ผลต่างระหว่างรุ่นของ "แม่น้ำแยงซี"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ไม่มีความย่อการแก้ไข
Cuteystudio (คุย | ส่วนร่วม)
บรรทัด 6:
[[ไฟล์:Cn1202-03.jpg|right|thumb|300px|โค้งแรกของแม่น้ำแยงซี ณ ซีกุ (石鼓) [[มณฑลยูหนาน]]โค้ง180องศา จากใต้ สู่ เหนือ]]
 
ชื่อแม่น้ำแยงซีเกียงที่คนไทยเรียกกันนั้น เป็นชื่อที่ตกทอดมาจากแม่น้ำหยางจื่อเจียง (อักษรจีนตัวเต็ม: 揚子江;อักษรจีนตัวย่อ: 扬子江; พิงอิน:Yángzǐ Jiāng) ) ซึ่งเริ่มเรียกในสมัย[[ราชวงศ์สุย]]. ชื่อแม่น้ำหยางจื่อเจียงถูกเรียกตามเรือบรรทุกสินค้าในสมัยก่อนจากเมืองหยางจื่อจิน (อักษรจีน:扬子津, ความหมายว่า ข้ามหยางจึ) ในสมัย[[ราชวงศ์หมิง]] ตัวเขียนของแม่น้ำหยางจึจินบางครั้งเขียนเป็น 洋子 (พินอิน: Yáng Zĭ) เนื่องจากกลุ่มแรกๆที่ได้ยินชื่อแม่น้ำหยางจึจินคือกลุ่ม[[มิชชันนารี]]และพ่อค้า ชื่อแม่น้ำนี้จึงถูกเรียกแทนแม่น้ำทั้งสาย ในเวลาต่อมาชื่อของแม่น้ำหยางจื่อเจียงได้รับการพิจารณาว่าเป็นชื่อที่เกี่ยวกับ[[ประวัติศาสตร์]]และ[[วรรณคดี]]ของประเทศจีน ชื่อใหม่ของแม่น้ำหยางจื่อเจียงคือ แม่น้ำฉางเจียง (อักษรจีนตัวเต็ม:長江;อักษรจีนตัวย่อ:长江; พินอิน: Cháng Jiāng) ซึ่งมีความหมายว่า แม่น้ำสายยาว (Long River) ซึ่ง[[ชาวตะวันตก]]ก็เรียกเช่นเดียวกันนี้ในบางครั้ง
 
แม่น้ำแยงซีถูกเรียกต่างชื่อกันไปตามเส้นทางของลำน้ำเช่นเดียวกับแม่น้ำหลายๆหลาย ๆ สาย เช่น ต้นทางของแม่น้ำแยงซีถูกเรียกโดย[[ชาวทิเบต]]ว่า ตางชู (ตัวอักษรจีน:当曲, ความหมายว่า [[บึง]]แม่น้ำหรือ [[หนอง]]แม่น้ำ) ตามทางของแม่น้ำแยงซีถูกเรียกว่า แม่น้ำถัวทัว (อักษรจีน: 沱沱河) ลาดลงมาอีกเรียกว่า แม่น้ำถงเทียน (อักษรจีน: 通天河, ให้ความหมายทาง[[วรรณกรรม]]ว่า ผ่านแม่น้ำ[[สวรรค์]]) นอกจากนี้แล้วแม่น้ำแยงซียังถูกเรียกว่า แม่น้ำจินชา (อักษรจีน: 金沙江; พินอิน: Jīnshā Jiāng, ให้ความหมายทางวรรณกรรมว่า แม่น้ำหาดทรายทอง) จากเส้นทางน้ำไหลผ่านช่องแคบระหว่าง[[เทือกเขา]]ต่างๆต่าง ๆ สู่ [[แม่น้ำแม่กลอง|แม่น้ำแม่กอง]]และ [[แม่น้ำสาละวิน]] ก่อนที่จะไหลผ่านเข้าสู่ที่ราบลุ่มเสฉวน หรือ ชิชวน (อักษรจีน: 四川; พินอิน: Sì Chuān) ซึ่งตั้งอยู่ด้านตะวันตกของจีน
ชาวจีนสมัยก่อนเรียกแม่น้ำแยงซีเพียงสั้นๆสั้น ๆ ว่า เจียง (อักษรจีน: 江; พินอิน: Jiāng) หรือ ต้าเจียง (อักษรจีน: 大江; พินอิน: Dà Jiāng, ให้ความหมายทางวรรณกรรมว่า แม่น้ำใหญ่) ซึ่งต่อมาชาวจีนเรียกแทนแม่น้ำว่า เจียง ชาวทิเบตเรียกแม่น้ำว่า บีร์ชู (ภาษาทิเบต: འབྲི་ཆུ་; วายลี่: 'bri chu, ให้ความหมายทางวรรณกรรมว่า แม่น้ำแม่วัวป่า) แม่น้ำแยงซียังถูกเรียกว่าเป็นแม่น้ำสายทองคำ อีกด้วย
 
