ผลต่างระหว่างรุ่นของ "มารี กูว์รี"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ไม่มีความย่อการแก้ไข
JBot (คุย | ส่วนร่วม)
ย้อนการแก้ไขที่อาจเป็นการทดลอง หรือก่อกวนด้วยบอต ไม่ควรย้อน? แจ้งที่นี่
บรรทัด 22:
}}
 
'''มารี สกวอดอฟสกา-กูว์รี''' ({{lang-en|Marie Skłodowska-Curie}}) มีชื่อแต่แรกเกิดว่า '''มาเรีย ซาลอแมอา สกวอดอฟสกา''' ({{lang-pl|Marya Salomea Skłodowska}}; {{IPA-pl|ˈmarja salɔˈmɛa skwɔˈdɔfska|pron}}; [[7 พฤศจิกายน]] [[พ.ศ. 2410]] - [[4 กรกฎาคม]] [[พ.ศ. 2477]]) เป็นนักเคมีผู้ค้นพบรังสี[[เรเดียม]] ที่ใช้ยับยั้งการขยายตัวของ[[มะเร็ง]] ซึ่งเป็นโรคร้ายที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่มีอัตราการตายของคนไข้เป็นอันดับหนึ่งมาทุกยุคสมัย ด้วยผลงานที่มีความสำคัญต่อมนุษยชาติเหล่านี้ ทำให้มารี กูว์รีได้รับรางวัลโนเบลถึง 2 ครั้งด้วยกัน
'''มารี สกวอดอฟสกา-กูว์รี ตายตั้งแต่เกิด'''
 
== ประวัติ ==
มารี กูว์รี เป็น[[ชาวโปแลนด์]] เกิดเมื่อวันที่ [[7 พฤศจิกายน]] [[พ.ศ. 2410]] ที่[[วอร์ซอ|เมืองวอร์ซอ]] เขตวิสทูลา [[จักรวรรดิรัสเซีย]] ซึ่งปัจจุบันเป็น[[ประเทศโปแลนด์]]<ref>[http://guru.sanook.com/history/topic/1582/มารี_กูรี_นักเคมีชาวโปแลนด์เสียชีวิต/ มารี กูรี นักเคมีชาวโปแลนด์เสียชีวิต]</ref> เป็นบุตรของบรอนีสวาวา ({{lang|pl|Bronisława}}) กับววาดึสวอฟ ({{lang|pl|Władysław}}) ววาดึสวอฟ (บิดา) เป็น[[ครู]]สอน[[วิทยาศาสตร์]] และมักพาเธอมาที่[[ห้องปฏิบัติการ]]เสมอ จึงทำให้เธอสนใจวิชาด้านวิทยาศาสตร์ตั้งแต่เด็ก แม้จะมีเหตุการณ์ทางการเมืองเมื่อ[[ประเทศรัสเซีย|รัสเซีย]]มาปกครอง[[โปแลนด์]]และบังคับให้ใช้[[ภาษารัสเซีย]]เป็น[[ภาษาทางการ]]ก็ตาม
 
ในสมัยนั้นค่านิยมในสังคมของผู้หญิงส่วนใหญ่จะต้องเรียนการเป็นแม่บ้าน ซึ่งมารี กูว์รี แตกต่างโดยสิ้นเชิง ที่ใส่ใจค้นคว้าทางด้านวิทยาศาสตร์
 
