]] ในสมัยนี้มีการประมวล[[พงศาวดารชาติ]]เป็นครั้งแรก ชื่อว่า [[ด่ายเหวียตสือกี๋]] หรือ บันทึกประวัติศาสตร์[[มหาอาณาจักรเวียด]] โดยราชบัณฑิต [[เลวันฮึว]] นอกจากนี้ยังเริ่มมีการประดิษฐ์อักษรของเวียดนามที่เรียกว่า '''[[อักษรโนม]]''' ขึ้นเป็นครั้งแรก
 
* พ.ศ. 1943-[[พ.ศ. 1971|1971]] '''[[ราชวงศ์โห่]]'''--[[โห่กุ๊ยลี]] ญาติของพระชายา[[จักรพรรดิ]][[ราชวงศ์เจิ่น]] สร้างฐานอำนาจของตนด้วยการเป็น[[แม่ทัพ]]ทำศึกกับพวก[[จามใต้|จามทางใต้]] ต่อมาก่อ[[รัฐประหาร]]ยึดอำนาจจากจักรพรรดิราชวงศ์เจิ่นและพยายามกำจัดเชื้อสายราชวงศ์ที่หลงเหลืออยู่ จากนั้นขึ้นครองราชย์ ตั้งทายาทของตนเป็น[[จักรพรรดิ]]ต่อมา ราชนิกูล[[ราชวงศ์เจิ่น]]ได้ขอความช่วยเหลือไปยัง[[จีน]] ทำให้[[จีน]]ส่งกองทัพเข้ามาล้มล้าง '''[[ราชวงศ์โห่]]''' แต่สุดท้ายก็ไม่มอบอำนาจให้แก่[[ราชวงศ์เจิ่น]] และยึดครองเวียดนามแทนที่
 
* การกู้เอกราชและก่อตั้ง '''[[ราชวงศ์เล]]''' (ยุคหลัง) พ.ศ. 1971-[[พ.ศ. 2331|2331]] [[เล่เหล่ย]] ชาวเมือง[[แทงหวา]] ทางใต้ของ[[ฮานอย]] ได้รวบรวมสมัครพรรคพวกตั้งตนขึ้นเป็น[[ผู้นำเวียดนาม]] ขับไล่[[จีน]]ออกจากเวียดนามได้สำเร็จ ต่อมาในปี พ.ศ. 1971 [[เลเหล่ย]]ขึ้นครองราชย์เป็น[[จักรพรรดิ]]องค์ใหม่ สถาปนา '''[[ราชวงศ์เล]]''' ขึ้น มีราชธานีที่[[ฮานอย]]หรือ[[ทังลอง]]และราชธานีอีกแห่งคือที่เมือง[[แทงหวา]] (ทันห์ว้า) หรือ ราชธานีตะวันตก ซึ่งเป็นถิ่นฐานเดิมของเลเหล่ยและตระกูลเล ต่อมา[[เลเหล่ย]]ได้รับการถวายพระนามว่า '''เลไถโต๋'''
 
[[ราชวงศ์เล]]ช่วงแรกเป็นช่วงสร้างความมั่นคงและฟื้นฟูประเทศในทุกด้าน โดยเฉพาะในสมัยเลไถโต๋หรือ[[เลเหล่ย]] เช่นการสร้างระบบ[[ราชการ]] จัดสอบคัดเลือก[[ขุนนาง]] ตรากฎหมายใหม่ แบ่ง[[เขตการปกครองของประเทศเวียดนาม|เขตการปกครอง]]ใหม่ ฟื้นฟู[[การเกษตร]] รวมถึงการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับ[[จีน]]ทำให้เวียดนามเข้าสู่ยุคสงบสุขปลอดจากสงครามอีกครั้ง
 
หลังสมัย[[เลเหล่ย]] เริ่มเกิดความขัดแย้งระหว่าง[[ขุนนางพลเรือน]]กับบรรดา[[ขุนศึก]]ที่ร่วมทัพกับ[[เลเหล่ย]]ในการสู้รบกับจีน ความขัดแย้งบานปลายจนนำไปสู่การแบ่งพรรคแบ่งพวกในหมู่[[ข้าราชสำนัก]] จนเกิดการ[[รัฐประหาร]]ครั้งแรกของ[[ราชวงศ์เล]]ใน [[พ.ศ. 2002]] มีการประหาร[[พระชนนี]]และ[[จักรพรรดิ]]ขณะนั้น ต่อมาบรรดาขุนนางจึงสนับสนุนให้ราชนิกูลอีกพระองค์หนึ่งมาเป็น[[จักรพรรดิ]]แทน ต่อมาคือ[[จักรพรรดิเลแถงตง]] ([[พ.ศ. 2003]]-[[พ.ศ. 2040|2040]])
 
รัชกาล[[จักรพรรดิเลแถงตง]]ถือว่ายาวนานและรุ่งเรืองที่สุดยุคหนึ่งใน[[ประวัติศาสตร์เวียดนาม]] มีการปฏิรูปประเทศหลายด้านโดยยึดรูปแบบ[[จีน]]มากกว่าเดิม ทั้งระบบการ[[สอบรับราชการ]]ที่จัดสอบครบสามระดับตั้งแต่อำเภอจนถึงราชธานี จำนวน[[ขุนนาง]]เพิ่มขึ้นทวีคูณและทำให้ระบบราชการขยายตัวมากกว่ายุคสมัยก่อนหน้า นอกจากนั้นยังมีการ[[ประมวลกฎหมาย]]ใหม่พระองค์ทรงสร้างเวียดนามให้เป็น[[มหาอำนาจ]]และเป็นศูนย์กลางด้วย[[การทำสงคราม]]กับเพื่อนบ้านที่มักขัดแย้งกับเวียดนามคือ[[จัมปา]]และ[[ลาว]] อิทธิพลของเวียดนามรับรู้ไปจนถึงหัวเมืองเผ่าไทใน[[จีน]]ตอนใต้และ[[ล้านนา]] หลังรัชกาลนี้ราชวงศ์เลเริ่มประสบปัญหาความขัดแย้งในหมู่[[ขุนนาง]] [[เชื้อพระวงศ์]] ปัญหา[[เศรษฐกิจ]]จนที่สุดก็ถูก[[รัฐประหาร]]โดย[[ขุนศึกหมักดังซุง]] ในปี [[พ.ศ. 2071]] เชื้อพระวงศ์[[ราชวงศ์เล]]หลบหนีด้วยการช่วยเหลือของ[[ขุนศึกตระกูลเหวียน]]และ[[ขุนศึกตระกูลจิ่ง|จิ่ง]] ที่มีอิทธิพลใน[[ราชสำนัก]]มาแต่แรก
 
[[ราชวงศ์เล]]เริ่มการฟื้นฟูกอบกู้[[อำนาจ]]คืนโดยมี[[แม่ทัพ]]เป็นคน[[ตระกูลเหวียน]]และ[[ตระกูลจิ่ง|จิ่ง]] ทำสงครามกับ[[ราชวงศ์หมัก]]จนถึงปี [[พ.ศ. 2136]] จึงสามารถยึดเมือง[[ทังลอง]]คืนได้และฟื้นฟู[[ราชวงศ์เล]]ปกครองเวียดนามต่อไป
 
=== ยุคแตกแยกเหนือ-ใต้ ===
* หลังการฟื้นฟู[[ราชวงศ์เล]]ขึ้นได้ [[ขุนศึกตระกูลจิ่ง]]ตั้งตนเป็น[[ผู้สำเร็จราชการ]] และให้[[ขุนศึกตระกูลเหวียน]]ไปปกครองเขตชายแดนใต้บริเวณเมือง[[ด่งเหย]]ลงไปถึงบริเวณเมือง[[ดานัง]]ในปัจจุบัน ขุนศึกตระกูลจิ่งตั้งตนเป็น '''เจ้าสืบตำแหน่งผู้สำเร็จราชการ''' ในตระกูลของตนเอง [[ขุนศึกตระกูลเหวียน]]จึงประกาศไม่ยอมรับการปกครองของ[[ตระกูลจิ่ง]]จนเกิด[[สงคราม]]ครั้งใหม่ต่อมาอีกหลายสิบปี เวียดนามแบ่งแยกเป็นสองส่วน ส่วนเหนือ คือ [[เวียดนามเหนือ]] อยู่ในการปกครองของ[[ราชวงศ์เล]]และเจ้า[[ตระกูลจิ่ง]] มีศูนย์กลางที่[[ทังลอง]] ส่วนใต้ คือ [[เวียดนามใต้]] มี[[ตระกูลเหวียน]]ปกครอง มีศุนย์กลางที่เมือง[[ฝูซวน]]หรือ[[เว้]]ในปัจจุบันตลอดมา
 
=== จักรวรรดิเวียดนาม ===
{{บทความหลัก|ราชวงศ์เตยเซิน|ราชวงศ์เหวียน}}
* [[พ.ศ. 2316]] เกิด[[กบฏ]]นำโดย[[ชาวนา]]สามพี่น้องที่หมู่บ้าน[[เตยเซิน]]ขึ้นในเขตเมือง[[บิ่งดิ่ง]] เขตปกครองของ[[ตระกูลเหวียน]] และสามารถยึดเมือง[[ฝูซวน]]ได้ องค์ชาย[[เหงวียนแอ๋ง]] เชื้อสายตระกูลเหวียนหลบหนีลงใต้ออกจากเวียดนามไปจนถึง[[กรุงเทพมหานคร|กรุงเทพฯ]] ก่อนกลับมารวบรวมกำลังเอาชนะพวก[[เตยเซิน]]ได้
 
องค์ชายเหงวียนแอ๋งหรือเหงวียนฟุกอ๊าน (องเชียงสือ) ผู้นำตระกูลเหงวียน ซึ่งตั้งตนเป็นจักรพรรดิองค์ใหม่แห่ง[[ราชวงศ์เหงวียน]] ในปี [[พ.ศ. 2345]] สถาปนาราชธานีใหม่ที่เมือง[[เว้]] แทนที่[[ทังลอง]] ซึ่งถูกเปลี่ยนชื่อเป็น [[ฮานอย]]
 
