ผลต่างระหว่างรุ่นของ "บันยิป"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ไม่มีความย่อการแก้ไข
Jojoatomico (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 1:
[[ไฟล์:Bunyip 1890.jpg|thumb|250px|บันยิป บนหนังสือพิมพ์ อิลลัสสเตรส ออสเตรเลียน นิวส์ ในปี [[ค.ศ. 1890]]]]
'''บันยิป''' หรือ '''เคียนปราตี''' ({{lang-en|Bunyip, Kianpraty}}) เป็นชื่อเรียก[[สัตว์ประหลาด]]ในตำนานพื้นบ้านของชาว[[อะบอริจินส์จินี]] ซึ่งเป็นชนพื้นเมืองของ[[ออสเตรเลีย]] บันยิปถูกอธิบายถึงรูปลักษณ์ที่แตกต่างกันมากมาย เช่น หน้าแบนเหมือน[[สุนัข]]พันธุ์[[บูลด็อก]]และหางเหมือน[[ปลา]] หรือคอยาวและมีจะงอยปากเหมือน[[อีมู|นกอีมู]]และมี[[ขนสัตว์|ขน]]แผงคอที่ห้อยย้อยลงมาเหมือน[[งูทะเล ]] หรือแม้แต่กระทั่งเหมือน[[มนุษย์]] โดยความเชื่อเรื่องบันยิปนี้มีกระจายไปทั่วออสเตรเลีย
 
==เรื่องเล่า==
 
โดยชาวอะบอริจินส์จินี[[ความเชื่อ|เชื่อ]]ว่า บันยิป เป็น[[วิญญาณ|จิตวิญญาณ]]ของ[[ปีศาจ]]ที่สิงสถิตย์อยู่ตาม[[แม่น้ำ]][[คลอง|ลำคลอง]], หนองบึง และ[[ทะเลสาบ]] เมื่อนานวันเข้าจึงหลอมรวมตัวเป็นสัตว์ประหลาดขึ้นมา มีนิสัยดุร้ายมาก ถ้าหากมีใครบุกรุกหรือล่วงล้ำถิ่นที่อยู่ของมัน จะถูกทำร้ายอาจถึง[[ตาย|แก่ชีวิต]] และเชื่อว่าบันยิปกินมนุษย์เป็นอาหารด้วย โดยเฉพาะ[[ผู้หญิง]]และ[[เด็ก]] มีการอธิบายถึงการหายตัวไปของผู้หญิงและเด็กว่า เป็นเพราะถูกบันยิปลากไปกินในน้ำ
 
บันยิปมีเสียงร้องที่กึกก้องมาก โดยจะได้ยินไปทั่วคุ้งน้ำ และได้ยินชัดเจนโดยเฉพาะหลัง[[ฝน]]ตกใหม่ ๆ และจะหายไปเมื่อถึง[[ฤดูร้อน]] เพราะแหล่งน้ำที่มันอาศัยอยู่แห้งผาก โดยบันยิปจะฝังตัวอยู่ใต้[[โคลน]] เพื่อรอจนถึง[[ฤดูฝน]]
 
==ถูกค้นพบ==
เรื่องของบันยิปไม่ได้เชื่อเฉพาะในหมู่ชาวอะบอริจินส์เท่านั้นจินีเท่านั้น หากแต่ยังเชื่อไปถึง[[ชาวตะวันตก]]ที่บุกเบิกประเทศออสเตรเลียด้วย โดยเรื่องราวของบันยิปมีมาก่อนปี [[ค.ศ. 1800]] เสียอีก ก่อนจะที่ถูกเล่าขานอย่างจริงจังมากขึ้นในช่วงปี [[ค.ศ. 1820]]-[[ค.ศ. 1845]] โดยกล่าวกันว่า มี 4 ขา และแต่ละขามี 3 เล็บ ขนาดลำตัวใหญ่ ที่ตัวด้านหน้ามีเกล็ดปกคลุมไปจนถึงครึ่งของหลังและแผ่นหลังปกคลุมด้วยขนไปตลอดจนถึงหาง หน้าคล้ายสุนัข บ้างก็ว่าเหมือน[[หมู]] มีหางคล้ายตัว[[บีเวอร์ ]]ขนาดความยาวตลอดตัวราว 10-12 [[ฟุต]] แต่ส่วนใหญ่มักบอกว่าคล้าย[[ไดโนเสาร์]]หรือ[[สัตว์เลื้อยคลาน]]
 