== ภูมิศาสตร์ ==
ต้นกำเนิดของแม่น้ำแยงซีอยู่ใต้ธารน้ำแข็งทางทิศตะวันตกของภูเขาเก้อลาตานตง (ตัวอักษรจีน: 各拉丹东; พินอิน:Gèlādāndōng) แม่น้ำแยงซีไหลผ่านไปฝั่งตะวันออกของมณฑล[[ชิงไห่]] และไหลลงไปทางใต้สู่หุบเขาที่ลึกตามแนวเส้นแบ่งเขตแดนระหว่างมณฑล[[เสฉวน]] กับ [[ทิเบต]] แล้วไหลเข้าสู่มณฑล[[หูหนาน]] หรือ ฮูนาน (อักษรจีน: 湖南; พินอิน: Húnán;) ซึ่งเส้นทางไหลเลาะ ลาด ตามหุบเขานั้นได้ลดระดับความสูงของแม่น้ำจากมากกว่า 50005,000 เมตร สู่ระดับที่ต่ำกว่า 10001,000 เมตร
 
แม่น้ำแยงซีไหลเข้าสู่ แอ่งน้ำเสฉวน ณ อี๋ปิน (อักษรจีนตัวเต็ม: 宜賓; อักษรจีนตัวย่อ: 宜宾; พินอิน: Yíbīn) ซึ่งแม่น้ำแยงซีได้บรรจบกับแม่น้ำอีกหลายสาย ณ แอ่งน้ำเสฉวน นี้ จึงทำให้มีปริมาณน้ำมากขึ้นอย่างชัดเจน หลังจากนั้นแม่น้ำแยงซีก็ไหลเลาะตามเส้นแบ่งเขตระหว่างมณฑล[[ฉงชิ่ง]] (อักษรจีนตัวเต็ม: 重慶; อักษรจีนตัวย่อ: 重庆; พินอิน: Chóngqìng) กับ มณฑล[[หูเป่ย์]] (อักษรจีน: 湖北; พินอิน: Húběi) จากเส้นทางไหลเลาะตามเส้นแบ่งเขตนี้ ก่อให้เกิดซานเชี่ย (อักษรจีนตัวเต็ม: 三峽; อักษรจีนตัวย่อ: 三峡; พินอิน: Sānxiá;) อันโด่งดัง
 