* [[จักรวรรดิเวียดนาม]] (พ.ศ. 2345 -[[พ.ศ. 2488|2488]])
องค์ชายเหงวียนแอ๋งหรือ[[จักรพรรดิยาลอง]] จักรพรรดิพระองค์แรกของราชวงศ์เหวียนเริ่มฟื้นฟูประเทศ เวียดนามมีอาณาเขตใกล้เคียงกับปัจจุบัน ดินแดนภาคใต้ขยายไปถึงปาก[[แม่น้ำโขง]]และชายฝั่ง[[อ่าวไทย]] ทรงรักษาสัมพันธ์กับชาวตะวันตกโดยเฉพาะชาว[[ฝรั่งเศส]]ที่ช่วยรบกับพวกเตยเซิน นายช่าง[[ชาวฝรั่งเศส]]ช่วยออกแบบ[[พระราชวัง]]ที่เว้ และ [[ป้อมปราการ]]เมือง[[นครโฮจิมินห์|ไซ่ง่อน]]
 
ราชวงศ์เหงวียนรุ่งเรืองที่สุดในสมัย[[จักรพรรดิมินหมั่ง]] จักรพรรดิองค์ที่สอง ทรงเปลี่ยนชื่อประเทศเป็น [[ด่ายนาม]] ขยายแสนานุภาพไปยัง[[ลาว]]และ[[กัมพูชา]] ผนวก[[กัมพูชา]]ฝั่งตะวันออก ทำ[[อานามสยามยุทธ|สงคราม]]กับ[[สยาม]]ต่อเนื่องเกือบยี่สิบปี แต่ภายหลังต้องถอนตัวจาก[[กัมพูชา]]หลังถูก[[ชาวกัมพูชา]]ต่อต้านอย่างรุนแรง
 
สมัยนี้เวียดนามเริ่มใช้[[นโยบายต่อต้านการเผยแพร่คริสต์ศาสนา]]ของ[[บาทหลวง]]ชาวตะวันตก มีการจับกุมและ[[ประหาร]]บาทหลวงชาวตะวันตกอย่างต่อเนื่อง รวมถึงชาวเวียดนามที่นับถือ[[คริสต์ศาสนา]] จนถึงรัชกาลจักรพรรดิองค์ที่ 4 คือ[[จักรพรรดิตึดึ๊ก]] ทรงต่อต้าน[[ชาวคริสต์]]อย่างรุนแรงต่อไป จนในที่สุด[[บาทหลวง]]ชาวฝรั่งเศสขอความช่วยเหลือจากรัฐบาลของตนให้ช่วยคุ้มครอง [[พ.ศ. 2401]] เรือรบของ[[กองทัพเรือฝรั่งเศส]]เข้ามาถึงน่านน้ำเมือง[[ดานัง]] (หรือ[[ตูราน]]) [[ฐานทัพเรือ]]ใกล้เมืองหลวง[[เว้]] นำไปสู่การสู้รบกันของทั้งฝ่าย
 
ต่อมากองกำลังฝรั่งเศสได้บุกโจมตีดินแดนภาคใต้บริเวณปาก[[แม่น้ำโขง]]และยึดครองพื้นที่ได้เกือบทั้งหมด [[จักรพรรดิตึดึ๊ก]]จึงต้องยอมสงบศึกและมอบดินแดนภาคใต้ให้แก่ฝรั่งเศส ชาวเวียดนามเริ่มต่อต้านการยึดครองของฝรั่งเศสแต่ไม่อาจต่อสู้กับ[[แสนยานุภาพ]]ทหางทหารที่เหนือกว่าได้ [[ฝรั่งเศส]]จึงเข้าควบคุมเวียดนามอย่างจริงจังมากขึ้นและแบ่งเวียดนามออกเป็น 3 ส่วน คืออาณานิคม[[โคชินไชนา|โคชินจีน]] ในภาคใต้ [[อันนัมในอารักขาฝรั่งเศส|เขตอารักขา]][[แคว้นอันนัม]] ในตอนกลาง และ เขตอารักขา[[ตังเกี๋ย]]ในภาคเหนือ และเวียดนามยังมี[[จักรพรรดิ]]เป็นประมุขเช่นเดิม แต่ต้องผ่านการคัดเลือกโดย[[ข้าหลวงฝรั่งเศส]] และมีฐานะเป็นสัญลักษณ์ [[อำนาจในการบริหารการคลัง]] [[กองทัพอินโดจีนของฝรั่งเศส|การทหาร]] และ การทูตเป็นของฝรั่งเศส ถือว่าเวียดนามสิ้นสุดฐานะเอกราชนับแต่นั้น
 
=== [[ยุคอาณานิคม]] ===
{{บทความหลัก|อินโดจีนฝรั่งเศส}}
[[ไฟล์:Indochine française (1913).jpg|thumb|200px|แผนที่[[อินโดจีน]] [[ค.ศ. 1913]].]]
 
[[ฝรั่งเศส]]แสวงหาผลประโยชน์จากการปกครองเวียดนามทางด้านเศรษฐกิจ เวียดนามเป็นแหล่งปลูก[[ข้าว]]และ[[พืชเศรษฐกิจ]]ใหม่ ๆ เช่น[[กาแฟ]] และ[[ยางพารา]] ส่งออกไปยังฝรั่งเศสและเป็นวัตถุดิบแก่โรงงานในฝรั่งเศส ที่ดินในเวียดนามถูกยึดและตกเป็นของ[[ชาวฝรั่งเศส]] และเริ่มอพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานในเวียดนาม ขณะเดียวกันก็ส่งเสริมการศึกษาและ[[วัฒนธรรมฝรั่งเศส]]ให้แพร่หลายในเวียดนาม ชาวเวียดนามส่วนหนึ่งได้รับการศึกษาแบบใหม่และเริ่มต้องการอิสระในการทำงานและมีส่วนร่วมในการปกครองประเทศ นำไปสู่การก่อตัวของกลุ่มชาตินิยมต่าง ๆ ที่เข้มแข็งที่สุดคือ[[พรรคคอมมิวนิสต์อินโดจีน]]ที่ตั้งขึ้นโดย[[โฮจิมินห์]] ในปี [[พ.ศ. 2473]] และต่อมาปรับเปลี่ยนเป็น '''[[กลุ่มเวียดมินห์]]''' ได้นำชาวนาก่อการต่อต้าน[[ฝรั่งเศส]]ใน[[ชนบท]]
 
=== [[ยุคเอกราช]] ===
{{บทความหลัก|เวียดนามเหนือ|เวียดนามใต้}}
พ.ศ. 2488 โฮจิมินห์รับมอบอำนาจจากจักรพรรดิบ๋าวได่และรับตำแหน่งประธานาธิบดีคนแรกหลังประกาศเอกราช แต่หลังจากนั้นฝรั่งเศสได้กลับเข้ามาขับไล่รัฐบาลของโฮจิมินห์และไม่ยอมรับเอกราชของเวียดนาม นำไปสู่สงครามจนในที่สุดฝรั่งเศสพ่ายแพ้แก่กองกำลังเวียดมินห์ที่[[ค่ายเดียนเบียนฟู]] ในปี [[พ.ศ. 2497]] และมีการทำ[[สนธิสัญญาเจนีวา พ.ศ. 2497|สนธิสัญญาเจนีวา]] ของ[[ประเทศสวิตเซอร์แลนด์]] ยอมรับเอกราชของเวียดนาม แต่สหรัฐอเมริกาและชาวเวียดนามในภาคใต้บางส่วนไม่ต้องการรวมตัวกับรัฐบาลของ[[โฮจิมินห์]] ต่อมาได้ก่อตั้งดินแดนเวียดนามภาคใต้เป็นอีกประเทศหนึ่ง คือ [[เวียดนามใต้|สาธารณรัฐเวียดนาม (เวียดนามใต้)]] มีเมืองหลวงคือ '''[[ไซ่ง่อน]]''' ใช้เส้นละติจูดที่ 17 องศาเหนือแบ่งแยกกับเวียดนามส่วนเหนือใต้การปกครองของโฮจิมินห์ ([[เวียดนามเหนือ]])
 
=== สงครามเวียดนาม ===
[[ไฟล์:Bruce Crandall's UH-1D.jpg|thumb|200px|[[สงครามเวียดนาม]] ]]
{{บทความหลัก|สงครามเวียดนาม}}
 
[[เวียดนามเหนือ]]ไม่ยอมรับสถานภาพของ[[เวียดนามใต้]] ขณะที่[[สหรัฐอเมริกา]]ได้ให้การช่วยเหลือทาง[[ทหาร]]แก่[[เวียดนามใต้]]อย่างต่อเนื่อง รวมถึงการส่งทหารมาประจำในเวียดนามใต้เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เวียดนามเหนือประกาศทำสงครามเพื่อขับไล่และ '''ปลดปล่อย''' [[เวียดนามใต้]]จาก[[สหรัฐอเมริกา]]และรวมเข้าเป็นประเทศเดียวกัน พร้อมให้การสนับสนุนกลุ่มชาว[[เวียดนามใต้]]ที่ต่อต้าน[[สหรัฐอเมริกา]] ([[เวียดกง]]) ในการทำสงคราม
 
การรบส่วนใหญ่กลายเป็นการรบระหว่างทหาร[[สหรัฐอเมริกา]]และพันธมิตรจากต่างประเทศ กับกองกำลังเวียดกงและ[[เวียดนามเหนือ]] ทั้งในชนบทและการโจมตีในเมือง แม้[[สหรัฐอเมริกา]]ได้ทุ่มเท[[แสนยานุภาพ]]อย่างเต็มที่แต่ก็ไม่อาจทำให้สงครามยุติลงได้ หลังการรุกโจมตีครั้งใหญ่ของ[[เวียดนามเหนือ]]และเวียดกงในปี [[พ.ศ. 2511]] ที่เมืองเว้และเมืองหลักอื่น ๆ ใน[[เวียดนามใต้]] [[สหรัฐอเมริกา]]เริ่มเตรียมการถอนกำลังจากเวียดนามใต้และให้เวียดนามใต้ทำสงครามโดยลำพัง
 
สหรัฐอเมริกาถอนทหารจากเวียดนามใต้อย่างเป็นทางการในปี [[พ.ศ. 2516]] กองกำลังเวียดนามเหนือและเวียดกงจึงสามารถรุกเข้ายึดไซ่ง่อนและเวียดนามใต้ได้ทั้งหมดในปี [[พ.ศ. 2518]] การรวมเวียดนามทั้งสองส่วนเข้าด้วยกันเกิดขึ้นในวันที่ [[2 กรกฎาคม]] [[พ.ศ. 2519]] และเปลี่ยนชื่อประเทศเป็น '''[[สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม]]''' นับแต่นั้น
 
