ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ประวัติศาสตร์ของสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด (ค.ศ. 1969–1986)"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ป้ายระบุ: แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่
ป้ายระบุ: แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่
บรรทัด 15:
 
==ทอมมี่ โดเชอร์ตี้==
3 วันหลังจากนั้น ยูไนเต็ดประกาศแต่งตั้ง[[Tommy Docherty|ทอมมี่ โดเชอร์ตี้]] ชาว [[Scotland national football team|สก็อตแลนด์]] เป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ และเค้าเขาได้เริ่มต้นเปลี่ยนแปลงทีมในทันที ด้วยการเซ็นสัญญาคว้านักเตะอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะการคว้าตัว[[Lou Macari|ลู มาคาริ]] พวกเค้าเขาจบที่อันดับ 18 ยูไนเต็ดรอดพ้นจากการตกชั้น แต่ถึงอย่างไรก็ดี มีหลายสิ่งที่ทำให้ต้องกังวลเกี่ยวกับทีม ทั้งเรื่องปัญหาการใช้งานนักเตะในระยะยาว เรื่องผู้เล่นอันน้อยนิดที่ได้รับมรดกมาจากยุคบัสบี้ หรือจะเรื่องนักเตะอายุมากภายในทีมที่ถูกดึงมาในช่วงของโอ แฟร์เรลล์ และการอยู่รอดอย่างสบายในระดับดิวิชั่น 1 แต่การแจ้งเกิดของมาคาริและกัปตันทีมคนใหม่ [[Martin Buchan|มาร์ติน บูชาน]] (ซึ่งถือว่าเป็นการเซ็นสัญญานักเตะที่ดีที่สุดในยุคของโอ แฟร์เรลล์) ยังพอทำให้แฟน ๆ คิดในแง่บวกว่าทีมจะดีขึ้นมา แต่ฤดูกาลถัดมามันก็เป็นสิ่งยืนยันได้อย่างดีสำหรับการต้องดิ้นรนอีกครั้ง
 
[[Denis Law|เดนิส ลอว์]] ได้ย้ายไปสู่ทีม[[Manchester City F.C.|แมนเชสเตอร์ ซิตี้]] ในช่วงปิดฤดูกาล ท่ามกลางกลุ่มแฟนบอลที่ประท้วงการย้ายทีมครั้งนี้อย่างรุนแรง จอร์จ เบสท์ แขวนสตั้ดในฤดูกาล[[1973–74 in English football|1973–74]] ยูไนเต็ดต้องพบกับสถานการณ์ดิ้นรนหนีตกชั้นอีกครั้ง ด้วยโดยต้องชนะใน 2 นัดสุดท้ายของฤดูกาล พร้อมทั้งต้องหวังให้ [[Birmingham City F.C.|เบอร์มิ้งแฮมมิงแฮม ซิตี้]] พ่ายแพ้เพื่อให้ตัวเองอยู่รอดในเวทีดิวิชั่น 1 ต่อไป เบอร์มิ้งมิงแฮมชนะในเกมที่ต้องการชัยชนะ แต่ยูไนเต็ดต้องพบกับความพ่ายแพ้ต่อแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ด้วยลูกยิงของอดีตนักเตะยูไนเต็ด เดนิส ลอว์ ส่งผลให้ยูไนเต็ดต้องตกชั้นลงไปเล่นในระดับดิวิชั่น 2 ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในรอบ 36 ปี
 
ช่วงเวลานี้เอง จอร์จ เบสท์ ได้จากกันด้วยดีกับยูไนเต็ด โดยเค้าเขาลงเล่นนัดสุดท้ายให้กับยูไนเต็ดในวันปีใหม่ ค.ศ.1974 แต่เค้าเขายังไม่ได้ออกจากทีมอย่างเป็นทางการ รอจนกระทั่งฤดูกาลถัดมา ที่ทำให้เค้าเขาสามารถย้ายทีมได้อย่างอิสระ และไม่มีค่าตัว เบสท์ได้เซ็นสัญญาเข้าร่วมกับทีม[[Stockport County F.C.สโมสรฟุตบอลสต็อคปอร์ทเคาท์ตี้|สต็อคปอร์ท คันทรี่เคาท์ตี้]]
 
