ผลต่างระหว่างรุ่นของ "สมเด็จพระราชินีนาถแอนน์แห่งบริเตนใหญ่"
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
แก้ไขการสะกด ป้ายระบุ: แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ |
ล แก้ไขลิงก์โยงหน้า ป้ายระบุ: เครื่องมือแก้ไขต้นฉบับปี 2560 |
||
บรรทัด 4:
| image = Anne1705.jpg
| caption = พระบรมสาทิสลักษณ์โดย ไมเคิล ดาล์ ค.ศ. 1705
| succession = [[พระมหากษัตริย์อังกฤษ|
| moretext =
| reign = 8 มีนาคม 1702 – 1 พฤษภาคม 1707
บรรทัด 10:
| cor-type = ราชาภิเษก
| predecessor = [[วิลเลียมที่ 3 แห่งอังกฤษ|พระเจ้าวิลเลียมที่ 3]]
| succession1 = [[พระมหากษัตริย์สหราชอาณาจักร|
| moretext1 =
| reign1 = 1 พฤษภาคม 1707 – 1 สิงหาคม 1714
| successor1 = [[จอร์จที่ 1 แห่งบริเตนใหญ่|พระเจ้าจอร์จที่ 1 ]]
| spouse =
|spouse-type = พระราชสวามี
| issue = [[เจ้าชายวิลเลี่ยม ดยุกแห่งกลอสเตอร์]]
| house = [[ราชวงศ์สจวต]]
| father = [[พระเจ้าเจมส์ที่ 2 แห่งอังกฤษ|พระเจ้าเจมส์ที่ 2 และที่ 7 ]]
เส้น 24 ⟶ 23:
| birth_place = [[พระราชวังเซนต์เจมส์]], [[เวสต์มินสเตอร์]]
| death_date = {{Death date and age|1714|8|1|1665|2|6|df=yes}}
| death_place = [[พระราชวัง
| date of burial = 24 สิงหาคม 1714
| place of burial = [[เวสต์มินสเตอร์แอบบีย์]]
เส้น 32 ⟶ 31:
'''สมเด็จพระราชินีนาถแอนน์แห่งบริเตนใหญ่''' ({{lang-en|Anne of Great Britain}}; 6 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1665 – 1 สิงหาคม ค.ศ. 1714) ทรงขึ้นครองราชย์เป็นพระราชินีนาถ[[ราชวงศ์สจวต]]องค์สุดท้ายของ[[ราชอาณาจักรอังกฤษ]] [[ราชอาณาจักรสกอตแลนด์]] และ[[ราชอาณาจักรไอร์แลนด์]] เมื่อวันที่ 8 มีนาคม ค.ศ. 1702 สืบต่อจาก[[วิลเลียมที่ 3 แห่งอังกฤษ|พระเจ้าวิลเลียมที่ 3 แห่งอังกฤษ]]
สมเด็จพระราชินีนาถแอนน์ทรงพระราชสมภพเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1665 ที่[[พระราชวังเซนต์เจมส์]] ใน[[กรุงลอนดอน]] เป็นพระราชธิดาองค์ที่สองของ[[พระเจ้าเจมส์ที่ 2 แห่งอังกฤษ]] และ [[เลดี้แอนน์ ไฮด์]] พระชายาองค์แรก เมื่อพระราชบิดาของพระราชินีนาถแอนน์ถูกโค่นราชบัลลังก์ในปี ค.ศ. 1688 พระเชษภคินีก็ขึ้นครองราชย์เป็น[[แมรีที่ 2 แห่งอังกฤษ|สมเด็จพระราชินีนาถแมรีที่ 2 แห่งอังกฤษ]]ร่วมกับพระสวามี[[วิลเลียมที่ 3 แห่งอังกฤษ|พระเจ้าวิลเลียมที่ 3]] หลังจากพระราชินีนาถแมรีที่ 2 สวรรคตเมื่อปี ค.ศ. 1694 พระเจ้าวิลเลียมที่ 3 ก็ครองราชบัลลังก์ต่อจนสวรรคต