== หน่วยงานราชการและการเมือง ==
1.การเมืองของเวียดนามมีเสถียรภาพ เนื่องจากมี[[พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม]] เป็นองค์กรที่มีอำนาจ สูงสุดเพียงพรรคการเมืองเดียว ผูกขาดการชี้นำภายใต้ระบบผู้นำร่วม (collective leadership) ที่คานอำนาจระหว่างกลุ่มผู้นำ ได้แก่
* กลุ่มปฏิรูป ที่สนับสนุนการเปิดเสรีทางเศรษฐกิจ นำโดยอดีตนายกรัฐมนตรี ฟาน วัน ขาย
* กลุ่มอนุรักษนิยม ซึ่งต่อต้านหรือชะลอการเปิดประเทศ เพราะเกรงภัยของ “วิวัฒนาการที่สันติ” peaceful evolution) อันเนื่องมาจากการเปิดประเทศ และ
* กลุ่มที่เป็นกลาง ประนีประนอมระหว่างสองกลุ่มแรก นำโดยอดีตประธานาธิบดี เจิ่น ดึ๊ก เลือง ส่งผลให้รัฐบาลเวียดนามต้องปรับแนวทางการบริหารประเทศให้ยืดหยุ่นและเปิดกว้างมากขึ้น แต่ก็ไม่สามารถดำเนินไปได้ในย่างก้าวที่รวดเร็วนัก
 
2.เวียดนามได้มีการเลือกตั้งสภาแห่งชาติ สมัยที่ 11 เมื่อ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2545 มีผู้ได้รับการเลือกตั้งทั้งสิ้น 498 คน เป็นผู้เลือกตั้งอิสระเพียง 2 คน ที่เหลือเป็นผู้สมัครที่ได้รับการคัดเลือกจากพรรคคอมมิวนิสต์ สภาแห่งชาติมีวาระดำรงตำแหน่ง 5 ปี มีหน้าที่ตรากฎหมาย แต่งตั้งหรือถอดถอนประธานาธิบดี ประธานรัฐสภา และ นายกรัฐมนตรี
 
3.สภาแห่งชาติชุดใหม่ได้เปิดประชุมเมื่อ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2545 โดยสภาได้มีมติสำคัญๆ คือ
* รับรองผลการเลือกตั้งเมื่อ 19 พฤษภาคม
* เลือกตั้งคณะกรรมการต่าง ๆ ประจำสภา
* การเลือกตั้งให้นายเหวียน วัน อาน ดำรงตำแหน่งประธานสภาต่อไป (เมื่อ 23 กรกฎาคม)
* การเลือกตั้งให้นายเจิ่น ดึ๊ก เลือง ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีต่อไป (เมื่อ 24 กรกฎาคม) และ
* เลือกตั้งให้นายฟาน วัน ขาย ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไป (เมื่อ 25 กรกฎาคม) และได้มีการปรับคณะรัฐมนตรีเมื่อ 8 สิงหาคม 2545 โดยในคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ 26 คน มีรัฐมนตรีที่ได้รับแต่งตั้งใหม่ 15 คน
 
ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนรุ่นใหม่ที่มีความรู้ความสามารถ หลายคนเคยดำรงรัฐมนตรีช่วยในกระทรวงนั้น ๆ มาแล้ว นอกจากนี้ ยังมีการตั้งกระทรวงใหม่ 3 กระทรวง ได้แก่ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงไปรษณีย์และโทรคมนาคม และกระทรวงภายใน ซึ่งเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงทิศทางการปฏิรูปเศรษฐกิจและการบริหารประเทศมากขึ้น ซึ่งเมื่อพิจารณาในประเด็นนี้ ไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ไทย-เวียดนามที่ดำเนินไปด้วยดีในปัจจุบัน
 
4.แผนงานการปฏิรูประบบราชการสำหรับปี ค.ศ. 2001-2010 เน้น 4 ประเด็น ได้แก่ การปฏิรูประบบกฎหมาย การปฏิรูปโครงสร้างองค์กร การยกระดับความสามารถของข้าราชการ และการปฏิรูปด้านการคลัง
 
=== การทหาร ===
{{บทความหลัก|กองทัพเวียดนาม}}
{{โครง-ส่วน}}
 
=== ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ===
ตามเอกสารของสภาแห่งชาติ ครั้งที่ 10 ของพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม:พรรคคอมมิวนิสต์และรัฐบาลของสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามสนับสนุนการดำเนินการตามนโยบายต่างประเทศที่เป็นอิสระ การเปิดการกระจายความหลากหลายและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศแบบพหุภาคีการประสานงานระหว่างประเทศเชิงรุกกับคติ "เวียดนามยินดีที่จะเป็นเพื่อนและพันธมิตรที่เชื่อถือได้ของทุกประเทศในประชาคมโลกที่มุ่งมั่นเพื่อสันติภาพ สันติภาพความเป็นอิสระและการพัฒนา "
 
เวียดนามเข้าร่วมกับองค์การสหประชาชาติในปี พ.ศ. 2520 ในสมัยฯพณฯประธานาธิบดีเดยเหม่ยอย่างเป็นทางการเวียดนามได้ปรับความสัมพันธ์กับจีนในปี พ.ศ. 2535 และสหรัฐอเมริกาในปี พ.ศ. 2538 เข้าร่วมอาเซียนในปีเดียวกันนั้นเอง
 
ปัจจุบันเวียดนามได้สร้างความสัมพันธ์ทางการทูตกับ 180 ประเทศ (รวมถึง 43 ประเทศในเอเชีย, 47 ประเทศในยุโรป, 11 ประเทศในโอเชียเนีย, 29 ประเทศในอเมริกา, 50 ประเทศในแอฟริกา) ทุกทวีป (เอเชีย - แปซิฟิก: 33 ประเทศ, ยุโรป: 46 ประเทศ, อเมริกา: 28 ประเทศ, แอฟริกา: 47 ประเทศ,และ ตะวันออกกลาง: 16 ประเทศ), รวมถึงทุกประเทศที่สำคัญและศูนย์กลางทางการเมืองของ โลก เวียดนามยังเป็นสมาชิกขององค์กรระหว่างประเทศ 63 แห่งและมีความสัมพันธ์กับองค์กรพัฒนาเอกชนมากกว่า 650 องค์กร ในเวลาเดียวกันเวียดนามมีความสัมพันธ์ทางการค้ากับ 165 ประเทศและดินแดน ในสหประชาชาติเวียดนามทำหน้าที่เป็นคณะกรรมาธิการ ECOSOC สมาชิกคณะกรรมการบริหารของ UNDP UNFPA และ UPU
 
บทบาทภายนอกของเวียดนามในชีวิตทางการเมืองระหว่างประเทศได้รับการแสดงผ่านองค์กรที่ประสบความสำเร็จจากการประชุมระดับนานาชาติหลายครั้งในเมืองหลวงของกรุงฮานอย
 
ในปี พ.ศ. 2540 จัดประชุมสุดยอดชุมชนฝรั่งเศส
 
ในปี พ.ศ. 2541 มีการประชุมสุดยอดอาเซียน
 
ในปี พ.ศ. 2546 จัดประชุมนานาชาติเกี่ยวกับความร่วมมือและการพัฒนาในเวียดนามและแอฟริกา
 
ในปี พ.ศ. 2547 การประชุมสุดยอด ASEM จัดขึ้นในเดือนตุลาคม
 
ในปี พ.ศ. 2549 จัดประชุมสุดยอดเอเปคในเดือนพฤศจิกายน
 
ตั้งแต่วันที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2550 เป็นต้นมาเวียดนามได้กลายเป็นสมาชิกลำดับที่ 150 ขององค์การการค้าโลก (WTO) อย่างเป็นทางการ นี่เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในกระบวนการของการรวมเข้ากับเศรษฐกิจระหว่างประเทศ
 
ในปี พ.ศ. 2550 เป็นเจ้าภาพการคณิตศาสตร์โอลิมปิกระหว่างประเทศ
 
เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2550 ที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติที่นิวยอร์กได้รับการโหวตอย่างเป็นทางการเวียดนามได้รับเลือกอย่างเป็นทางการในฐานะสมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติในวาระปี พ.ศ. 2551-2552 .
 
เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2553 เวียดนามถือว่าบทบาทของประธานอาเซียนและในปีนั้นมีการประชุมระดับภูมิภาคจำนวนมาก
 
เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2558 ที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติที่นิวยอร์กได้ลงคะแนนในการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการของเวียดนามเวียดนามได้เข้าเป็นสมาชิกของคณะมนตรีเศรษฐกิจและสังคมแห่งสหประชาชาติ (ECOSOC) อย่างเป็นทางการปี 2016-2018
 