หลังจบการศึกษาระดับต้นแล้ว เธอกับพี่สาวก็ทำงานด้วยการเป็นครู[[โรงเรียนอนุบาล|สอนอนุบาล]] สอนหนังสือให้กับเด็ก ๆ แถว ๆ นั้น โดยทั้งสองมุ่งหวังอยากไปเรียนต่อที่[[ประเทศฝรั่งเศส|ฝรั่งเศส]] แต่เงินไม่พอกับค่าใช้จ่าย เธอจึงให้พี่สาวคือ บรอเนีย ไปเรียนต่อด้าน[[แพทยศาสตร์]]ก่อน พอจบแล้วค่อยส่งเสียเธอเรียนต่อด้าน[[วิทยาศาสตร์]]ต่อไป จนพี่สาวจบมาเธอก็ได้ไปเรียนต่อที่[[มหาวิทยาลัยปารีส]] สมใจแต่ด้วยเงินอันน้อยนิดจากพี่สาวไม่พอต่อค่าใช้จ่าย เธอจึงดิ้นรนหางานทำจนได้เป็นผู้ช่วยในห้องปฏิบัติการทางเคมีของ[[ปีแยร์ กูว์รี]] จนทั้งสองแต่งงานมีลูกด้วยกัน แต่ปีแยร์เสียชีวิตก่อนเพราะอุบัติเหตุรถม้าชน ระหว่างที่เรียนไปทำงานไป เธอก็มุ่งมั่นศึกษาทดลองไปเรื่อย ๆ จนมาพบรังสีแร่[[เรเดียม|ธาตุเรเดียม]] โดยได้มาจากแร่[[พิตช์เบลนด์]]ที่เป็น[[ออกไซต์]]ชนิดหนึ่งสามารถ[[แผ่กระจายรังสี]]ได้ จากการเพียรพยายามทดลองมาหลายปีในการสกัดแร่ชนิดต่าง ๆ จนมาพบรังสีดังกล่าวทำให้เธอได้รับ[[ปริญญาเอก]]ในการค้นพบแร่ธาตุเรเดียม
 
จนในปี [[พ.ศ. 2445]] (ค.ศ. 1902) เธอก็สามารถสกัดแร่เรเดียมให้บริสุทธิ์ได้ เรียกว่า ''[[เรเดียมคลอไรด์]]'' ที่สามารถแผ่รังสีได้มากกว่า[[ยูเรเนียม]]ถึง 2,000,000 เท่า มีคุณสมบัติคือ ให้[[แสงสว่าง]]และ[[ความร้อน]]ได้ และเมื่อแร่นี้แผ่รังสีไปถูกวัตถุอื่น วัตถุนั้นจะเปลี่ยนสภาพเป็น[[ธาตุกัมมันตรังสี]] และสามารถแผ่รังสีได้เช่นเดียวกันกับแร่เรเดียม จนทำให้เธอได้รับ[[รางวัลโนเบล]]ต่อมา
 
[[ไฟล์:Marie_Curie_1903.jpg|thumb|มารี กูว์รีในปี 1903]]
การศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับแร่เรเดียมอย่างหนัก และต่อเนื่องกว่า 4 ปี ทำให้เธอได้รับรางวัลโนเบลอีกครั้ง แม้สามีจะเสียชีวิตก็ตาม ด้วยกำลังใจอันล้นเปี่ยม เมื่อเกิดภาวะ[[สงครามโลกครั้งที่ 1]] ซึ่งผู้คนส่วนมากล้มตายและถูกเกณฑ์ไปเป็นทหาร เธอจึง[[อาสาสมัคร]]เป็นอาสา[[กาชาด]]เพื่อช่วยทหารที่บาดเจ็บ ในการ[[เอกซเรย์]]เคลื่อนที่ตระเวนรักษาตามหน่วยต่าง ๆ จนสงครามสงบเธอก็กลับมาทำงาน แต่ก็ต้องล้มป่วยเพราะผลมาจากการทำงานหนัก และโดนรังสีเรเดียม ทำให้[[ไขกระดูก]]ถูกทำลายและเสียชีวิตในเวลาต่อมา<ref>[http://www.rmutphysics.com/charud/specialnews/3/marie/marie4.htm มารี กูว์รี นักวิทยาศาสตร์หญิงผู้มีจิตใจอันประเสริฐ]</ref>
 
อนึ่ง มารี กูว์รี สามารถจดสิทธิบัตรได้ และทำให้เธอเป็นเศรษฐีได้ในพริบตา แต่เธอกลับเลือกที่จะมอบสิ่งที่เธอค้นพบให้กับโลก ทำให้เธอและครอบครัวเป็นเพียงครอบครัวนักวิทยาศาสตร์จน ๆ ตลอดจนเสียชีวิต
 
หลังการเสียชีวิตของ มารี กูว์รี หนึ่งในลูกสาวของเธอ[[อีแรน ฌอลีโย-กูว์รี]] ก็ได้ค้นคว้างานวิจัยของเธอต่อไป จนประสบความสำเร็จได้รับรางวัลโนเบลในเวลาต่อมา
 
== รางวัลที่ได้รับ ==