แม่น้ำแยงซีได้รับปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นจากทะเลสาบพันๆพัน ๆ แห่งหลังจากไหลเข้าสู่มณฑลหูเป่ย์ ทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดที่มาบรรจบกับแม่น้ำแยงซีคือ ทะเลสาบต้งถิง (อักษรจีน: 洞庭湖; พินอิน: Dòngtíng Hú) ซึ่งเลาะเลียบตามเส้นแบ่งเขตของมณฑลหูหนานกับมณฑลหูเป่ย์ หลังจากเข้าสู่เมืองอู๋ฮั่น (อักษรจีนตัวเต็ม: 武漢; อักษรจีนตัวย่อ: 武汉; พินอิน: Wǔhàn;) แม่น้ำแยงซีได้บรรจบกับแม่น้ำสายย่อยที่ใหญ่ที่สุด นั่นคือแม่น้ำฮั่น โดยที่แม่น้ำฮั่นนำพาปริมาณน้ำมาจากเขตทางเหนือเริ่มจากมณฑล[[ฉ่านซี]] (อักษรจีนตัวเต็ม: 陝西; อักษรจีนตัวย่อ: 陕西; พินอิน: Shǎnxī)
 
ทะเลสาบโป๋หยาง (อักษรจีน: 鄱阳湖; พินอิน: Póyáng Hú) ที่ใหญ่ที่สุดของประเทศจีนเข้าบรรจบกับแม่น้ำแยงซีที่ปลายทางตอนเหนือของมณฑล[[เจียงซี]] (อักษรจีน: 江西; พินอิน: Jiāngxī) จากนั้นแม่น้ำแยงซีก็ได้รับปริมาณน้ำเพิ่มจากทะเลสาบและแม่น้ำใหญ่น้อยที่นับไม่ถ้วนจากเส้นทางที่ไหลผ่านเข้าสู่มณฑลอานฮุย (อักษรจีน: 安徽; พินอิน: Ānhuī) และมณฑล[[เจียงซู]] (อักษรจีนตัวเต็ม: 江蘇; อักษรจีนตัวย่อ: 江苏; พินอิน: Jiāngsū) แล้วสุดท้ายก็ไหลผ่านลงสู่[[ทะเลจีนตะวันออก]] (อักษรจีน: 中国东海) ที่เมือง[[ช่างไห่]] หรือ [[เซี่ยงไฮ้]] (อักษรจีน: 上海, พินอิน: Shànghǎi)
 
นอกจากนี้ ในประเทศ [[จีน]] แม่น้ำแยงซี เป็น 1 ในแม่น้ำ 3 สาย ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น "[[มรดกโลก]]" ร่วมกับ [[แม่น้ำโขง]] และ [[แม่น้ำสาละวิน]] ในเขตพื้นที่มณฑล[[ยูนนาน]] ภายใต้ชื่อ '''[[พื้นที่คุ้มครองแม่น้ำขนานสามสายแห่งยูนนาน]]''' โดยพื้นที่ดังกล่าว นับได้ว่าเป็นสถานที่แห่งหนึ่งบนโลกที่มีความอุดมสมบูรณ์และความหลายหลายทางชีวภาพสูง
 
== สภาพแวดล้อม ==
บรรทัด 26:
| เรือประมงเหนือแม่น้ำแยงซี ณ ใกล้รุ่ง (ใกล้[[หนานทง]])]]
 
ในปี2007 ความวิตกกังวลว่าปลาโลมาจีน ([[โลมาหัวบาตรหลังเรียบ|Finless Porpoise]]) หรือที่ชาวพื้นเมืองรู้จักในนาม เจียงจู (Jiangzhu) มีแนวโน้มว่าจะสูญพันธุ์ตามปลาโลมาในแม่น้ำแยงซีนามว่า [[โลมาแม่น้ำแยงซีเกียง|ป๋ายชื่อ]] ([[โลมาแม่น้ำแยงซีเกียง|baiji]]) (อักษรจีน: 白鱀豚; พินอิน: Báijìtún) ในขณะที่ปลาโลมาพันธุ์ป๋ายชื่อถูกเปิดเผยเมื่อปี 2006 ว่าได้สูญพันธุ์ไปแล้ว
 