ในปี ค.ศ. 1702 [[ราชอาณาจักรสกอตแลนด์]]และ[[ราชอาณาจักรอังกฤษ]]รวมกันเป็นอาณาจักรเดียวกันตาม[[พระราชบัญญัติสหภาพ ค.ศ. 1707]] เป็น[[ราชอาณาจักรบริเตนใหญ่]] โดยมีพระราชินีนาถแอนน์เป็นกษัตรีย์องค์แรกของราชอาณาจักรใหม่และในขณะเดียวกันก็เป็นพระราชินีนาถของ[[ราชอาณาจักรไอร์แลนด์]] ทรงครองราชย์ได้ 12 ปีก่อนที่จะเสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม ค.ศ. 1714 ที่[[พระราชวัง
ชีวิตของพระราชินีนาถแอนน์เต็มไปด้วยเหตุการณ์วิกฤติหลายครั้งทั้งทางส่วนพระองค์ ทางปัญหาการสืบราชบัลลังก์ และทางการแบ่งแยกทางศาสนา เมื่อเสด็จสวรรคตโดยไม่มีรัชทายาท ผู้เป็นพระมหากษัตริย์องค์ต่อมาจึงเป็น[[จอร์จที่ 1 แห่งบริเตนใหญ่|พระเจ้าจอร์จที่ 1]]จาก[[ราชวงศ์ฮาโนเวอร์]]แห่ง[[ราชอาณาจักรฮาโนเวอร์]] ผู้เป็นพระญาติทาง[[ราชวงศ์สจวต]]จากพระอัยกี [[เอลิซาเบธ สจวต สมเด็จพระราชินีแห่งโบฮีเมีย|เจ้าหญิงอลิซาเบธ สจวต]]ผู้เป็นพระธิดาของ[[พระเจ้าเจมส์ที่ 1 แห่งอังกฤษ]]<ref name="Lodge78">Lodge (1832) , pp. 7–8</ref>
เส้น 41 ⟶ 40:
=== ทรงพระเยาว์ ===
[[ไฟล์:Sarah Churchill, Duchess of Marlborough.jpg|thumb|180px|ซาราห์ เชอร์ชิล ดัชเชสแห่งมาร์ลบะระ พระสหายสนิทของพระราชินีนาถแอนน์]]
[[ไฟล์:James II & VII.jpg|right|thumb|180px|
[[ไฟล์:John Churchill Marlborough porträtterad av Adriaen van der Werff (1659-1722).jpg|thumb|180px|[[จอห์น เชอร์ชิล ดยุกแห่งมาร์ลบะระ]] นายทัพและนักการเมืองคนสำคัญในรัชสมัยของพระราชินีนาถแอนน์]]
ราวปี ค.ศ. 1673 เจ้าหญิงแอนน์ทรงทำความรู้จักกับ[[ซาราห์ เชอร์ชิล ดัชเชสแห่งมาร์ลบะระ|ซาราห์ เจ็นนิงส]][http://en.wikipedia.org/wiki/Sarah_Churchill]ผู้กลายมาเป็นพระสหายคนสนิทและเป็นที่ปรึกษาผู้มีอิทธิพลมากที่สุดเกือบตลอดพระชนม์ชีพคนหนึ่งของพระองค์<ref name="SJ">{{cite encyclopedia | encyclopedia = Encyclopædia Britannica| title = Sarah Jennings, Duchess of Marlborough| accessdate = 2007-01-07| publisher = Britannica Concise Encyclopedia | url=http://concise.britannica.com/ebc/article-9051033/Sarah-Jennings-Churchill}}</ref> ต่อมาซาราห์ แต่งงานกับ[[จอห์น เชอร์ชิล ดยุกแห่งมาร์ลบะระ|จอห์น เชอร์ชิล]]ผู้ที่ต่อมาได้เป็นดยุกแห่งมาร์ลบะระผู้เป็นแม่ทัพผู้มีความสามารถคนสำคัญของอังกฤษ<ref>{{cite book | last = Field | first = Ophelia | title = Sarah Churchill Duchess of Marlborough, The Queen's Favourite | publisher = St. Martin's Press | date = 2003}}</ref>
ในปี ค.ศ. 1673 การเปลี่ยนไปนับถือ[[นิกายโรมันคาทอลิก]]ของพระราชบิดาของเจ้าหญิงแอนน์ได้เป็นที่ทราบกันโดยทั่วไป แต่ยังมีพระราชโองการให้พระธิดาทั้งสองให้คงถูกเลี้ยงอย่างเคร่งครัดใน[[นิกายโปรเตสแทนต์]]ดั้งเดิม<ref>Innes (1913) p. 440</ref> เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม ค.ศ. 1683 เจ้าหญิงแอนน์ได้เข้าอภิเษกสมรสกับ [[จอร์จแห่งเดนมาร์ก เจ้าชายพระราชสวามี|เจ้าชายจอร์จแห่งเดนมาร์ก]]ผู้เป็นโปรเตสแทนต์ และพระอนุชาของพระเจ้าแผ่นดินเดนมาร์ก ([[
=== การขึ้นครองราชย์ของพระเจ้าเจมส์ที่ 2 ===
เมื่อพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 2 สวรรคตเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1685 หลังจากที่เปลี่ยนไปนับถือ[[นิกายโรมันคาทอลิก]]ก่อนสวรรคต พระบิดาของแอนน์ขึ้นเสวยราชย์เป็นสมเด็จพระเจ้าเจมส์ที่ 2 แห่งอังกฤษ<ref>Ward, pp. 230–231</ref> แต่พระเจ้าเจมส์ไม่ทรงเป็นที่นิยมของประชาชนชาวอังกฤษเพราะความเป็นโรมันคาทอลิกของพระองค์<ref> Ward, pp. 236–240</ref> ประชาชนมีความหวาดระแวงเพิ่มขึ้นเมื่อพระชายาองค์ที่สอง[[แมรีแห่งโมดีนา]][http://en.wikipedia.org/wiki/Image:Mary_of_modena_lg.jpg] ผู้เป็นโรมันคาทอลิก<ref name="JH1">{{cite web|url=http://jacobite.ca/kings/james2.htm|title=James II and VII|publisher=The Jacobite Heritage|date=1997|accessmonthday=18 September |accessyear=2006}}</ref> มีพระราชโอรส[[เจมส์ ฟรานซิส เอ็ดเวิร์ด สจวต]] เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน ค.