ในปี พ.ศ. 2559 จัดโอลิมปิกสากลชีวภาพ
 
ในปี พ.ศ. 2560 จัดการประชุมสุดยอดเอเปคในเดือนพฤศจิกายน
 
=== การแบ่งเขตการปกครอง ===
{{Main|จังหวัดของประเทศเวียดนาม|เทศบาลนครของประเทศเวียดนาม|เขตของประเทศเวียดนาม}}
{{แผนที่การแบ่งเขตจังหวัดของประเทศเวียดนาม}}
{| style="margin:auto;"
| style = "padding-right:1em; vertical-align:top;" |
<div class="center">'''[[ดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำแดง]]'''</div>
----
* [[จังหวัดบั๊กนิญ|บั๊กนิญ]]<br />
* [[จังหวัดห่านาม|ห่านาม]]<br />
* [[จังหวัดหายเซือง|หายเซือง]]<br />
* [[จังหวัดฮึงเอียน|ฮึงเอียน]]<br />
* [[จังหวัดนามดิ่ญ|นามดิ่ญ]]<br />
* [[จังหวัดนิญบิ่ญ|นิญบิ่ญ]]<br />
* [[จังหวัดท้ายบิ่ญ|ท้ายบิ่ญ]]<br />
* [[จังหวัดหวิญฟุก|หวิญฟุก]]<br />
* [[ฮานอย]] (เทศบาลนคร) <br />
* [[ไฮฟอง]] (เทศบาลนคร)
| style = "padding-right:1em; vertical-align:top;" |
<div class="center">'''[[ชายฝั่งตอนกลางเหนือ|ชายฝั่งตอนกลางเหนือ]]'''</div>
----
* [[จังหวัดห่าติ๋ญ|ห่าติ๋ญ]]<br />
* [[จังหวัดเหงะอาน|เหงะอาน]]<br />
* [[จังหวัดกว๋างบิ่ญ|กว๋างบิ่ญ]]<br />
* [[จังหวัดกว๋างจิ|กว๋างจิ]]<br />
* [[จังหวัดทัญฮว้า|ทัญฮว้า]]<br />
* [[จังหวัดเถื่อเทียน-เว้|เถื่อเทียน-เว้]]
| style = "padding-right:1em; vertical-align:top;" |
<div class="center">'''[[ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (เวียดนาม)|ตะวันออกเฉียงเหนือ]]'''</div>
----
* [[จังหวัดบั๊กซาง|บั๊กซาง]]<br />
* [[จังหวัดบั๊กกั่น|บั๊กกั่น]]<br />
* [[จังหวัดกาวบั่ง|กาวบั่ง]]<br />
* [[จังหวัดห่าซาง|ห่าซาง]]<br />
* [[จังหวัดหลั่งเซิน|หลั่งเซิน]]<br />
* [[จังหวัดหล่าวกาย|หล่าวกาย]]<br />
* [[จังหวัดฟู้เถาะ|ฟู้เถาะ]]<br />
* [[จังหวัดกว๋างนิญ|กว๋างนิญ]]<br />
* [[จังหวัดท้ายเงวียน|ท้ายเงวียน]]<br />
* [[จังหวัดเตวียนกวาง|เตวียนกวาง]]<br />
* [[จังหวัดเอียนบ๊าย|เอียนบ๊าย]]
| style = "padding-right:1em; vertical-align:top;" |
<div class="center">'''[[ภาคตะวันตกเฉียงเหนือ (เวียดนาม)|ตะวันตกเฉียงเหนือ]]'''</div>
----
* [[จังหวัดเดี่ยนเบียน|เดี่ยนเบียน]]<br />
* [[จังหวัดฮหว่าบิ่ญ|ฮหว่าบิ่ญ]]<br />
* [[จังหวัดลายเจิว|ลายเจิว]]<br />
* [[จังหวัดเซินลา|เซินลา]]
|-
| style = "padding-right:1em; vertical-align:top;" |
<div class="center">'''[[ที่สูงตอนกลาง (เวียดนาม)|ที่สูงตอนกลาง]]'''</div>
----
* [[จังหวัดดั๊กลัก|ดั๊กลัก]]<br />
* [[จังหวัดดั๊กนง|ดั๊กนง]]<br />
* [[จังหวัดซาลาย|ซาลาย]]<br />
* [[จังหวัดกอนตูม|กอนตูม]]<br />
* [[จังหวัดเลิมด่ง|เลิมด่ง]]
| style = "padding-right:1em; vertical-align:top;" |
<div class="center">'''[[ชายฝั่งตอนกลางใต้|ชายฝั่งตอนกลางใต้]]'''</div>
----
* [[จังหวัดบิ่ญดิ่ญ|บิ่ญดิ่ญ]]<br />
* [[จังหวัดนิญถ่วน|นิญถ่วน]]<br />
* [[จังหวัดคั้ญฮหว่า|คั้ญฮหว่า]]<br />
* [[จังหวัดบิ่ญถ่วน|บิ่ญถ่วน]]<br />
* [[จังหวัดฟู้เอียน|ฟู้เอียน]]<br />
* [[จังหวัดกว๋างนาม|กว๋างนาม]]<br />
* [[จังหวัดกว๋างหงาย|กว๋างหงาย]]<br />
* [[ดานัง]] (เทศบาลนคร)
| style = "padding-right:1em; vertical-align:top;" |
<div class="center">'''[[ภาคตะวันออกเฉียงใต้ (เวียดนาม)|ตะวันออกเฉียงใต้]]'''</div>
----
* [[จังหวัดบ่าเสียะ-หวุงเต่า|บ่าเสียะ-หวุงเต่า]]<br />
* [[จังหวัดบิ่ญเซือง|บิ่ญเซือง]]<br />
* [[จังหวัดบิ่ญเฟื้อก|บิ่ญเฟื้อก]]<br />
* [[จังหวัดด่งนาย|ด่งนาย]]<br />
* [[จังหวัดเต็ยนิญ|เต็ยนิญ]]<br />
* [[นครโฮจิมินห์|โฮจิมินห์]] (เทศบาลนคร)
| style = "padding-right:1em; vertical-align:top;" |
<div class="center">'''[[ดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง]]'''</div>
----
* [[จังหวัดอานซาง|อานซาง]]<br />
* [[จังหวัดบักเลียว|บักเลียว]]<br />
* [[จังหวัดเบ๊นแจ|เบ๊นแจ]]<br />
* [[จังหวัดก่าเมา|ก่าเมา]]<br />
* [[จังหวัดด่งท้าป|ด่งท้าป]]<br />
* [[จังหวัดเหิ่วซาง|เหิ่วซาง]]<br />
* [[จังหวัดเกียนซาง|เกียนซาง]]<br />
* [[จังหวัดล็องอาน|ล็องอาน]]<br />
* [[จังหวัดซ้อกจัง|ซ้อกจัง]]<br />
* [[จังหวัดเตี่ยนซาง|เตี่ยนซาง]]<br />
* [[จังหวัดจ่าวิญ|จ่าวิญ]]<br />
* [[จังหวัดหวิญล็อง|หวิญล็อง]]<br />
* [[เกิ่นเทอ]] (เทศบาลนคร)
|}
 
== ภูมิศาสตร์ ==
[[ไฟล์:HaLongBayBIG.jpg|thumb|centre|750px|<center>[[อ่าวหะล็อง]]</center> ]]
[[ไฟล์:Sapa9.jpg|thumb|200px|ชาวเวียดนามนิยมปลูกข้าวแบบขั้นบันได]]
เวียดนามเป็นประเทศที่มีลักษณะเป็นแนวยาว และ มีภูมิประเทศเป็นภูเขาสูงกั้นระหว่างที่ราบลุ่มแม่น้ำที่อุดมสมบูรณ์ทางตอนเหนือและใต้ แต่มีภูเขาที่มีป่าหนาทึบแค่ 20% โดยมีพันธุ์ไม้ 13,000 ชนิด และพันธุ์สัตว์กว่า 15,000 สายพันธุ์
 
=== ลักษณะภูมิประเทศ ===
* มีที่ราบลุ่มแม่น้ำขนาดใหญ่ 2 ตอน คือ ตอนเหนือเป็นที่ราบลุ่ม[[แม่น้ำแดง]] และตอนใต้เป็นที่ราบลุ่ม[[แม่น้ำโขง]]
* มีที่ราบสูงตอนเหนือของประเทศ และยังเป็นภูมิภาคที่มีเขา ซึ่งเป็นภูเขาที่สูง 3,143 เมตร (10,312 ฟุต)
 
=== ลักษณะภูมิอากาศ ===
* เป็นแบบมรสุมเขตร้อน ชายฝั่งทะเลด้านตะวันออกเปิดโล่งรับ[[ลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ]]ที่พัดผ่าน[[ทะเลจีนใต้]] ทำให้มีโอกาสรับลมมรสุมและ[[พายุหมุนเขตร้อน]] จึงมีฝนตกชุกในฤดูหนาว สามารถปลูกข้าวได้ปีละ 2 ครั้ง (ฝนตกตลอดปี ได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ)
* เป็นประเทศที่มีความชื้นประมาณร้อยละ 84 ตลอดปี มีอุณหภูมิเฉลี่ยตั้งแต่ 5 องศาเซลเซียส
 
=== ชายแดน ===
ทั้งหมด 4,638 กิโลเมตร (2,883 ไมล์) โดยติดกับ[[ประเทศกัมพูชา]] 1,228 กิโลเมตร (763 ไมล์) [[ประเทศจีน]] 1,281 กิโลเมตร (796 ไมล์) และ[[ประเทศลาว]] 2,130 กิโลเมตร (1,324 ไมล์)
 
== เศรษฐกิจ ==
[[ไฟล์:LANDMARK72.jpg|thumb|ฮานอยมี[[เคียงนัมฮานอยแลนด์มาร์กทาวเวอร์]]ตึกที่สูงที่สุดในเวียดนาม]]
===เกษตรกรรม===
มีผลผลิตได้แก่ [[ข้าวเจ้า]] [[ยางพารา]] [[ชา]] [[กาแฟ]] [[ยาสูบ]] [[พริกไทย]] (ในปี พ.ศ. 2549 ส่งออกกว่า 116,000 ตัน) <ref>http://www.nhandan.com.vn/english/business/050707/business_p.htm</ref> การประมง เวียดนามจับปลาได้เป็นอันดับ 4 ของสินค้าส่งออก เช่น [[ปลาหมึก]] [[กุ้ง]] ตลาดที่สำคัญ คือ [[ประเทศญี่ปุ่น|ญี่ปุ่น]] [[ไต้หวัน]] และ[[สิงคโปร์]]
 
===อุตสาหกรรม===
อุตสาหกรรมที่สำคัญ คือ อุตสาหกรรมทอผ้า ศูนย์กลางอยู่ที่[[โฮจิมินห์ซิตี]]และมีนิคมอุตสาหกรรม[[อมตะซิตี้เบียนโฮ]]<ref> [http://www.businessthai.co.th/content.php?data=411082_%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%9B%E0%B8%81 อมตะซิตี้ เบียนโฮ ทางเลือกใหม่ลงทุน]</ref> การทำเหมืองแร่ที่สำคัญ คือ [[ถ่านหิน]] [[น้ำมันปิโตรเลียม]] และ[[แก๊สธรรมชาติ]] เวียดนามเป็นประเทศส่งออกน้ำมันดิบรายใหญ่อันดับ 3 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รองจากอินโดนีเซียและมาเลเซีย <ref>http://www.manager.co.th/IndoChina/ViewNews.aspx?NewsID=9500000096151</ref>
 