มีการเรียกร้องให้อนุรักษ์ปลาโลมาจีน ซึ่งมีจำนวนประชากรประมาณ 14001,400 ตัว ปลาโลมาจีน 700-900 ตัวอาศัยอยู่ในแม่น้ำแยงซี และอีกประมาณ 500 ตัวอาศัยอยู่ในทะเลสาบต้งถิงและ ทะเลสาบโป๋หยาง (อักษรจีน: 鄱阳湖; พินอิน: Póyáng Hú)
 
จำนวนประชากรปลาโลมาจีนในปี 2007 ลดลงจากในปี 1997 มากกว่าครึ่ง และจำนวนประชากรปลาโลมาจีนลดลงที่ 7.3% ต่อปี
 
การจราจรที่คับแน่นบนผิวน้ำของแม่น้ำแยงซีได้ขับไล่ปลาโลมาจีนให้ไปอยู่ในทะเลสาบต่างๆต่าง ๆ แทน ณ ทะเลสาบโป๋หยาง ซึ่งเป็นทะเลสาบน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดในประเทศจีน มีการขุดลอกพื้นทรายใต้ทะเลสาบเพื่อนำไปใช้ในการพัฒนาเศรษฐกิจภูมิภาคในช่วงปีหลังๆหลัง ๆ ทั้งยังเป็นรายได้ที่สำคัญของภูมิภาคตามแนวทะเลสาบอีกด้วย ซึ่งโครงการขุดลอกพื้นทรายเหล่านี้เป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลกระทบต่อประชากรสัตว์ป่าที่อาศัยอยู่ในภูมิภาคนี้ให้ถึงแก่ความตาย
 
การขุดลอกทำให้น้ำในทะเลสาบขุ่นมัวขึ้นอย่างมาก ส่งผลให้ปลาโลมาจีนไม่สามารถมองเห็นทางได้ไกลเหมือนเช่นแต่ก่อน จึงทำให้ปลาโลมาจีนต้องพึ่งพา[[ระบบโซน่า]] ([[Sonar Systems]]) ของตนในการหลบหลีกอุปสรรคต่างๆต่าง ๆ และหาอาหาร การขนส่งทางน้ำในทะเลสาบยังส่งผลกระทบต่อการได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวของเหยื่อของปลาโลมาจีนอีกด้วย นอกจากนี้ปฏิกูลหนักจาก[[แอมโมเนีย]] ([[Ammonia]]) [[ไนโตรเจน]] ([[Nitrogen]]) [[ฟอสฟอรัส]] ([[Phosphorus]]) และอื่นๆยังสร้าง[[มลพิษ]]อย่างสาหัสแก่พื้นที่ประมาณหนึ่งในสามส่วนของแม่น้ำสายย่อยหลักๆหลัก ๆ อย่าง แม่น้ำมินเจียง (อักษรจีน: 岷江; พินอิน: Mín Jiāng) แม่น้ำถัวเจียง แม่น้ำเซียงเจียง (อักษรจีน: 湘江; พินอิน: Xiāng Jiāng) และหวงผู่ (อักษรจีน: 黃浦江; พินอิน: Huángpŭ Jiāng) ซึ่งส่งผลให้ปลาที่อาศัยอยู่ในแม่น้ำเหล่านั้นมีขนาดเล็กลง
 
