ผลต่างระหว่างรุ่นของ "เหมียว เฉียวเหว่ย์"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Calearm77 (คุย | ส่วนร่วม)
ป้ายระบุ: แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่
Calearm77 (คุย | ส่วนร่วม)
ป้ายระบุ: แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่
บรรทัด 54:
และในช่วงปีพ.ศ. 2530 เหมียวเฉียวเหว่ย ได้เปิดธุรกิจแว่นตา ที่ทำร่วมกับครอบครัวของแฟนสาว "[[ชี เหม่ยเจิน]]" โดยมียี่ห้อแว่นตาเป็นของตัวเองภายใต้ชื่อว่า '''เอ็มสามบีกิน''' (M3Begin) จนกระทั่งกลางปีพ.ศ. 2531 หลังหมดสัญญากับสถานีโทรทัศน์ทีวีบี เขาตัดสินใจลาออกจากวงการละครเพื่อไปทุ่มเทให้กับธุรกิจอย่างเต็มที่ แต่ยังคงรับงานแสดงภาพยนตร์บ้างประปราย และในปลายปีพ.ศ. 2533 เขาตัดสินใจเข้าพิธีวิวาห์กับแฟนสาว ชีเหม่ยเจิน ที่ทั้งคู่คบหาดูใจกันมานานกว่า 8 ปี และในปีพ.ศ. 2539 เขาก็ประกาศหันหลังให้กับวงการภาพยนตร์ ซึ่งเขาเองก็ไม่ค่อยประสบความสำเร็จในวงการจอเงินเท่าใดนัก แต่อย่างไรก็ตามทางด้านธุรกิจแว่นตาของเขากลับประสบความสำเร็จรุ่งเรืองมากมายในเวลาต่อมาและมีการขยายสาขาน้อยใหญ่ทั้งในฮ่องกงและต่างประเทศ จนกระทั่งในปีพ.ศ. 2545 ครอบครัวของเขาได้ตัดสินใจขายธุรกิจแว่นตาให้ชาว[[ออสเตรเลีย]]และได้กำไรเป็นกอบเป็นกำจนทำให้ครอบครัวของเขาอยู่ในระดับเศรษฐีที่ร่ำรวยมาก แล้วตัวเขาก็กลับเข้าสู่วงการบันเทิงอีกครั้งในปีพ.ศ. 2547 มาจนถึงปัจจุบัน ถึงแม้ว่าจะหมดยุคทองของเขาไปนานแล้วก็ตาม
===ปัจจุบัน===
หลังจากที่เขากลับเข้าสู่วงการบันเทิงอีกครั้งโดยกลับไปเซ็นสัญญาเป็นนักแสดงให้กับทางสถานีโทรทัศน์ทีวีบีในราวกลางปีพ.ศ. 2547 และเริ่มมีผลงานละครในปีถัดมา ซึ่งช่วงที่เขากลับเข้ามารับงานแสดงนั้นเป็นช่วงที่ละครชุดฮ่องกงอยู่ในยุคตกต่ำในตลาดเอเชีย แต่อย่างไรก็ตาม...สำหรับในประเทศฮ่องกงเองแล้วความนิยมในละครของบ้านเกิดตัวเองก็ยังคงเหมือนเดิม และเขาก็ยังคงมีผลงานละครที่ได้รับความนิยมเฉพาะในประเทศฮ่องกง เช่น '''ผู้พิทักษ์หัวใจทรนง ภาค1-3''' (The Academy), '''เฉือนคมเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้''' (Au Revoir Shanghai), '''ยอดกระบี่เงาปีศาจ''' (Devil's Disciples), '''สงครามชีวิต ลิขิตชะตา''' (The Drive of Life), '''หน่วยล่าไอซีเอซี''' (ICAC Investigators, '''แม่ผัวจอม เฮี้ยบกับสะใภ้ซุ่มซ่าม ภาค 2''' (Wars of In-Laws II), '''ปมลวงเปลี่ยนรัก''' (Love Exchange), '''คู่เดือด ตำรวจเหล็ก''' (Gun Metal Grey) และ '''เฉือนทรชน คนอันตราย''' (Highs and Lows)
 
จนกระทั่งกลางปีพ.ศ. 2556 เขาก็ได้หมดสัญญากับทางช่องทีวีบี และผันตัวเองไปเป็นนักแสดงอิสระโดยรับงานทั้งที่ฮ่องกงและที่จีนแผ่นดินใหญ่ ผลงานละครกับทางจีนที่เด่น ๆ คือ [[มังกรหยก (ละครโทรทัศน์ พ.ศ. 2560)|มังกรหยก ฉบับปีพ.ศ. 2560]] ที่เขารับเล่นบท [[อึ้งเอี๊ยะซือ]] ซึ่งก็สร้างความเกรียวกราวพอสมควร และล่าสุดกับผลงานละครที่เล่นให้กับทางค่ายทีวีบีคือ '''ล่าจารชน''' (Line Walker) และ '''ล่าจารชน ภาค2''' (Line Walker: The Prelude)