ศ. 1688 จึงทำให้ประชาชนมีความรู้สึกว่าการที่อังกฤษจะกลับไปเป็นราชอาณาจักรโรมันคาทอลิกก็ดูเหมือนจะมีทางที่จะเป็นไปได้มากขึ้น<ref>Ward, pp. 241–242</ref> ขณะนั้นแอนน์ไม่ได้ประทับอยู่ที่ลอนดอนแต่อยู่ที่เมืองบาธ และมีข่าวลือกันว่าพระโอรสมิใช่พระโอรสที่แท้จริงแต่เป็นเด็กที่ถูกลักลอบนำเข้ามาแทนที่พระโอรสที่สิ้นพระชนม์หลังคลอด แต่ก็ไม่มีหลักฐานอะไรที่สนับสนุนข่าวลือนี้ และสาเหตุที่แท้จริงที่แมรีไม่อยู่ในกรุงลอนดอนอาจจะเป็นได้ว่าพระเจ้าเจมส์ที่ 2 ไม่ทรงต้องการให้โปรเตสแทนต์เข้ามาเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ของรัฐ<ref name="right">{{cite book|title=The Right to be King: the Succession to the Crown of England, 1603–1714|first=Howard|last=Nenner|date=1998|publisher=Palgrave Macmillan|pages=243|id = ISBN 0-333-57724-8}}</ref> แมรีทรงประท้วงความมีสิทธิของพระอนุชาอย่างเป็นทางการ แอนน์เองก็ทรงเขียนถึงพระเชษภคินีแมรีว่า
: ''"หม่อมฉันจะไม่มีทางทราบอย่างแน่นอนว่าเด็กคนนี้จะเป็นพระราชโอรสจริงหรือไม่ เด็กคนนี้อาจจะเป็นพระอนุชาของเรา แต่พระเจ้าเท่านั้นที่จะทราบ .... ใครก็ช่วยไม่ได้ที่จะมีความรู้สึกกลัวกันไปร้อยแปดพันประการ แต่ไม่ว่าเหตุการณ์จะเป็นไปในทางใด ก็ขอให้เชื่อได้ว่าหม่อมฉันก็ยังคงเชื่อมั่นในความเชื่อทางศาสนาเช่นที่เป็นอยู่และจะมีความจงรักภักดีต่อไป"'' <ref>{{cite book | last = Dalrymple | first = John|title = Memoirs volume ii|date=1778|pages= 175}}</ref>
ในที่สุดเจ้าหญิงแมรีพระเชษภคินีและพระสวามีก็เสด็จกลับจากเนเธอร์แลนด์เพื่อมารุกรานอังกฤษและโค่นราชบัลลังก์ของพระราชบิดาระหว่าง[[การปฏิวัติอันรุ่งโรจน์]]ตามคำอัญเชิญลับๆ ของ “[[ผู้อัญเชิญทั้งเจ็ด]]” (Immortal Seven) ซึ่งมาจากกลุ่มขุนนางโปรเตสแทนต์
เส้น 64 ⟶ 63:
ไม่นานหลังจากที่ทรงขึ้นครองราชย์ พระเจ้าวิลเลียมและพระราชินีแมรีได้พระราชทานรางวัลให้แก่จอห์น เชอร์ชิลโดยการแต่งตั้งให้เป็น “เอิร์ลแห่งมาร์ลบะระ” แต่การปฏิบัติของวิลเลียมและแมรีต่อซาราห์และจอห์น เชอร์ชิลในภายหลังไม่ดีนัก ในปี ค.ศ. 1692 ทรงมีความสงสัยว่า[[จอห์น เชอร์ชิล ดยุกแห่งมาร์ลบะระ|ลอร์ดมาร์ลบะระ]]เป็นมีส่วนในการสนับสนุนการฟื้นฟูราชวงศ์สจวต (Jacobitism) พระราชินีนาถแมรีที่ 2 จึงโปรดเกล้าฯ ให้ปลดลอร์ดมาร์ลบะระออกจากทุกตำแหน่ง เลดีซาราห์ มาร์ลบะระก็ถูกถอดจากตำแหน่งในพระราชวังตามสามีซึ่งทำให้เจ้าหญิงแอนน์กริ้วและประท้วงโดยการย้ายออกจากพระราชฐานไปประทับอยู่ที่ “บ้านไซออน”[http://commons.wikimedia.org/wiki/Image:Painting_of_Syon_House.jpg] ซึ่งเป็นบ้านของดยุกแห่งนอร์ทธัมเบอร์แลนด์ ทหารรักษาพระองค์ของเจ้าหญิงแอนน์ซึ่งถูกปลดออกจากตำแหน่งเช่นกัน นอกจากนั้นทหารก็ยังถูกสั่งไม่ให้ถวายความเคารพต่อเจ้าชายจอร์จพระสวามีอีกด้วย<ref name="ne" />