ปลาในแม่น้ำแยงซี 3 [[species|ชนิด]] ที่ได้รับการขนามนามว่าเป็น ''ราชาปลาแห่งแยงซี'' ได้แก่ [[Coilia ectenes|ปลาเตาอี๋ว์]] ({{lang-zh|刀鱼}}, [[ชื่อวิทยาศาสตร์]]: ''Coilia ectenes'') ซึ่งเป็นปลาใน[[วงศ์ปลาแมว]] (Engraulidae) [[Tenualosa reevesii|ปลาตะลุมพุกจีน]] (จีน: 鲥鱼, {{ชื่อวิทยาศาสตร์|Tenualosa reevesii}}) ใน[[วงศ์ปลาหลังเขียว]] (Clupeidae) และ[[Takifugu rubripes|ปลาปักเป้าแม่น้ำ]] (จีน: 河豚, {{ชื่อวิทยาศาสตร์|Takifugu rubripes}}) ใน[[Tetraodontidae|วงศ์ปลาปักเป้า]] (Tetraodontidae) เป็นปลาที่มีรสชาติอร่อยขึ้นชื่อมานานคู่กับแม่น้ำแห่งนี้ แต่การถูกจับในปริมาณที่มาก ประกอบภับมลภาวะที่เพิ่มขึ้น ทำให้ปลามีปริมาณลดลงเรื่อย ๆ จากเดิม ใน[[คริสต์ทศวรรษ 1980|ทศวรรษที่ 1980]] และจากปี [[ค.ศ. 1996|1996]] ก็แทบจะไม่ได้เห็นอีกเลย หรือไม่ก็มีราคาแพงมาก<ref>[http://www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9550000043287 ปลาเตาอี๋ว์ 325 กรัม ร่วม 3 แสนบาท! จาก[[ผู้จัดการออนไลน์]]]</ref>
บรรทัด 42:
| [[เขื่อนสามผา]] ตั้งเป้าก่อสร้างเสร็จในปี 2009]]
 
แม่น้ำแยงซีที่ไหลเข้าสู่ทะเลจีนตะวันออกนั้นมีขนาดกว้างและลึกพอสำหรับการสัญจรของเรือเดินสมุทรขนาดใหญ่เป็นระยะทางหลายพันไมล์จากปากทางเข้า แม้ว่า[[เขื่อนสามผา]] (อักษรจีน: 三峽大壩; พินอิน: Sānxiá Dàbà) จะยังไม่ได้สร้างก็ตาม ต่อมาในปี 2003 เดือนมิถุนายน เขื่อนสามผา ถูกสร้างขึ้นเพื่อควบคุมปริมาณน้ำจากแม่น้ำแยงซีที่ไหลท่วมเขตการปกครอง[[เฟิ้งเจี๋ย]] (อักษรจีน: 奉节县; พินอิน: Fèngjié Xiàn) จึงทำให้เขตการปกครองเฟิ้งเจี๋ยเป็นเมืองแรกที่ได้รับการคุ้มครองจาก[[อุทกภัย]]และได้รับผลประโยชน์จากโครงการผลิตพลังงานไฟฟ้าจากเขื่อนสามผา
 
เขื่อนสามผา เป็นโครงการ[[ชลประทาน]]แบบครอบคลุมที่ใหญ่ที่สุดในโลก และมีผลกระทบต่อภาค[[เกษตรกรรม]]ของประเทศจีนเป็นอย่างมาก ฝ่ายผู้สนับสนุนโครงการชี้แจงว่า เขื่อนสามผา สามารถให้ผู้คนอาศัยตามริมฝั่งแม่น้ำแยงซีโดยไม่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยอย่างที่เกิดขึ้นบ่อยๆบ่อย ๆ ในอดีต พร้อมทั้งยังจำหน่ายไฟฟ้าและลำเลียงเส้นทางน้ำให้ แม้ว่า เขื่อนสามผา จะถูกสร้างขึ้นทับเมืองต่างๆต่าง ๆ (รวมถึงโบราณสถานหลายแห่ง) และส่งผลกระทบถึงการเปลี่ยนแปลง[[ระบบนิเวศ]]ในชุมชนขนาดใหญ่
 
ฝ่านผู้คัดค้านโครงการชี้แจงว่าอุทกภัยที่เกิดขึ้นบริเวณแม่น้ำแยงซีแบ่งได้เป็น 3 ชนิด กล่าวคือ อุทกภัยบนที่สูง อุทกภัยบนที่ต่ำ และอุทกภัยตามเส้นทางลำน้ำ ฝ่ายผู้คัดค้านกล่าวโต้แย้งว่าที่จริงแล้ว เขื่อนสามผา ทำให้อุทกภัยบนที่สูงร้ายแรงกว่าเดิม แต่บรรเทาอุทกภัยบนที่ต่ำจนแทบไม่ได้รับผลกระทบ เส้นขีดวัดแนวน้ำตื้นของแม่น้ำแยงซีที่บันทึกอยู่ในประวัติศาสตร์จีนตลอด 12001,200 ปีที่แล้ว ปัจจุบันน้ำได้ขึ้นท่วมทับเส้นวัดระดับนี้
 