หลังจากต้องตกชั้นไปเล่นในดิวิชั้น 2 โดเชอร์ตี้ ได้โละ นักเตะส่วนใหญ่ที่ยังหลงเหลือมาจากยุคบัสบี้ ยกเว้นแคผู้รักษาประตู [[Alex Stepney|อเล็กอเล็กซ์ สเต็ปนี่ย์นีย์]] ในชุดแชมป์ยุโรปที่ยังคงหลงเหลือเป็นตัวจริงในฤดูกาลแข่งขันที่จะมาถึง แมนเชสเตอร์ทีมปีศาจแดงสร้างทีมใหม่ด้วยนักเตะที่ดันขึ้นมาจากระดับเยาวชน ได้แก่ [[Sammy McIlroy|แซมมี่ แมคอิลล์รอยอิลรอย]] ซึ่งโชว์ฟอร์มได้น่าประทับใจในช่วงเดือนสุดท้ายของความเลวร้ายในปีฤดูกาล 1973–74 รวมทั้งนักเตะที่เซ็นสัญญาเข้ามาใหม่ ทั้งเซนเตอร์ ฮาร์ฟฮาล์ฟ [[Jim Holton|จิม โฮล์ตันโฮลตัน]] ปีก [[Gordon Hill (footballer)|กอร์ดอน ฮิลล์]] และผู้เล่นตำแหน่งศูนย์หน้า [[Stuart Pearson|สจ๊วต เพียร์ซันเพียร์สัน]]
 
การการที่ต้องตกชั้นไปเล่นดิวิชั่น 2 ส่งผลให้จำนวนแฟนบอลที่เข้ามาเชียร์ในสนามโอล์ด แทรฟฟอร์ดเพิ่มขึ้น ในช่วง[[1974–75 in English football|ฤดูกาลๅช่่วงฤดูกาล 1974–75]] และยูไนเต็ดก็ตอบสนองได้อย่างดี ด้วยการเป็นแชมป์ดิวิชั่น 2 และเลื่อนชั้นกลับมาสู่ลีกสูงสุดของประเทศอีกครั้ง ซึ่งพวกเค้าเขาทำได้ดีอย่างมากในการออกสตาร์ท[[1975–76 in English football|ฤดูกาล 1975–76 ]]และเป็นที่คาดหวังของแฟนบอลว่าทีมของพวกเค้าเขาจะก้าวเป็นแชมเปี้ยนอีกครั้งหลังจากเพิ่งเลื่อนชั้นกลับขึ้นมาสู่ดิวิชั่น 1 ซึ่งมีแค่ 3 ทีมเท่านั้นในประวัติศาสตร์ที่สามารถทำได้เช่นนี้ แต่ฟอร์มก็มาสะดุดในช่วงกลางฤดูกาล แต่ก็ยังทำอันดับได้ที่ 3 เป็นที่น่าพึงพอใจ รวมทั้งยังได้เข้าชิงรายการ[[FA Cup|เอฟเอ คัพ]] ที่[[Wembley Stadium (1923)|เวมบลีย์]] แต่ก็ต้องพ่ายแพ้ให้แก่ทีมนักบุญ [[Southampton F.C.สโมสรฟุตบอลเซาแธมป์ตัน|เซาแฮมตันแธมป์ตัน]] ซึ่งขณะนั้นยังอยู่ในระดับ ดิวิชัน 2 ด้วยสกอร์ 1-0 ในนัดชิงชนะเลิศ
 
