ผลต่างระหว่างรุ่นของ "พารามีเซียม"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Apatchanee (คุย | ส่วนร่วม)
การเคลื่อนที่และการลำรงชีวิตของพารามีเซียม
Apatchanee (คุย | ส่วนร่วม)
การเเพร่พันธ์ของพารามีเซียม
บรรทัด 25:
ลำตัวแบนรูปไข่ ด้านหน้า (anterior end) ค่อนข้างกลม ส่วนด้านท้าย (posterior end) จะเรียวแหลมกว่า รูปร่างของลำตัวจะคล้ายรองเท้าแตะ (slipper-shaped) หรือคล้ายเท้า (foot-shaped) ทำให้มีชื่อเรียกว่า Slipper Animalcule ผนังเซลล์เป็นแบบ pellicle มีร่องเป็นรูปหกเหลี่ยมเรียงไปทั่วตัว มีความยืดหยุ่นดี และทำให้มีรูปร่างคงที่ ผิวนอกลำตัวจะมีขน (cilia) ปกคลุมอยู่โดยรอบ ทำให้เคลื่อนที่หรือว่ายน้ำได้ดี ด้านข้างลำตัวมีร่องเว้าเป็นปากเด่นชัด เรียก peristome หรือ oral groove มี cilia เรียงอยู่ภายในขอบปากโดยรอบ และมีช่องเล็กๆทางด้านท้ายลำตัว (cytoproct หรือ anal pore) สำหรับขับถ่าย
 
'''ลักษณะภายใน'''<ref name=":1">http://home.kku.ac.th/pracha/Paramecium.htm</ref>
ภายในเซลล์ (endoplasm) ประกอบด้วยนิวเคลียสขนาดใหญ่ (macronucleus) รูปไข่อยู่เกือบกลางเซลล์ ทำหน้าที่ควบคุมการเจริญและการทำงานของเซลล์ มีนิวเคลียสเม็ดเล็ก (micronucleus) อยู่ใกล้ๆ ทำหน้าที่ควบคุมการสืบพันธุ์แบบใช้เพศ มี contractile vacuole ทั้งทางด้านหน้าและท้ายลำตัว ทำหน้าที่ในการขับถ่ายของเสียคล้ายไต และมี food vacuole ที่เกิดจากการกินอาหารอยู่จำนวนมาก
 
'''  การเคลื่อนที่'''<ref name=":0" />   พารามีเซียมจัดเป็นโปรโตซัวที่เคลื่อนที่ไปมาอย่างรวดเร็วและชอบเคลื่อนที่อยู่ตลอดเวลา โดยอาศัยการโบกพักของ cilia  
 
''' การดำรงชีวิต'''<ref name=":0" /> พารามีเซียมกินอาหารแบบกลืนกิน (holozoic) โดยการโบกพักของ cilia ทำให้เกิดการหมุนเวียนของน้ำนำเอาจุลินทรีย์หรือสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กต่างๆเข้าไปในปาก แล้วถูกล้อมรอบ กลายเป็น food vacuole เข้าไปในเซลล์ '''   '''
 
== '''การแพร่พันธุ์ของพารามีเซียม'''<ref name=":1" />'''   ''' ==
'''                 '''พารามีเซียมมีการแพร่พันธุ์ได้ 2 แบบ คือ  
 
'''                      1 การแพร่พันธุ์แบบไม่อาศัยเพศ  ''' โดยวิธีการแบ่งตัวตามขวาง (Transverse binary fission) ด้วยการแบ่งนิวเคลียสก่อน โดย macronucleus จะแบ่งแบบ Amitosis ส่วน micronucleus จะแบ่งแบบ Mitosis  จากนั้นจึงเกิดการแบ่ง cytoplasm การขยายพันธุ์วิธีนี้จะเกิดในภาวะปกติที่มีอาหารสมบูรณ์   หรือในสภาวะแวดล้อมที่เหมาะสม ซึ่งปกติพารามีเซียมแต่ละตัวจะมีการแบ่งตัวประมาณวันละ 4 ครั้ง โดยใช้เวลาครั้งละประมาณ 2 ชั่วโมง เป็นการแพร่พันธุ์ที่เพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็ว
 
'''                      2 การแพร่พันธุ์แบบอาศัยเพศ  ''' โดยวิธี Conjugation การสืบพันธุ์ด้วยวิธีนี้มักเกิดขึ้นภายหลังจากที่มีการแพร่พันธุ์โดยการแบ่งตัวมากๆเข้า จนทำให้ร่างกายเกิดอ่อนแอลง จึงต้องมีการสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศเพื่อเพิ่มความแข็งแรงให้กับเซล การ   Conjugation ของพารามีเซียมมีขั้นตอนดังนี้
 
1. ''Paramecium'' 2 ตัวมาจับคู่กัน แต่ละตัวจะเรียก '''conjugant''' โดยหัน oral groove เข้าหากันแล้ว pellicle บริเวณนั้นค่อยๆสลายไป ทำให้เนื้อของทั้ง 2 ตัวผสานเป็นเนื้อเดียวกัน ระหว่างนี้ทั้ง 2 ตัวจะมีการเคลื่อนที่คู่กันไปเรื่อยๆ
 
2. micronucleus '''(2n)''' ของแต่ละตัวจะเกิดการแบ่งตัวแบบ Meiosis  ได้ micronucleus '''(n)''' จำนวน 4 อัน แล้ว3 ใน 4 อันสลายไปเหลือเพียงอันเดียว
 
3. micronucleus ที่เหลือเพียงอันเดียวเกิดการแบ่งตัวแบบ Mitosis ได้ micronucleus '''(n)''' จำนวน 2 อัน
 
4. micronucleus '''(n)''' 1 อัน ของแต่ละตัวจะเคลื่อนที่สลับกันไป แล้วไปรวมกับ micronucleus '''(n)'''  ของอีกตัวหนึ่ง กลายเป็น '''Zygote  nucleus'''
 
5. จากนั้น pellicle จะเริ่มปรากฎแล้ว ''Paramecium'' ทั้ง 2 ตัวจะแยกออกจากกัน  เรียกแต่ละตัวว่า '''Exconjugant'''
 
6. exconjugant จะมีการเปลี่ยนแปลงภายในอีก คือ macronucleus ของแต่ละตัวจะเริ่มสลายไป แล้ว Zygote nucleus จะแบ่งตัวแบบ Mitosis 3 ครั้งได้ 8 อัน ต่อมา '''4 ใน 8''' อันจะกลายเป็น macronucleus ทำให้ exconjugant แต่ละตัวมี micronucleus 4 อัน และ macronucleus 4 อัน
 
7. จากนั้น exconjugant แต่ละตัวจะแบ่ง cytoplasm ออกไปอีก 2 ครั้ง แต่ละตัวได้เป็น 4 ตัวที่มี micronucleus 1 อัน  และ macronucleus 1 อัน
 
'''สรุป'''  จากการ conjugation แต่ละครั้ง ''Paramecium  '''''1''' ตัว จะให้ ''Paramecium  ''ใหม่ '''4'''  ตัว  หรือการconjugation แต่ละครั้งจะให้ ''Paramecium  ''ใหม่ 8 ตัว  ซึ่งมีความแข็งแรงกระปรี้กระเปร่าพร้อมที่จะแพร่พันธุ์แบบไม่อาศัยเพศต่อไป
 
''.''
 
==อ้างอิง==