=== สถานการณ์เศรษฐกิจ ===
[[ไฟล์:SaigonPort1.JPG|thumb|250px|ท่าเรือไซ่ง่อน]]
เวียดนามมีการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว และเผชิญภาวะขาดแคลนพลังงานไฟฟ้า จึงมีการซื้อพลังงานไฟฟ้าจากมณฑลยูนนาน ประเทศจีน ตั้งแต่กันยายนปี 2004 <ref>http://thai.cri.cn/1/2007/12/05/21@114375.htm</ref>
แม้ว่าเหตุผลทางเศรษฐกิจจะเป็นเหตุผลที่มีความสำคัญรองจากเหตุผลทางการเมืองและยุทธศาสตร์ในการที่อาเซียนรับเวียดนามเข้าเป็นสมาชิก แต่ก็ยังคงความสำคัญในระดับหนึ่งที่จะมองข้ามไปไม่ได้ความสัมพันธ์ทวิภาคีทางเศรษฐกิจระหว่างเวียดนามและประกาศถอนทหารออกจาก[[กัมพูชา]] และเมื่อเวียดนามได้ลงนามในข้อตกลงสันติภาพที่กรุง[[ปารีส]]ในปี 1991
 
=== เหตุผลการเข้าเป็นสมาชิกอาเซียน ===
# การสนับสนุนและความช่วยเหลือในการพัฒนาทางเศรษฐกิจของเวียดนาม ทั้งโดยทางตรงและทางอ้อมจากประเทศสมาชิก[[อาเซียน]]ซึ่งเวียดนามมองว่าเป็นสิ่งที่มาพร้อมกับการปรับสภาพแวดล้อมทางยุทธศาสตร์และการปรับนโยบายต่างประเทศ การเข้ารวมกลุ่มอาเซียนจะทำให้เวียดนามมีโอกาสได้เรียนรู้ประสบการณ์ในการพัฒนาประเทศจากสมาชิกต่างๆ อันจะมีส่วนเอื้ออำนวยและเร่งการพัฒนาของตนไปสู่ระบบเศรษฐกิจการตลาดซึ่งตั้งอยู่บนหลักการของการแข่งขันได้ในที่สุด
# เวียดนามให้ความสำคัญสูงสุดต่อการเข้าร่วมในระบบเศรษฐกิจของภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกและระบบเศรษฐกิจของโลก การเป็นสมาชิกของอาเซียนจะนำไปสู่การมีส่วนร่วมใน[[เขตการค้าเสรี]]อาเซียน และนำเวียดนามไปสู่ความคุ้นเคยกับแนวทางปฏิบัติในการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจในระดับโลก อันจะมีผลดีและเป็นปัจจัยประการหนึ่งที่จะผลักดันเวียดนามให้ก้าวไปสู้การเป็นสมาชิกของ [[APEC]] และ [[WTO]] ได้ในที่สุด
# ในฐานะของสมาชิกอาเซียน เวียดนามหวังที่จะได้รับประโยชน์จากการเพิ่มขึ้นของการค้าและการลงทุนกับประเทศอาเซียนทั้งหลาย ขณะเดียวกันในขณะที่การค้าภายในกลุ่มอาเซียนกำลังขยายตัว เวียดนามก็ได้ตระเตรียมและปรับทิศทางการส่งออกของตนที่จะไปสู่ตลาดอาเซียนนี้อย่างจริงจังมากขึ้น การนำเข้าของเวียดนามจากอาเซียนในขณะนี้เป็นครึ่งหนึ่งของการนำเข้าทั้งหมดของทั้งหมดของเวียดนาม และประมาณร้อยละ 30 ของการค้าทั้งหมดของเวียดนามที่มีกับอาเซียนนอกจากนี้ เวียดนามยังหวังว่าตนจะได้รับสิทธิพิเศษ [[GSP]] อย่างน้อย 10 ปีขึ้นไป และเวียดนามยังจะเป็นจุดส่งออกที่สำคัญสำหรับประเทศสมาชิกอาเซียนอื่น ๆ
ในด้านการลงทุน ทั้งเวียดนามและประเทศในกลุ่มอาเซียนจะได้รับผลประโยชน์ร่วมกันจากการที่ประเทศในกลุ่มอาเซียนเข้าไปลงทุนในเวียดนามโดยเวียดนามจะสามารถดูดซึมเทคนิค วิทยาการและเทคโนโลยีที่ผ่านมากับการลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรูปแบบของการร่วมทุน ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาการผลิตของเวียดนาม และขณะเดียวกัน นับตั้งแต่เวียดนามเปิดประเทศและประกาศกฎหมายว่าด้วยการลงทุนต่างชาติ ประเทศสมาชิกอาเซียนต่างก็ให้ความสนใจลพยายามแสวงหาโอกาสเข้าไปลงทุนในเวียดนาม ทั้งนี้เพราะ[[อาเซียน]]ก็สนใจในผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจด้วยเช่นกันทั้งด้านการค้าและการลงทุน เนื่องจากเวียดนามเป็นตลาดใหญ่มีประชากรถึง 73 ล้านคน มีความสมบูรณ์ทางทรัพยาธรรมชาติ มีแรงงานที่มีศักยภาพและมีราคาถูก การมีเวียดนามเป็นสมาชิกเพิ่มขึ้นจะทำให้อาเซียนมีประชากรเพิ่มเป็น 420 ล้านคน และจะมีผลผลิตมวลรวมภายในถึง 500 พันล้าน ดอลลาร์สหรัฐ อันจะทำให้อาเซียนมีศักยภาพในการขยายตัวกางเศรษฐกิจได้มากขึ้นไปอีก
ในปัจจุบัน ประเทศที่ได้รับการอนุมัติด้วยมูลค่าลงทุนมากที่สุดได้แก่สิงคโปร์ ซึ่งมีโครงการการลงทุนที่ได้รับการอนุมัติจำนวนโครงการ ด้วยมูลค่า 5.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ มูลค่าการลงทุนของประเทศสมาชิกอาเซียนในเวียดนามคิดได้เป็นร้อยละ 27.69 ของมูลค่าของการลงทุนต่างชาติทั้งสิ้นในเวียดนาม กล่าวคือในมูลค่า 8.14 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จากมูลค่าของการลงทุนต่างชาติทั้งสิน 29.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีโครงการทั้งสิ้น 337 โครงการ โดยมาเลเซียลงทุนเป็นอันดับ 2 รองจาก[[สิงคโปร์]] [[ประเทศไทย|ไทย]]ลงทุนเป็นอันดับ 3 ประเภทของการลงทุนที่สมาชิกอาเซียนดำเนินการในเวียดนาม ได้แก่ อุตสาหกรรมการผลิต การก่อสร้างสำนักงาน ที่อยู่อาศัย การผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคและการแปรรูปอาหาร เวียดนามหวังว่าการลงทุนจากประเทศสมาชิกอาเซียนนี้จะมีส่วนช่วยถ่วงดุลการลงทุนจาก[[เกาหลีใต้]] [[ไต้หวัน]] [[ฮ่องกง]] และ[[ประเทศญี่ปุ่น|ญี่ปุ่น]]
ในขณะเดียวกันในส่วนของอาเซียน เหตุผลประการหนึ่งที่ทำให้อาเซียนยินดีรับเวียดนามเข้าเป็นสมาชิกก็คือ การเข้ารวมกลุ่มอาเซียนของเวียดนามนั้นจะมีผลไปเพิ่มความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจอีกทั้งอำนาจในการต่อรองทางการเมืองทั้งหลายต่างก็มีผลประโยชน์ที่สอดคล้องกัน ทั้งทางการเมืองและทางเศรษฐกิจร่วมกันอันนำไปสู่การยอมรับในที่สุด
 
=== วิทยาศาสตร์ และ เทคโนโลยี ===
{{โครง-ส่วน}}
เวียดนามมีพื้นฐานของนักปราชญ์ตั้งแต่ยุคโบราณ มีการสั่งสมความรู้ทั้งด้านคณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ จนเป็นที่เลื่องลือ โดยในปัจจุบันเวียดนามเริ่มมีการพัฒนาเทคโนโลยี ในปี 2553 เวียดนามมีงบประมาณทางด้านวิทยาศาสตร์อยู่ที่ 0.45% ของ GDP
 
=== การขนส่ง ===
====อากาศ====
[[ไฟล์:Vn-20080622 nrt.jpg|thumb|200px|เครื่องบินของสายการบิน[[เวียดนามแอร์ไลน์]]]]
เวียดนามมีท่าอากาศยานขนาดใหญ่ 6 แห่ง คือ [[ท่าอากาศยานนานาชาติโหน่ยบ่าย]] (Noi Bai) ในกรุง[[ฮานอย]], [[ท่าอากาศยานนานาชาติเตินเซินเญิ้ต]] (Tan Son Nhat) ใน[[นครโฮจิมินห์]], โครงการ[[ท่าอากาศยานนานาชาติล็องถั่ญ]] (Long Thanh) ใน[[จังหวัดด่งนาย]], [[ท่าอากาศยานจูลาย]] (Chu Lai) ใน[[จังหวัดกว๋างนาม]] และ[[ท่าอากาศยานนานาชาติดานัง]] (Danang) ในนคร[[ดานัง]]<ref>[http://www.manager.co.th/IndoChina/ViewNews.aspx?NewsID=9490000156521 เวียดปักธงสนามบิน $8 พันล้าน แข่งสุวรรณภูมิ (ผู้จัดการ)]</ref>
 
====ถนน====
[[ไฟล์:Cao toc Cau Gie Ninh Binh.JPG|thumb|ในส่วนของ [[ทางด่วนเหนือ–ใต้ (ประเทศเวียดนาม)|ทางด่วนเหนือ–ใต้]] การเชื่อมต่อ Cầu Giẽ และ [[บิ่ญถ่วน]]]]
ในปี 2553 ระบบถนนของเวียดนามมีความยาวรวมประมาณ 188,744 กิโลเมตร (117,280 ไมล์) โดยมี 93,535 กิโลเมตร (58,120 ไมล์) เป็นถนนลาดยาง
 
====ทางรถไฟ====
{{Main|การขนส่งระบบรางในประเทศเวียดนาม}}
ทางรถไฟในเวียดนาม ปัจจุบันมีการเชื่อมต่อกับประเทศจีน และมีเครือข่ายในประเทศเท่านั้น ยังไม่มีทางเชื่อมต่อกับลาวและกัมพูชา ซึ่งขณะนี้กำลังวางแผนก่อสร้าง
 