ในฤดูกาล[[1976–77 in English football|1976–77]] ยูไนเต็ดโชว์ฟอร์มได้ไม่สม่ำเสมอ รวมทั้งยังประสบปัญหานักเตะตัวหลักได้รับบาดเจ็บ ทำให้จบฤดูกาลได้เพียงแค่อันดับที่ 6 เท่านั้น แต่ยังโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมในรายการเอฟเอ คพคัพ เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน โดยสามารถเข้าชิงได้อีกครั้ง และคว้าชัยชนะได้เป็นผลสำเร็จ จากการชนะ[[Liverpool F.C.|ลิเวอร์พูล]] ด้วยสกอร์ 2–1 คว้าแชมป์ไปครองได้สำเร็จ อีกทั้งยังจบโอกาสของลิเวอร์พูลที่จะครองทริปเปิ้ลแชมป์ในปีเดียวกันได้สำเร็จ หลังจากที่สามารถคว้าแชมป์[[Football League|ฟุตบอล ลีก ]] และแชมป์[[European Cup|ยูโรเปี้ยน คัพ]] ในไม่กี่วันหลังจากนั้น โดยในช่วงนั้น ลิเวอร์พูลเป็นมหาอำนาจของฟุตบอลอังกฤษ คว้าแชมป์ได้ถึง 4 รายการ จาก 3 ฤดูกาลล่าสุด นับตั้งแต่ที่[[Bob Paisley|บ๊อบ เพลสลี่ เพสลีย์]]เข้ามาสานต่อความสำเร็จต่อจาก[[Bill Shankly|บิลล์ แชงค์ลี่แชงค์ลี]] ในตำแหน่งผู้จัดการทีม
 
คลื่นยุคใหม่ของนักเตะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ประกอบด้วยนักเตะดาวรุ่งที่โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมทั้ง[[Steve Coppell|สตีป ค็อบเปลค็อปเปล]] [[Sammy McIlroy|แซมมี่ แมคอิลล์รอยอิลรอย]] [[Brian Greenhoff|ไบรอัน กรีนฮอฟ]] [[Arthur Albiston|อาร์เธอเธอร์ อัลบิสตัน]] และ[[Stuart Pearson|สจ็วต เพียร์สัน]] แม้ตำแหน่งผู้รักษาประตูจะยังคงเป็น [[Alexอเล็กซ์ Stepney|อเล็ก สเตปนี่ย์สเตปนีย์]] ส่วน[[Willie Morgan|วิลลี่วิลลี มอร์แกน]] นักเตะคนสุดท้ายที่บัสบี้เซ็นสัญญาคว้าตัวมาร่วมทีม รวมทั้งยังเป็นกัปตันทีม ได้ออกจากทีมไปในช่วงฤดูร้อนของฤดูกาล 1975 หลังจากที่มีปากเสียงกับผู้จัดการทีมทอมมี่ โดเชอร์ตี้ ซึ่งทำให้ตำแหน่งกัปตันทีมของยูไนเต็ดล่าสุดตกไปเป็นของมาร์ติน บูชาน แทน
 
หลังจากนั้น 1 เดือน ก็เกิดข่าวที่ทำให้โดเชอร์ตี้เป็นอันต้องหลุดจากตำแหน่ง จากข่าวฉาวในเชิงชู้สาวกับแมรี่ บราวน์ ภรรยาของนักกายภาพประจำทีม [[physiotherapist|เลารี่ บราวน์]] เมื่อเค้าเขาได้ประกาศเลิกกับภรรยาคนปัจจุบันและจะแต่งงานใหม่กับเธอ โดยโดเชอร์ตี้ปฏิเสธที่จะลาออก ดังนั้นบอร์ดบริหารของสโมสรจึงมีมติปลดเค้าเขาออกจากตำแหน่งแทน จากกรณีการปลดออกจากตำแหน่งของโดเชอร์ตี้ในครั้งนี้ ทำให้เป็นที่วิพากษ์วิจารย์วิจารณ์อย่างหนักถึงความไม่ถูกต้อง และไม่เป็นธรรมในการปลดผู้จัดการทีม และจากนั้นสโมสรก็แถลงปลดโดเชอร์ตี้ออกจากตำแหน่ง ด้วยข้อกล่าวหาที่ว่าเค้าเขาขายตั๋วนัดชิงชนะเลิศ 2 รายการ อย่างไม่ถูกต้อง และ[[ticket resale|ค้ากำไรเกินควร]] จากเหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้เป็นที่รับรู้กันว่าโดเชอร์ตี้ถูกไล่ออก และก็มีบางส่วนเสนอให้โดเชอร์ตี้ฟ้องร้องกลับสโมสรจากการปลดเค้าออกจากตำแหน่งอย่างไม่เป็นธรรม แต่โดเชอร์ตี้ก็ไม่ได้ฟ้องร้องแต่อย่างไร
 
==เดฟ เซ็กตัน==