สายการผลิตทาง[[อุตสาหกรรม]]อันทันสมัย เช่น การทำ[[เหมืองแร่]] โรงงานไฟฟ้า โรงงานก่อสร้าง ถูกสร้างระนาบตามลำน้ำแยงซีเกียง ซึ่งสายการผลิตทางอุตสาหกรรมเหล่านี้มีบทบาทสำคัญต่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจในพื้นที่ ทั้งยังเป็นจุดเชื่อมระหว่างการส่งสินค้าจากต่างประเทศเข้าสู่ภายในประเทศ แม่น้ำแยงซีเป็นเส้นทางหลักในการ[[คมนาคม]]ขนส่งทางน้ำ บัดนี้สามารถรองรับการท่องเที่ยวทางน้ำ
 
ตั้งแต่ปี 2004 บริษัทเรือสำราญจาก[[ยุโรป]]ได้นำมาตรฐานระดับสูงเข้ามา พร้อมทั้งความช่วยเหลือจากนักการโรงแรมชาว[[สวิตเซอร์แลนด์]] ชื่อ นิโคลัส ซี โซลารี่ (Nicolas C. Solari) ช่วยกันพัฒนาและเปิดบริการเรือเดินสมุทรขนาดใหญ่สามลำ ล่องเที่ยวบนแม่น้ำแยงซี แม่น้ำแยงซีเป็นหนึ่งในลำน้ำที่มีความวุ่นวายมากที่สุด
การคมนาคมของลำน้ำนี้ประกอบด้วยการขนส่งสินค้าจำพวก [[ถ่านหิน]] และ สินค้าอุตสาหกรรมต่างๆต่าง ๆ รวมถึงการขนส่งผู้คนและนักท่องเที่ยว
 
ในปี 2005 ยอดการขนส่งมีถึง 795 ล้านตัน การท่องเรือใหญ่แบบกินนอนหลายๆหลาย ๆ วันเพื่อไปชมทัศนียภาพของ หุบเขาซานเชี่ย กำลังเป็นที่นิยมเห็นได้จากการเจริญเติบโตทางภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศจีน
 
น้ำท่วมตามแนวแม่น้ำแยงซีเป็นปัญหาใหญ่มาแต่ช้านาน ฤดูฝนในประเทศจีนเริ่มเดือนพฤษภาคม ถึงเดือนมิถุนายนในทางตอนใต้ของแม่น้ำแยงซี และเดือนกรกฎาคม ถึงเดือนสิงหาคมในทางตอนเหนือ ระบบแม่น้ำได้รับน้ำจากทางใต้และทางเหนือ ก่อเกิดปัญหาน้ำท่วมตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ถึงเดือนสิงหาคม ซึ่งปัญหาได้ทวีความรุนแรงขึ้นและเสียหายมากขึ้น เนื่องด้วยประชากรที่อาศัยกันหนาแน่นและเมืองที่คับคั่งตามแนวเส้นทางลำน้ำแยงซีเกียง ปัญหาน้ำท่วมขนาดหนักได้พรากชีวิตผู้คนในปี 1954 ประมาณ 30,000 คน ในปี 1935 ประมาณ 142,000 คน ในปี 1931 ประมาณ 145,000 คน ในปี 1911 ประมาณ 100,001 คน
 
มีการสร้าง[[เขื่อนซานเสียต้าป้า]] เขื่อนที่ใหญ่ที่สุดในโลกตั้งเหนือแม่น้ำแยงซี