เมื่อพระราชินีนาถแมรีที่ 2 สวรรคตด้วยโรค[[ฝีดาษ]]เมื่อปี ค.ศ. 1694 พระเจ้าวิลเลียมที่ 3 จึงทรงปกครองราชบัลลังก์ด้วยพระองค์เองต่อมา ส่วนเจ้าหญิงแอนน์นั้นได้ทรงกลายเป็นรัชทายาทอันดับหนึ่งไปโดยปริยายตาม[[พระราชบัญญัติสิทธิ ค.ศ. 1689]] เพราะผู้สืบเชื้อสายของพระเจ้าวิลเลียมและ
ในปี ค.ศ. 1695 ทรงเอาใจเจ้าหญิงแอนน์โดยพระราชทานตำแหน่งต่างๆ คืนให้กับลอร์ดมาร์ลบะระ เป็นการตอบแทนต่อการสนับสนุนของเจ้าหญิงแอนน์ต่อรัฐบาลของพระองค์ แต่ในระยะเดียวกันนี้ ในปี ค.ศ. 1696 ตามคำกล่าวอ้างของพระเจ้าเจมส์ที่ 2 เมื่อเจ้าหญิงแอนน์ทรงใกล้ที่จะได้รับราชบัลลังก์ เจ้าหญิงแอนน์ทรงเขียนจดหมายถึงพระบิดาให้ทรงมาสวมมงกุฏเมื่อพระเจ้าวิลเลียมที่ 3 สวรรคต และทรงสัญญาว่าจะทรงฟื้นฟูราชบัลลังก์เมื่อมีโอกาส<ref>Gregg (2001) , p. 108 </ref> อีกข่าวลือหนึ่งที่ไม่มีหลักฐานก็ว่าพระเจ้าวิลเลียมทรงตั้งพระทัยที่จะยกราชบัลลังก์หลังจากเสด็จสวรรคตให้แก่พระโอรสของพระเจ้าเจมส์โดยมีข้อแม้ว่าให้การศึกษาแบบ[[นิกายโปรเตสแตนต์|โปรเตสแตนต์]]ซึ่งเป็นข่าวลือที่อาจจะมีส่วนทำให้เจ้าหญิงแอนน์ทรงเป็นกังวลอยู่บ้าง<ref>{{cite book | last = Trevelyan | first = G.M.|title = England Under Queen Anne}}</ref>
=== พระราชบัญญัติการสืบสันตติวงศ์ ===
ในช่วงเวลานี้เจ้าชายจอร์จและเจ้าหญิงแอนน์ทรงประสบปัญหาส่วนพระองค์เรื่องการมีพระโอรสธิดา จนกระทั่งปี ค.ศ. 1700 เจ้าหญิงแอนน์ทรงพระครรภ์อย่างน้อย 18 ครั้งแต่ทรงตกถึง 13 ครั้ง และในบรรดาพระโอรสธิดา 5 พระองค์ที่รอดชีวิตมาได้ 4 พระองค์อยู่ได้เพียงไม่เกินสองปีก็สิ้นพระชนม์ พระโอรสองค์เดียวที่มีอายุยืนที่สุดก็คือ [[เจ้าชายวิลเลียม ดยุกแห่งกลอสเตอร์]]ที่สิ้นพระชนม์เมื่อพระชนมายุได้ 11 พรรษาเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม ค.ศ. 1700 สถานะการณ์นี้ทำให้เกิดวิกฤตการการสืบราชบัลลังก์ในอังกฤษ<ref name="Lodge78"/>