== ประชากรศาสตร์ ==
{{บทความหลัก|ประชากรศาสตร์เวียดนาม}}
=== เชื้อชาติ ===
{{บทความหลัก|ชาวญวน}}
มีจำนวน 84.23 ล้านคน ความหนาแน่นโดยเฉลี่ย 253 คนต่อตารางกิโลเมตร เป็น[[ชาวญวน]]ร้อยละ 86 (บริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขงทางตอนใต้ของประเทศ) [[ต่าย]] [[ชาวไท]] [[เหมื่อง]] ฮั้ว ([[จีน]]) [[ชาวเขมร]] [[นุง]] [[ชาวม้ง]]<ref>[http://www.mhro.org/montangards-history/under-south-vietnam-rule "Under South Vietnam Rule"]. MHRO.org. 2010. Retrieved 21 April 2012.</ref><ref>[http://www.unhcr.org/refworld/topic,463af2212,469f2de62,49749c7f8,0.html World Directory of Minorities and Indigenous Peoples – Vietnam: Chinese (Hoa)].UNHCR Refworld. Retrieved 12 February 2013.</ref><ref>[http://www.state.gov/r/pa/ei/bgn/4130.htm Vietnam (08/08)]. U.S. Department of State. Retrieved 12 February 2013.</ref>
{{เมืองใหญ่สุดในเวียดนาม}}
 
=== ภาษา ===
{{บทความหลัก|ภาษาเวียดนาม}}
การสื่อสารใช้[[ภาษาเวียดนาม]] ซึ่งเมื่อปี พ.ศ. 2463 วงการวิชาการเวียดนามได้ลงประชามติที่จะใช้ตัว[[จื๋อโกว๊กหงือ|อักษรโรมัน]] (Quốc ngữ) แทนตัว[[จื๋อโนม|อักษรจีน]] (Chữ Nôm) ในการเขียนภาษาเวียดนาม <ref>[[หนังสือพิมพ์มติชน]] รายวัน หน้า 6 คอลัมน์ หน้าต่างความจริง วันที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2550 ปีที่ 30 ฉบับที่ 10620</ref>
 
=== ศาสนา ===
{{บทความหลัก|ศาสนาในประเทศเวียดนาม}}
{{bar box
| title = ศาสนาในประเทศเวียดนาม
| titlebar = #ddd
| left1 = ศาสนา
| right1 = ร้อยละ
| float = right
| bars =
{{bar percent|[[พื้นบ้าน]]และ[[การไม่มีศาสนา|ไม่มีศาสนา]]|green|73.2}}
{{bar percent|[[พุทธ]]|yellow|12.2}}
{{bar percent|[[คริสต์]]|blue|8.3}}
{{bar percent|อื่น ๆ |red|6.3}}
}}
[[ไฟล์:Chua Mot Cot.jpg|thumb|250px|เจดีย์เสาเดียว แสดงให้เห็นถึง[[ศาสนาพื้นบ้านเวียดนาม]]]]
จากการสำรวจในปี พ.ศ. 2557<ref>[https://en.wikipedia.org/wiki/Religion_in_Vietnam] Religion in Vietnam</ref> ประเทศเวียดนามมีประชากรนับถือศาสนา 90 ล้านคน แบ่งได้ดังนี้ [[ศาสนาพื้นบ้านเวียดนาม]]และ[[การไม่มีศาสนา|ไม่มีศาสนา]] 24 ล้านคน (73.2%) [[ศาสนาพุทธ]] 11 ล้านคน (12.2%) [[ศาสนาคริสต์]] 7.6 ล้านคน (8.3%) [[ลัทธิเฉาได]] 4.4 ล้านคน (4.8%) [[ลัทธิฮหว่าหาว]] 1.3 ล้านคน (1.4%) และศาสนาอื่น ๆ (0.1%) เช่น [[ศาสนาอิสลาม]] 75,000 คน [[ศาสนาบาไฮ]] 7,000 คน [[ศาสนาฮินดู]] 1,500 คน<ref>{{cite web|url=http://www.state.gov/r/pa/ei/bgn/4130.htm |title= Background Note: Vietnam |publisher=US Department of State|accessdate=28 April 2010}}</ref><ref>[http://www.adherents.com/largecom/com_buddhist.html "The Largest Buddhist Communities"]. Adherents.com. Retrieved 9 July 2013. This source quotes a much lower figure than the 85% quoted by the US Department of State.</ref><ref>{{cite web |url=http://www.apecdoc.org/Vietnm/religion_belief.htm |publisher=APEC |title=Vietnam |archiveurl=http://web.archive.org/web/20080406124238/http://www.apecdoc.org/Vietnm/religion_belief.htm |archivedate=6 April 2008|accessdate=9 July 2013}}</ref><ref>{{cite web|url=http://www.nationsencyclopedia.com/Asia-and-Oceania/Vietnam-RELIGIONS.html |title=Vietnam |publisher=Encyclopedia of the Nations |date=14 August 2007 |accessdate=28 April 2010}}</ref><ref>{{cite web|url=http://www.vietnam-holidays.co.uk/aboutvietnam/religion.htm |title=Vietnam's religions |publisher=Vietnam-holidays.co.uk |accessdate=28 April 2010}}</ref><ref>{{cite web|url=http://mertsahinoglu.com/research/religion-of-the-vietnamese/ |title=Religion of the Vietnamese |publisher=Mertsahinoglu.com|accessdate=28 April 2010}}</ref><ref>{{cite web|title=Vietnam: International Religious Freedom Report 2007 |url=http://www.state.gov/g/drl/rls/irf/2007/90159.htm |publisher=[[U.S. Department of State]]: [[Bureau of Democracy, Human Rights, and Labor]] |date=14 September 2007 |accessdate=21 January 2008}}</ref>
 
=== การศึกษา ===
==== ประวัติการศึกษาของเวียดนาม ====
ประเทศเวียดนามได้มีการพัฒนาการศึกษาควบคู่ไปกับพัฒนาของประเทศ ซึ่งสามารถแบ่งออกได้เป็นระยะ ๆ ย่อ ๆ ในเชิงประวัติศาสตร์ดังนี้ (Pham Minh Hac,1995, 42-61)
 
1. ระยะที่อยู่ภายใต้การปกครองของราชวงศ์จีน (Period of Chinese Imperial Domination) : 200 ปีก่อน ค.ศ. - ค.ศ. 938
 
ในระยะนี้ประเทศเวียดนามอยู่ภายใต้การปกครองของราชวงศ์จีน ดังนั้นผู้บริหารของประเทศจีน จึงเป็นผู้ก่อตั้งระบบการศึกษาในประเทศเวียดนามทั้งในแบบของรัฐและเอกชน ซึ่งในสมัยก่อนเน้นเฉพาะการศึกษาของบุตรชายและการฝึกอบรมบุคคลเพื่อเข้าไปรับราชการและบริหารประเทศ มีนโยบาย "Feudal Intelligentsia" ซึ่งจะคัดเลือกเฉพาะบุตรชายจากครอบครัวขุนนางไปรับราชการกับราชวงศ์จีน ระบบการศึกษาต่อเนื่องของชาวเวียดนามในบางศตวรรษพบว่า บุคคลชาวเวียดนามที่มีฐานะทางสังคมดีและมีสติปัญญาดีจะได้รับอนุญาตให้เข้าไปศึกษาต่อในประเทศจีน โดยมีการสอบแข่งขันหลายขั้นตอนและครั้งสุดท้ายจะสอบที่กรุงปักกิ่ง เมื่อสอบผ่านจะได้วุฒิเทียบเท่า Doctor’s Degree ระบบการศึกษาดังกล่าวสืบทอดมาจนถึง ราชวงศ์ถัง (ค.ศ. 618 - ค.ศ. 907) ระบบการศึกษาที่เลียนแบบมาจากประเทศจีนประกอบด้วย การศึกษาเบื้องต้น (Primary Education) ที่มีระยะเวลาการศึกษาน้อยกว่า 15 ปี และการศึกษาระดับอุดมศึกษา (Higher Education) ที่มีระยะเวลาการศึกษามากกว่า 15 ปีขึ้นไป
 
2. ระยะที่ประเทศมีอิสรภาพ (Period of National Independence) : ค.ศ. 938 -ค.ศ. 1859
 
ในปี ค.ศ. 938 Ngo Dinh ได้รบชนะจีนและก่อตั้งราชวงศ์ Ngo Dinh และราชวงศ์ Le ตอนต้น (ค.ศ. 939 - ค.ศ. 1009) การศึกษาส่วนใหญ่เป็นการดำเนินการโดยเอกชนและโรงเรียนพุทธศาสนา จนกระทั่งราชวงศ์ Le (ค.ศ.1009 - ค.ศ. 1225) เริ่มให้ความสำคัญกับการศึกษาเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ ๆ เช่น เมืองหลวง Thang Long หรือ Ha Noi ในปัจจุบัน มีการก่อตั้งสถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษาในประเทศเวียดนามเป็นแห่งแรก ใน ค.ศ. 1076 ที่มีชื่อเรียกว่า "Quoc Tu Gian หรือ Royal College" เพื่อเป็นแหล่งการศึกษาของบุตรชายของครอบครัวที่มีฐานะดี ในยุคนี้มีการสร้างโรงเรียนของรัฐขึ้นอีกทั้งในส่วนกลางและจังหวัดต่างๆ เพื่อให้บุตรชายของสามัญชนเข้ารับการศึกษา ทำให้ระบบการศึกษาในประเทศเวียดนามในยุคนี้แบ่งออกเป็น 3 แบบ คือ
* Royal College อยู่ในเมืองหลวง อยู่ภายใต้การบริหารโดยตรงของกษัตริย์
* โรงเรียนในระดับจังหวัดและอำเภอ เป็นโรงเรียนของรัฐซึ่งยังมีจำนวนไม่มากนัก
* โรงเรียนของภาคเอกชน
 
อาจสรุปได้ว่าการศึกษาในระยะต้น ๆ ของประเทศเวียดนามอยู่ในระบบศักดินา ที่มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อการคัดเลือกคนเข้าไปเรียนเพื่อเป็นขุนนางและข้าราชการในระดับต่างๆ
 
3. ระยะที่อยู่ภายใต้อาณานิคมของฝรั่งเศส (Period of French Colonialism): ค.ศ. 1859 - 1945
 