ในช่วงปี ค.ศ. 1800 นั้นมีรายงานการพบ[[โครงกระดูก|ซากกระดูก]]ของสัตว์ขนาดใหญ่ที่ไม่เคยเห็นมาก่อนที่เมือง[[จีลอง]] [[รัฐวิกตอเรีย ]] โดยรูปร่างกระดูกคล้ายกับ[[ฮิปโปโปเตมัส]] แต่เมื่อมีการพิสูจน์แล้วพบว่า
บรรทัด 18:
ในปี [[ค.ศ. 1872]] ที่[[รัฐนิวเซาท์เวลส์]] หนังสือพิมพ์วักก้า วักก้าแอ็ดเวอร์ไทเซอร์ ได้รายงานถึงข่าวนี้ว่า มีชายผู้หนึ่งได้เห็นสัตว์ประหลาดตัวหนึ่งดำผุดดำว่ายอยู่ในทะเลสาบในเวลาเช้าตรู่ โดยไม่กลัวคน เขาได้อธิบายว่า สัตว์ตัวนี้มีขนาดความยาวเป็นสองเท่าของสุนัขพันธุ์[[รีทรีฟเวอร์]] ขนตามลำตัว[[สีดำ]]สนิท และยาวมากลอยแผ่ไปตามผิวน้ำราว 5 [[นิ้ว (หน่วยความยาวระบบอังกฤษ)|นิ้ว]] กระเพื่อมขึ้นลงตามจังหวะการเคลื่อนไหวของมัน ไม่สังเกตเห็นตา แต่[[หู]]สังเกตเห็นได้ชัด
 
ต่อมาในปี [[ค.ศ. 1876]] หนังสือดิอะบอริจินส์จินีส์ ออฟ วิคตอเรีย ตีพิมพ์ว่ามีคนเห็นบันยิปที่อ่างเก็บน้ำโคลิบันว่า มีพันตรีผู้หนึ่งและพรรคพวกเห็นสัตว์ตัวหนึ่ง ที่ตอนแรกคิดว่าเป็น[[แมวน้ำ]]แต่ไม่ใช่ สัตว์ชนิดนี้ตัวใหญ่และมีสีเข้ม พวกเขาเฝ้าดูสักพักและมันก็ดำน้ำหายไป ต่อมาก็มี[[ครู]]ผู้หนึ่ง ที่ชื่นชอบในการล่า[[นกเป็ดน้ำ]] ในขณะที่ออกล่านกเป็ดน้ำในวันหนึ่ง ได้พบกับสัตว์ที่มีลักษณะคล้ายกันนี้ โดยบอกว่าเป็นสัตว์ขนาดใหญ่มาก มีรูปร่างเหมือนสุนัขพันธุ์รีทรีฟเวอร์ หู[[ทรงกลม|กลม]] และมันเกือบจะจม[[เรือ]]ของคนที่ช่วยเขาเก็บนกเป็ดน้ำ
 
