ผลต่างระหว่างรุ่นของ "โยชิกิ ซาซาอิ"

'''นายแพทย์โยะชิกิ ซะไซ''' ({{lang-ja|笹井芳樹}}; {{lang-en|Dr.Yoshiki Sasai}}; [[ค.ศ. 1962]] —– [[5 สิงหาคม]] [[ค.ศ. 2014]] <ref>[http://www.asahi.com/articles/AJ201408050039.html '' Mentor of disgraced STAP cell scientist commits suicide'' (ภาษาอังกฤษ).] Asahi Shimbun Digital, 5 สิงหาคม พ.ศ. 2557</ref>) เป็น[[นายแพทย์]][[ชาวญี่ปุ่น]] เขาเป็นที่รู้จักในฐานะนักวิจัยทางพันธุกรรมในด้านเซลล์[[เส้นประสาท]] ประจำศูนย์ "[[ริเก็น]]"<ref>{{cite web|url=http://www.nature.com/milestones/development/advisors/index.html |title=Introduction for Dr. Sasai in '&#39;Nature'&#39; |publisher=Nature.com |date= |accessdate=2012-02-06}} {{en}}</ref> ในเครือศูนย์พัฒนาด้านชีววิทยา ([http://www.cdb.riken.jp/en/index.html CDB]) ใน[[ประเทศญี่ปุ่น]] ซึ่งประสบความสำเร็จในการทำเซลล์เรตินาแบบสามมิติจาก[[เซลล์ต้นกำเนิดตัวอ่อน]]<ref>[http://nihrecord.od.nih.gov/newsletters/2012/03_30_2012/story5.htm Stem Cell Investigator Sasai To Give Sayer Lecture, Apr. 16] {{en}}</ref> และได้รับการรายงานในวารสารวิชาการที่มีชื่อว่า ''[[เนเจอร์]]'' ณ วันที่ 7 เมษายน ค.ศ. 2011 <ref>{{PDFlink|[http://www.cdb.riken.jp/en/04_news/articles/pdf/11/110407_selfmadeeye.pdf The self-made eye: Formation of optic cup from ES cells]}} Center for Developmental Biology (CDB) {{en}}</ref> ซึ่งเป็นความสำเร็จครั้งแรกของโลก และนายแพทย์ซะไซได้กล่าวว่าจะนำมาใช้สำหรับเรตินาของมนุษย์ภายในระยะเวลา 2 ปี

วันที่ [[7 เมษายน]] [[ค.ศ. 2011]] ''[[เนเจอร์]]'' ได้รายงานสิ่งที่น่าสนใจต่อทั่วโลกถึงความสำเร็จในการทำให้จอตามองเห็นได้ด้วย[[เซลล์ต้นกำเนิดตัวอ่อน]]<ref>[http://www.cdb.riken.jp/en/04_news/articles/11/110407_selfmadeeye.html The self-made eye: Formation of optic cup from ES cells] ([[:en:RIKEN|RIKEN]] Center for Developmental Biology (CDB)) {{en}}</ref> รวมถึงในวันที่ [[14 มิถุนายน]] [[ค.ศ. 2012]] ได้มีการรายงานว่า เขาและทีมได้พัฒนาวิธีการฟื้นการมองเห็นของบุคคล[[ตาบอด]] ด้วยการใช้[[สเต็มเซลล์]]<ref>[http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1339659001&grpid=03&catid=&subcatid= ฮือฮา อนาคตสดใสไร้คนตาบอด นักวิทย์ญี่ปุ่นเจ๋งพัฒนาใช้สเต็ม เซลล์ ฟื้นการมองของ"คนโลกมืด"] {{th}}</ref>