ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ผู้เยาว์"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ป้ายระบุ: แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่
JBot (คุย | ส่วนร่วม)
ย้อนการแก้ไขที่อาจเป็นการทดลอง หรือก่อกวนด้วยบอต ไม่ควรย้อน? แจ้งที่นี่
บรรทัด 8:
ในญี่ปุ่น ไต้หวัน ไทย และเกาหลีใต้ ผู้เยาว์หมายถึงบุคคลผู้มีอายุต่ำกว่า 20 ปี กฎหมายนิวซีแลนด์ก็กำหนดอายุของผู้บรรลุนิติภาวะไว้ 20 ปีเช่นกันแต่ผู้เยาว์ในนิวซีแลนด์สามารถใช้สิทธิส่วนใหญ่ได้ก่อนหน้าที่จะบรรลุนิติภาวะ เช่นเข้าทำสัญญาและทำพินัยกรรมได้ตั้งแต่อายุ 15 ปี
 
== กฎหมายไทย ==
== ERROR 404 NOT FOUND ==
 
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ของไทย ไม่ได้นิยามคำว่าผู้เยาว์ไว้ อย่างไรก็ตาม มาตรา 19 และ 20 ได้กำหนดเหตุพ้นจากภาวะผู้เยาว์และบรรลุนิติภาวะไว้ดังนี้
 
"มาตรา ๑๙ บุคคลย่อมพ้นจากภาวะผู้เยาว์และบรรลุนิติภาวะเมื่อมีอายุยี่สิบปีบริบูรณ์"
"มาตรา ๒๐ ผู้เยาว์ย่อมบรรลุนิติภาวะเมื่อทำการสมรส หากการสมรสนั้นได้ทำตามบทบัญญัติมาตรา ๑๔๔๘"
 
ดังนั้น บุคคลจึงบรรลุนิติภาวะและไม่เป็นผู้เยาว์ได้เมื่ออายุครบยี่สิบปี หรือสมรสโดยถูกต้องตามกฎหมาย
 
ผู้เยาว์จะถูกจำกัดความสามารถในการทำนิติกรรมต่าง ๆ ไว้ โดยหากผู้เยาว์จะทำนิติกรรมใด ๆ จะต้องได้รับความยินยอมจากผู้แทนโดยชอบธรรมก่อน มิฉะนั้นจะตกเป็นโมฆียะ ซึ่งผู้แทนโดยชอบธรรมนั้นโดยปกติก็คือบิดามารดาของผู้เยาว์นั่นเอง ส่วนปู่ย่าตายาย ญาติ หรือผู้ปกครองตามความเป็นจริงนั้นไม่ใช่ผู้แทนโดยชอบธรรมและไม่มีอำนาจให้ความยินยอมผู้เยาว์ในการทำนิติกรรม เว้นแต่บิดามารดาถูกถอนอำนาจปกครองและศาลมีคำสั่งแต่งตั้งให้ปู่ย่าตายาย ญาติ หรือบุคคลอื่นเป็นผู้ปกครองตามกฎหมาย
 
นิติกรรมตกเป็นโมฆียะ หมายถึงนิติกรรมนั้นสมบูรณ์อยู่จนกว่าจะถูกบอกล้างโดยผู้แทนโดยชอบธรรมหรือโดยตัวผู้เยาว์เองเมื่อบรรลุนิติภาวะแล้ว และเมื่อถูกบอกล้างแล้วจะถือว่านิติกรรมนั้นตกเป็นโมฆะมาตั้งแต่เริ่มแรกโดยให้คู่กรณีกลับคืนสู่ฐานะเดิมเสมือนไม่มีการทำนิติกรรมดังกล่าวมาก่อนเลย
 
อย่างไรก็ตาม ผู้เยาว์สามารถทำนิติกรรมบางอย่างได้เองโดยไม่ต้องขอความยินยอม และไม่ตกเป็นโมฆียะ กล่าวคือ
* ก. ทำนิติกรรมเพียงเพื่อจะได้สิทธิ หรือหลุดพ้นจากหน้าที่ ซึ่งเป็นนิติกรรมที่เป็นคุณต่อผู้เยาว์ฝ่ายเดียว เช่น รับการให้โดยสเน่หา
* ข. ทำนิติกรรมซึ่งเป็นการต้องทำเองเฉพาะตัว เช่น สมรส
* ค. ทำนิติกรรมซึ่งเป็นการสมแก่ฐานานุรูปแห่งตนและเป็นการอันจำเป็นในการดำรงชีพตามสมควร เช่น ซื้อขายอาหารที่โรงอาหารในโรงเรียน
* ง. ทำพินัยกรรมได้เมื่ออายุสิบห้าปีบริบูรณ์
* จ. จำหน่ายทรัพย์สินตามที่ผู้แทนโดยชอบธรรมอนุญาต
* ฉ. กระทำการใด ๆ อันเกี่ยวพันกับประกอบธุรกิจทางการค้าหรือธุรกิจอื่น หรือเป็นลูกจ้างในสัญญาจ้างแรงงาน ตามที่ผู้แทนโดยชอบธรรมยินยอม
 
ข้อจำกัดข้างต้นเป็นข้อจำกัดเฉพาะกรณีการทำนิติกรรมเท่านั้น ส่วนนิติเหตุนั้นไม่มีข้อจำกัดแต่อย่างใด ดังนั้นผู้เยาว์จึงมีหนี้ที่เกิดโดยนิติเหตุ เช่น กระทำละเมิดได้ แต่กฎหมายก็กำหนดให้บิดามารดาของผู้เยาว์ต้องร่วมรับผิดด้วย
 
ในทางอาญา กฎหมายก็ได้จำกัดความสามารถในการดำเนินกระบวนพิจารณาคดีอาญาไว้ กล่าวคือผู้เยาว์จะไม่สามารถเป็นโจทก์ฟ้องคดีได้เองไม่ว่าจะได้รับความยินยอมหรือไม่ และจะขอเข้าร่วมเป็นโจทก์กับพนักงานอัยการก็ไม่ได้ โดยผู้แทนโดยชอบธรรมจะต้องเป็นผู้มีอำนาจจัดการแทนหรือดำเนินคดีแทนผู้เยาว์ทั้งหมด แต่ข้อจำกัดนี้ไม่รวมถึงการร้องทุกข์หรือการถอนคำร้องทุกข์ ที่ผู้เยาว์ในฐานะผู้เสียหายสามารถดำเนินการด้วยตนเองได้
 
ทั้งนี้ คำว่า "ผู้เยาว์" จะแตกต่างจากคำว่า "เด็ก" และ "เยาวชน" ซึ่งแต่ละกฎหมายก็กำหนดไว้แตกต่างกันไป เช่นตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก กำหนดนิยามคำว่าเด็กไว้ว่าบุคคลที่มีอายุต่ำกว่าสิบแปดปี ในขณะที่พระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว กลับนิยามคำว่าเด็กไว้ว่าบุคคลที่ยังอายุไม่เกินสิบห้าปี ส่วนเยาวชนคือบุคคลที่อายุเกินสิบห้าปีแล้วแต่ยังไม่ถึงสิบแปดปี
 
[[หมวดหมู่:วัยเด็ก]]
[[หมวดหมู่:กฎหมายบุคคล]]
[[หมวดหมู่:กฎหมายครอบครัว]]
{{โครงกฎหมาย}}