เพื่อเป็นการป้องกันมิให้ผู้นับถือโรมันคาทอลิกขึ้นครองราชบัลลังก์[[รัฐสภาอังกฤษ]]จึงออก [[พระราชบัญญัติการสืบสันตติวงศ์ ค.ศ. 1701]] (Act of Settlement 1701) ซึ่งระบุว่าเมื่อสิ้นสุดเจ้าหญิงแอนน์ และพระราชโอรสธิดาในอนาคตของพระเจ้าวิลเลียมที่ 3 แล้ว ราชบัลลังก์จะต้องตกไปเป็นของ[[เจ้าหญิงโซเฟียแห่งฮาโนเวอร์]]และผู้สืบเชื้อสายจากพระองค์ เจ้าหญิงโซเฟียเป็นผู้ที่สืบเชื้อสายมาจาก[[
พระเจ้าวิลเลียมที่ 3 สวรรคตเมื่อวันที่ 8 มีนาคม ค.ศ. 1702 และเจ้าหญิงแอนน์ทรงได้รับการสวมมงกุฏเมื่อวันที่ 23 เมษายน<ref>Gregg (2001) , p. 151</ref>
เส้น 78 ⟶ 77:
[[ไฟล์:Princess Anne c.1690.jpg|thumb|180px|พระราชินีนาถแอนน์ ราว ค.ศ. 1690]]
=== สงครามสืบราชบัลลังก์สเปน ===
ทันทีที่เจ้าหญิงแอนน์เสด็จขึ้นครองราชย์เป็นพระราชินีนาถแอนน์ พระองค์ก็ทรงต้องเข้ามาเกี่ยวข้องกับ[[สงครามสืบราชบัลลังก์สเปน]] ซึ่งเป็นสงครามที่อังกฤษสนับสนุนสิทธิในการครองราชบัลลังก์สเปนของ[[สมเด็จพระจักรพรรดิคาร์ลที่ 6 แห่งโรมันอันศักดิ์สิทธิ์|อาร์ชดยุกคาร์ล]]และเป็นสงครามที่ต่อเนื่องเรื่อยมาจนสิ้นสมัยของพระองค์และเป็นสงครามที่มีอิทธิพลต่อทั้งนโยบายการต่างประเทศและนโยบายภายในประเทศ
หลังจากนั้นก็ทรงแต่งตั้งพระสวามีขึ้นเป็น “ผู้บัญชาการทหาร
=== พระราชบัญญัติสหภาพ ===
เส้น 88 ⟶ 87:
=== การปกครองระบบสองพรรค ===
ในรัชกาลของพระราชินีนาถแอนน์การปกครองของรัฐสภาวิวัฒนาการแยกเป็นสองพรรค: [[พรรคทอรี]]และ[[พรรควิก (สหราชอาณาจักร)|พรรควิก]] พระองค์เองโปรดพรรคทอรีมากกว่าแต่ก็ทรง
องค์มนตรีชุดแรกของพระราชินีนาถแอนน์มาจากพรรคทอรีโดยมี[[ซิดนีย์ โกโดลฟิน เอิร์ลแห่งโกโดลฟินที่ 1]] (Sidney Godolphin, 1st Earl of Godolphin) เป็นหัวหน้าแต่พรรควิกซึ่งไม่เห็นด้วยกับพรรคทอรีในการสนับสนุน[[สงครามสืบราชบัลลังก์ออสเตรีย]] พรรควิกยิ่งมีอิทธิพลมากขึ้นเมื่อดยุกแห่งมาร์ลบะระได้รับชัยชนะใน[[ยุทธการเบล็นไฮม์]]ในปี ค.ศ. 1704 พรรควิกจึงเข้ามาเป็นองค์มนตรีแทนพรรคทอรีจนเกือบหมด ลอร์ดโกโดลฟินถึงแม้ว่าจะเป็นพรรคทอรีแต่ก็สนับสนุนดยุกแห่งมาร์ลบะระ ฉะนั้นถึงแม้ว่าลอร์ดโกโดลฟินจะเป็นหัวหน้าคณะมุขมนตรีแต่อำนาจที่แท้จริงมาจากดยุกแห่งมาร์ลบะระและเสนาบดีกระทรวงต่างประเทศ ชาร์ลส์ สเป็นเซอร์ เอิร์ลแห่งซันเดอร์แลนด์ที่ 3 และโรเบิร์ต ฮาร์ลีย์ เอิร์ลแห่งอ็อกฟอร์ดและมอร์ติเมอร์
|