ในระยะที่ประเทศเวียดนามอยู่ภายใต้การปกครองของฝรั่งเศสนี้ ระยะแรกๆ ยังคงใช้ระบบการศึกษาตามลัทธิขงจื้ออยู่ จนกระทั่งปี ค.ศ. 1917 จึงได้มีการเริ่มระบบการศึกษาแบบฝรั่งเศส แต่ให้ความสำคัญกับการศึกษาในระดับประถมศึกษา มีโรงเรียนประถมศึกษาเกิดขึ้นในหมู่บ้านที่มีพลเมืองอาศัยอยู่หนาแน่น
 
การศึกษาในเบื้องต้นมีเกรด 1-2 มีชื่อเรียกที่แตกต่างกัน Ecole Communale ใช้เรียกการศึกษาในทางตอนเหนือ Ecole Auxilier Preparatoire ใช้เรียกการศึกษาทางตอนใต้ และ Ecole Preparatoire ใช้เรียกการศึกษาในตอนกลางของประเทศ ในบางเมืองมีการศึกษาพื้นฐาน 6 ปี ในเมืองใหญ่ ๆ เช่น Ha Noi, Haiphong และ Vinh มีการศึกษาที่สูงกว่า ระดับประถมศึกษาเพิ่มขึ้นอีก 4 ปี และมีเฉพาะในเมืองใหญ่ ๆ เท่านั้นที่มีการศึกษาสูงกว่าระดับมัธยมศึกษา คือ Ha Noi, Hue และ Saigon
 
ตอนต้นศตวรรษที่ 20 ประเทศฝรั่งเศสมีการพัฒนาการศึกษาวิชาชีพ (Professional Education) ขึ้น โดยมีการก่อตั้งสถาบันการศึกษาที่มีรูปแบบตะวันตก ในปี ค.ศ. 1902 มีวิทยาลัยแพทยศาสตร์และเภสัชศาสตร์เกิดขึ้นเป็นแห่งแรกที่กรุงฮานอย และมีการก่อตั้งสถาบันการศึกษาหลายแห่งในเวลาต่อมา นอกจากนี้ยังมีสถาบันการศึกษาทางด้านเทคนิคและอุตสาหกรรมอีกหลายแห่ง ซึ่งมีระยะเวลาในการศึกษา 2 ปี เน้นการฝึกอบรมทักษะในการทำงานกับเครื่องจักรกล สถาบันการศึกษาในระดับนี้เรียกว่า โรงเรียนฝึกวิชาชีพชั้นสอง จนกระทั่ง ค.ศ. 1919 จึงมีระบบการศึกษาแบบมหาวิทยาลัยที่มีการศึกษาวิชาทางด้านวิทยาศาสตร์ ได้แก่ วิชาฟิสิกส์ เคมี จนกระทั่งถึง ค.ศ. 1923 ได้เริ่มมีการจดทะเบียนผู้ที่ศึกษาในระดับมหาวิทยาลัย
 
โดยทั่วไปแล้วระบบการศึกษาของประเทศเวียดนามภายใต้การปกครองของประเทศฝรั่งเศส ยังมีความจำกัดอยู่มาก โดยพบว่ามีจำนวนนักศึกษาที่ลงทะเบียนประมาณรัอยละ 2.6 ของประชากรในวัยเรียนทั้งหมดของประเทศ ในขณะที่มีประชากรทั้งหมด 17,702,000 คน ในปี ค.ศ. 1931
 
4. ระยะหลังการปฏิวัติเดือนสิงหาคม (Period after August Revolution) : ค.ศ. 1945 - 1975
 
5. ระยะของการรวมประเทศ (Period of National Reunification) : ค.ศ. 1975 - ปัจจุบัน
 
==== การศึกษาของเวียดนามในปัจจุบัน ====
ปัจจุบันเวียดนามแบ่งลักษณะของการจัดการศึกษาไว้ 5 ลักษณะ คือ
 
1. การศึกษาระดับก่อนประถมศึกษา (Pre-School Education)
ประกอบด้วยการเลี้ยงดูเด็ก สำหรับเด็กอายุ 6 เดือนถึง 3 ปี และอนุบาลสำหรับเด็กอายุ 3-5 ปี
 
2. การศึกษาสามัญ (5 - 4 – 3)
* ระดับประถมศึกษาเป็นการศึกษาภาคบังคับ 5 ปี ชั้น 1-5
* ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น คือชั้น 6-9
* ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย คือชั้น 10-12
 
3. การศึกษาด้านเทคนิคและอาชีพ มีเทียบเคียงทั้งระดับมัธยมศึกษาตอนต้นและตอนปลาย
 
4. การศึกษาระดับอุดมศึกษา แบ่งเป็นระดับอนุปริญญา (Associate degree) และระดับปริญญา
 
5. การศึกษาต่อเนื่อง เป็นการศึกษาสำหรับประชาชนที่พลาดโอกาสการศึกษาในระบบสายสามัญและสายอาชีพ
 
การศึกษาสามัญ 12 ปี (General Education) ของเวียดนามนั้นเวียดนามมีวัตถุประสงค์ที่จะ ให้ประชาชนได้มีวิญญาณในความเป็นสังคมนิยม มีเอกลักษณ์ประจำชาติ และมีความสามารถในด้านอาชีพ ในอดีตการศึกษาสามัญของเวียดนามมีเพียง 10 ปีเท่านั้น และไม่มีอนุบาลศึกษามาก่อนจนถึงปีการศึกษา 2532 - 2533 จึงมีการศึกษาถึงชั้นปีที่ 9 ทั้งประเทศ ซึ่งได้เรียกการศึกษาสามัญ 9 ปี ดังกล่าวนี้ว่าการศึกษาขั้นพื้นฐาน (Basic Education) และเมื่อได้ขยายไปถึงปีที่ 12 แล้วจึงได้เรียกการศึกษาสามัญ 3 ปีสุดท้ายว่า มัธยมชั้นสูง (Upper Secondary School) ปี 2535-2536 ระบบการศึกษาสามัญในเวียดนามจึงกลายเป็นระบบ 12 ชั้นเรียนทั้งประเทศ โดยเด็กที่เข้าเรียนในชั้นปีที่ 1 จะมีอายุย่างเข้าปีที่ 6
 
เมื่อเวียดนามได้ใช้ระบบการศึกษาเป็น 12 ปีแล้ว จำนวนนักเรียนในทุกระดับชั้นยังมีน้อย ดังนั้นปี 2534 สภาแห่งชาติของเวียดนามจึงได้ออกกฎหมายการกระจายการศึกษาระดับประถมศึกษา (Law of Universal Primary Education) ซึ่งถือเป็นกฎหมายฉบับแรกว่าด้วยการศึกษาของเวียดนาม
 
== วัฒนธรรม ==
{{บทความหลัก|วัฒนธรรมเวียดนาม}}
วัฒนธรรมของเวียดนามส่วนใหญ่ล้วนมีวัฒนธรรมที่มีรากฐานมาจาก[[จีน]] และ[[ศาสนาพุทธ]]และ[[ลัทธิเต๋า]]
=== สื่อสารมวลชน ===
{{บทความหลัก|สื่อสารมวลชนในประเทศเวียดนาม}}
สื่อของเวียดนามได้รับการควบคุม โดยรัฐบาลตามกฎหมายปี 2004 ในการเผยแพร่ <ref>{{cite web|title=Law on Publication (No. 30/2004/QH11 of 3 December 2004)|url=http://vbqppl.moj.gov.vn/vbpq/en/Lists/Vn%20bn%20php%20lut/View_Detail.aspx?ItemID=7315|publisher=Ministry of Justice|accessdate=21 September 2011}}</ref> โดยทั่วไปจะมองเห็นว่า ภาคสื่อของเวียดนามถูกควบคุม โดยรัฐบาลไปตามเส้นทางของพรรคคอมมิวนิสต์ แม้ว่าหนังสือพิมพ์บางฉบับจะค่อนข้างตรงไปตรงมา <ref>{{cite news |url= http://www.economist.com/world/asia/displaystory.cfm?story_id=12940221 |title= Muting the Messengers: Vietnam's Press Under Pressure |work=The Economist |location =London |date=15 January 2009 |accessdate=17 January 2009}}</ref> เสียงของเวียดนามเป็นบริการกระจายเสียงทางวิทยุแห่งชาติที่รัฐ ออกอากาศผ่านทางเอฟเอ็มโดยใช้เครื่องส่งสัญญาณให้เช่าในประเทศอื่นๆ และการให้การออกอากาศจากเว็บไซต์ของ [[สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศเวียดนาม]] เป็นบริษัทวิทยุโทรทัศน์แห่งชาติ
 
ตั้งแต่ปี 1997 เวียดนามมีการควบคุมการเข้าถึง[[อินเทอร์เน็ต]]สาธารณะอย่างกว้างขวาง โดยใช้วิธีการทางกฎหมายและทางเทคนิค เพื่อล็อกผลจะเรียกกันอย่างแพร่หลายว่า "[[ไผ่|แบมบู]] [[ไฟร์วอลล์]]"<ref>{{cite journal|author=Wilkey, Robert N|url=http://www.jcil.org/journal/articles/160.html |title=Vietnam’s Antitrust Legislation and Subscription to E-ASEAN: An End to the Bamboo Firewall Over Internet Regulation?|journal=John Marshall Journal of Computer and Information Law|volume=20|year=2002|issue=4}}</ref> โครงการความร่วมมือ[[โอเพ่นเน็ต]]ริเริ่มจัดระดับของเวียดนามการเซ็นเซอร์ทางการเมืองจะเป็นการ "แพร่หลาย"<ref name="oni-research">{{cite web|url=http://opennet.net/research/profiles/vietnam|author=OpenNet Initiative|title=Country Profile: Vietnam|date=9 May 2007|accessdate=15 July 2008}}</ref> ในขณะที่[[องค์กรนักข่าวไร้พรมแดน|ผู้สื่อข่าวไร้พรมแดน]]เวียดนามพิจารณาให้เป็นหนึ่งใน 15 ของโลก "ศัตรูของอินเทอร์เน็ต"<ref name="rsf">{{cite web|url=http://en.rsf.org/internet-enemie-vietnam,39763.html |author=Reporters Without Borders |title=Internet Enemies: Vietnam |accessdate=15 July 2008}}</ref> แม้ว่ารัฐบาลของเวียดนามอ้างว่าเพื่อป้องกันประเทศกับเนื้อหาลามกอนาจารหรือไม่เหมาะสมทางเพศผ่านความพยายามสกัดกั้นของหลายทางการเมืองและศาสนาเว็บไซต์ที่มีความสำคัญเป็นสิ่งต้องห้ามยัง<ref>{{cite news|url=http://cyber.law.harvard.edu/newsroom/opennet_vietnam|title=OpenNet Initiative Vietnam Report: University Research Team Finds an Increase in Internet Censorship in Vietnam|publisher=Berkman Center for Internet & Society at Harvard University|date=5 August 2006|accessdate=15 July 2008}}</ref>
 