ที่รัฐวิกตอเรีย ในกลางเดือน[[กุมภาพันธ์]] [[ค.ศ. 1890]] ได้มีข่าวลือถึงสัตว์รูปร่างแปลกประหลาด ซึ่งอาจเป็นสัตว์เลื้อยคลานก็ได้อาศัยอยู่บึงใกล้ ๆ ตำบลยูโรอา ดังนั้น ใน[[วันศุกร์]]ที่ 21 เดือนเดียวกัน เจ้าหน้าที่[[สวนสัตว์เมลเบิร์น]]และช่างภาพสมัครเล่นก็ไปช่วยกันลงอวนในบึงแห่งนั้น พวกเขาขึงตาข่ายขวางบึงแล้วช่วยกันใช้ไม้ตีตะล่อมไประยะ แต่ไม่ปรากฏวี่แววของสัตว์ชนิดนั้น เชื่อว่ามันหนีไปได้ ทิ้งแต่[[รอยเท้า]]ไว้ที่ในพง[[อ้อ]]ริมบึง
บรรทัด 24:
เรื่องราวของบันยิปที่ถูกพบเห็นโดยชาวตะวันตก มีมากมาย ซึ่งทั้งหมดให้ข้อมูลที่ตรงกันว่า มีหัวกลมคล้ายสุนัข มองเผิน ๆ เหมือนแมวน้ำ แต่ไม่ใช่ [[ว่ายน้ำ]]เก่งและ[[ดำน้ำ]]หายไปได้อย่างรวดเร็ว
 
ที่น่าสังเกตคือ ไม่เคยมีการปรากฏ[[จิตรกรรม|ภาพเขียน]]ของบันยิปใน[[ศิลปะ]]ของชาวอะบอริจินส์จินี ซึ่งหมายความว่าบันยิปไม่ใช่สัตว์ที่พวกเขาสมมุติขึ้นตามคติความเชื่อ หากแต่เป็นสัตว์ที่มีตัวตนอยู่จริง ๆ เพียงแต่มันอาจดุร้ายน่ากลัวจนพวกเขาไม่อยากเข้าไปใกล้เลยไม่รู้แน่ชัดว่า มันมีรูปร่างอย่างไร แต่ในต้น[[คริสต์ศตวรรษที่ 19 |ศตวรรษที่ 19]] มีสัตว์ขนาดใหญ่ตัวหนึ่งถูกฆ่าตายที่ริมฝั่งแม่น้ำแฟรี่แคร็ก ใกล้ ๆ เมืองอรารัตในรัฐวิกตอเรีย และเพื่อไว้แสดงให้ลูกหลานรู้สึกความกล้าหาญของพวกตน ชาวอะบอริจินส์เผ่าจับวูจินีเผ่าจับวูรองที่ฆ่าสัตว์ตัวนั้น ก็ขุดร่องตื้น ๆ ไปรอบร่างสัตว์ที่ตายนอนอยู่บนพื้น แล้วก็คอยหมั่นถอน[[หญ้า]]มิให้ขึ้นมาคลุมหลุมที่เป็นรอยลึกอยู่บนพื้นดิน นั้น จนกระทั่งปี [[ค.ศ. 1840]] หลังการเปิดสถานีรถไฟชาลลิคัมซึ่งอยู่ห่างจุดที่ฝังซากสัตว์ตัวนั้นไปราว 1 [[กิโลเมตร]] ร่องรอยของหลุมยังคงอยู่ที่นั้น และคงอยู่อีกราวปี [[ค.ศ. 1870]] แต่หลังจากนั้นชาวอะบอริจินส์จินีก็มิได้ดูแลหลุมฝังเหมือนเช่นเคย คงปล่อยให้หญ้าขึ้นปกคลุม แต่ทว่าผู้ดูแลสถานีรถไฟชาลลิคัมได้สเก็ตภาพนี้ไว้
 
และเรื่องราวของบันยิปก็ยังคงเล่าขานมาถึงถึงปัจจุบัน โดยในปี [[ค.ศ. 1971]] มีผู้กล่าวว่า พบบันยิปที่บึงแห่งหนึ่งห่างจากเมืองลิสมอร์ของ รัฐนิวเซาท์เวลส์ไปทางเหนือราว 32 กิโลเมตร โดยกล่าวว่า สัตว์ตัวนั้นยาวหลายฟุต มีหัวคล้ายสุนัข หูเล็กและแนบกับหัว และเขาเห็นมันจับ[[หงส์]]ไปกิน
เข้าถึงจาก "https://th.wikipedia.org/wiki/บันยิป"