=== ดนตรี ===
เพลงเวียดนามแบบดั้งเดิมแตกต่างระหว่างภาคเหนือและภาคใต้ของประเทศ ดนตรีคลาสสิกเหนือเป็นรูปแบบดนตรีที่เก่าแก่ที่สุดของเวียดนามและเป็นประเพณีที่เป็นทางการมากขึ้น ต้นกำเนิดของดนตรีเวียดนามสามารถโยงไปถึงการรุกรานของมองโกลในศตวรรษที่ 13 เมื่อเวียดนามจับกุม[[คณะงิ้ว]]<ref>{{cite web|url=http://www.bookrags.com/research/operavietnam-ema-04/|archiveurl=http://web.archive.org/web/20070710194323/http://www.bookrags.com/research/operavietnam-ema-04/|archivedate=10 July 2007|title=Opera—Vietnam|work=Encyclopedia of Modern Asia| via=BookRags.com|year=2006|accessdate=11 August 2012}}</ref>
 
=== วรรณกรรม ===
{{โครง-ส่วน}}
วรรณกรรมในเวียดนาม มีมาตั้งแต่ยุคราชวงศ์โง มีการกล่าวเน้นเกี่ยวกับบรรพบุรุษหรือวีรกรรมเป็นส่วนใหญ่ ปัจจุบันมีการผสมผสานวัฒนธรรมตะวันตกไปด้วย
 
=== เทศกาล ===
[[ไฟล์:Hoa mai.jpg|190px|right|thumb|ต้นไม้ของประเพณี[[ตรุษญวน]] (ปีใหม่ทางจันทรคติ)]]
เวียดนามมีเทศกาลตาม[[ปฏิทินจันทรคติ]]มากมาย เทศกาลที่สำคัญที่สุดคือการเฉลิมฉลองปีใหม่[[ตรุษญวน]] งานแต่งงานเวียดนามแบบดั้งเดิมยังคงเป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลายและมักจะมีการเฉลิมฉลองโดยชาวเวียดนามในประเทศตะวันตก
; เทศกาลเต๊ต : เป็นเทศกาลทางศาสนาที่สำคัญที่สุด มีชื่อเต็มว่า "เต๊ตเงวียนด๊าน" หมายความว่า เทศกาลแห่งรุ่งอรุณแรกของปี มีขึ้นระหว่างปลายเดือนมกราคมถึงต้นเดือนกุมภาพันธ์ เป็นการเฉลิมฉลองความเชื่อในเทพเจ้า ลัทธิเต๋า ขงจื่อ และศาสนาพุทธ และเป็นการเคารพบรรพบุรุษ
; [[เทศกาลไหว้พระจันทร์|เทศกาลกลางฤดูใบไม้ร่วง]] : ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 ของทุกปี ชาวบ้านประกวดทำขนมเปี๊ยะโก๋ญวน (บันตรังทู) พร้อมทั้งจัดขบวนแห่เชิดมังกร เพื่อเป็นการแสดงความเคารพต่อดวงจันทร์
 
=== การท่องเที่ยว ===
{{โครง-ส่วน}}
การท่องเที่ยวเป็นองค์ประกอบสำคัญของกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศคิดเป็น 7.5% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ เวียดนามต้อนรับผู้มาเยือนกว่า 12.9 ล้านคนในปี 2560 เพิ่มขึ้น 29.1% จากปีก่อนทำให้เวียดนามเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวที่เติบโตเร็วที่สุดในปีที่ผ่านมา ผู้มาเยือนเวียดนามส่วนใหญ่ในปี 2560 มาจากเอเชียมีจำนวน 9.7 ล้านคน จีน (4 ล้านคน) เกาหลีใต้ (2.6 ล้านคน) และญี่ปุ่น (798,119) คิดเป็นครึ่งหนึ่งของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมดในปี 2560 [285] เวียดนามยังดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนมากจากยุโรปด้วยจำนวน 1.9 ล้านคนในปี 2017 รัสเซีย (574,164) ), สหราชอาณาจักร (283,537), ตามมาด้วยฝรั่งเศส (255,396) และเยอรมนี (199,872) เป็นแหล่งที่มาของนักท่องเที่ยวจากยุโรปที่ใหญ่ที่สุด จำนวนนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศที่สำคัญ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา (614,117) และออสเตรเลีย (370,438)
 
=== กีฬา ===
{{บทความหลัก|ฟุตบอลทีมชาติเวียดนาม|ประเทศเวียดนามในโอลิมปิก|เวียดนามในเอเชียนเกมส์}}
{{โครง-ส่วน}}
กีฬาที่ได้รับความนิยมมากในเวียดนามคือกีฬา[[โววีนัม]] เป็นศิลปะการต่อสู้แบบเวียดนาม ในขณะเดียวกันกีฬาจากตะวันตกอย่างฟุตบอลก็ได้รับความนิยมอย่างสูงในเวียดนาม ปัจจุบันเวียดนามเป็นหนึ่งในชาติที่ประสบความสำเร็จในการแข่งขันทางด้านกีฬา จากการคว้าชัยชนะจากกีฬาหลายประเภท
 
=== อาหาร ===
{{โครงส่วน}}
[[ไฟล์:Pho in Ho Chi Minh City by joshua.jpg|thumb|[[เฝอ]] หนึ่งในอาหารเวียดนามยอดนิยม]]
อาหารในเวียดนามมีวัฒนธรรมอาหารที่มาจากจีน หรือประยุกต์มาจากอาหารแบบจีน โดยผสมผสานกับวัฒนธรรมแบบเกษตรเวียดนาม ซึ่งเฝอเป็นอาหารยอดนิยมในเวียดนาม และโด่งดังในฐานะอาหารประจำชาติของประเทศเวียดนาม
 
=== การแต่งกาย ===
การแต่งกายอ๊าวส่าย (Ao dai) เป็นชุดประจำชาติของประเทศเวียดนามที่ประกอบไปด้วยชุดผ้าไหมที่พอดีตัว สวมทับกางเกงขายาวซึ่งเป็นชุดที่มักสวมใส่ในงานแต่งงาน และพิธีการสำคัญของประเทศ
ชุดผู้หญิงคล้ายชุดกี่เพ้าของจีน ในปัจจุบันเป็นชุดที่ได้รับความนิยมมากจากผู้หญิงเวียดนามทั่วทั้งประเทศ ส่วนผู้ชายจะสวมใส่ชุดอ๊าวส่ายด๋ในพิธีแต่งงานหรือพิธีศพ
 
== ดูเพิ่ม ==
* [[ภาษาเวียดนาม]]
* [[ฟุตบอลทีมชาติเวียดนาม]]
* [[วีลีก]]
 
==หมายเหตุ==
{{notelist}}
 
== อ้างอิง ==
{{รายการอ้างอิง|3}}
* [http://www.mfa.go.th/web/2386.php?id=273 สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม โดย กระทรวงการต่างประเทศ]
 
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
{{Sister project links|commons=Vietnam}}
* [http://news.bbc.co.uk/2/hi/asia-pacific/country_profiles/1243338.stm Vietnam profile] from [[BBC News]]
*{{CIA World Factbook link|vm|Vietnam}} (CIA)
*[http://ucblibraries.colorado.edu/govpubs/for/vietnam.htm Vietnam] from ''UCB Libraries GovPubs''
*{{dmoz|Regional/Asia/Vietnam}}
*[http://www.britannica.com/EBchecked/topic/628349/Vietnam Vietnam] at ''[[Encyclopædia Britannica]]''
*{{wikiatlas|Vietnam}}
* [http://www.ifs.du.edu/ifs/frm_CountryProfile.aspx?Country=VN Key Development Forecasts for Vietnam] from [[International Futures]]
 
; รัฐบาล
* [http://www.vietnam.gov.vn/portal/page/portal/English Portal of the Government of Vietnam]
* [http://www.cpv.org.vn/cpv/ Communist Party of Vietnam] – official website (in Vietnamese)
* [http://www.na.gov.vn/htx/English/C1330/ National Assembly] – the Vietnamese legislative body
* [http://www.gso.gov.vn/default_en.aspx?tabid=491 General Statistics Office]
* [http://www.mofa.gov.vn/en/ Ministry of Foreign Affairs]
*[https://www.cia.gov/library/publications/world-leaders-1/world-leaders-v/vietnam.html Chief of State and Cabinet Members]
 
;Media and censorship
*Robert N. Wilkey. [http://www.jcil.org/journal/articles/160.html "Vietnam’s Antitrust Legislation and Subscription to E-ASEAN: An End to the Bamboo Firewall Over Internet Regulation?"] ''The John Marshall Journal of Computer and Information Law''. Vol. XX, No. 4. Summer 2002. Retrieved 16 February 2013.
 
; ท่องเที่ยว
*{{Wikivoyage-inline}}
* [http://www.vietnamtourism.com/e_pages/news/index.asp Official tourism website]
 
{{Geographic location
|Centre = {{VIE}}
|North = {{CHN}}
|Northeast = [[ทะเลจีนใต้]]
|East = [[ทะเลจีนใต้]]
|Southeast = [[ทะเลจีนใต้]]
|South = [[อ่าวไทย]], [[ทะเลจีนใต้]]
|Southwest = {{CAM}}, [[อ่าวไทย]]
|West = {{CAM}}, {{LAO}}
|Northwest = {{CHN}}
}}
{{ประเทศเวียดนาม}}
{{อาเซียน}}
{{เอเชีย}}
{{ประเทศคอมมิวนิสต์}}
{{สังคมนิยมแบ่งตามประเทศ}}
 
[[หมวดหมู่:ประเทศเวียดนาม| ]]
[[หมวดหมู่:รัฐคอมมิวนิสต์|ว]]
[[หมวดหมู่:รัฐและดินแดนที่ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2519]]
[[หมวดหมู่:อดีตอาณานิคมของฝรั่งเศส]]