ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ราชวงศ์เมรอแว็งเฌียง"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ไม่มีความย่อการแก้ไข
Darkydury (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 6:
 
กษัตริย์ในยุคหลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือพระเจ้าดาโกแบร์ที่ 1 (Dagobert I) (ครองราชย์ พ.ศ. 1172-1182) หลังจากรัชสมัยของพระองค์ อาณาจักรฝรั่งเศสถูกแบ่งแยกเป็นเขตต่าง ๆ อยู่ในอำนาจของขุนนางนักรบหลายตระกูล ตระกูลที่มีอำนาจมากที่สุดคือตระกูลคาโรลินเจียน (Carolingian) ขุนนางในตระกูลนี้เริ่มดำรงตำแหน่งสำคัญในราชสำนักและควบคุมกษัตริย์เมโรวินเจียนจนไร้พระราชอำนาจ ในที่สุด เปแปง หัวหน้าตระกูลจึงถอดถอนพระเจ้าชิลเดริกที่ 3 (Childeric III) ออกจากราชบัลลังก์และตั้งตนเป็นกษัตริย์องค์ใหม่แห่งราชวงศ์คาโรลินเจียน
 
== ประวัติศาสตร์ ==
 
ชื่อเมโรวินเจียนได้มาจากชื่อของเมโรเวชที่มีไม่ข้อมูลอย่างอื่นนอกเหนือจากเรื่องที่เป็นบิดาของ[[ชิลเดอริคที่ 1]] ผู้ปกครองของชนเผ่า[[ชาวซาเลียนแฟรงก์|ซาเลียนแฟรงก์]]จากเมืองหลวงที่ทัวร์เน
 
ชิลเดอริคถูกสืบทอดต่อโดยพระโอรส [[โคลวิสที่ 1]] ในปี ค.ศ. 481/482 โคลวิสที่ 1 ขยายการปกครองของตนให้ครอบคลุมชาวซาเลียนแฟรงก์ทั้งหมด, พิชิตหรือไม่ก็ผนวกอาณาเขตของ[[ชาวริปัวเรียนแฟรงก์]]กับ[[ชาวอาเลมันนิ]] และรวม[[กอล]]เป็นหนึ่งเดียวกันได้เกือบทั้งหมด ยกเว้นเบอร์กันดีกับที่ๆ ปัจจุบันนี้คือโพรว็องซ์ พระองค์เปลี่ยนมานับถือศาสนาคริสต์ไม่ในปี ค.ศ. 496 ก็ปี ค.ศ. 506
 
เมื่อโคลวิสที่ 1 สิ้นพระชนม์ในปี ค.ศ. 511 ราชอาณาจักรของพระองค์ถูกแบ่งให้กับพระโอรสสี่คน คือ [[ธูเดอริคที่ 1]], [[โคลโดเมอร์]], [[ชิลเดอแบร์ที่ 1|ชิลเดอแบต์ที่ 1]] และ[[พระเจ้าโคลทาร์ที่ 1|โคลธาร์ที่ 1]] ทั้งที่มีการแก่งแย่งชิงดีนองเลือดระหว่างพี่น้องอยู่เป็นประจำ แต่พวกเขาก็สามารถขยายการปกครองของชาวแฟรงก์ให้ครอบคลุมถึงธูรินเจียได้ในราวปี ค.ศ. 531 และเบอร์กันดีในปี ค.ศ. 534 และครอบงำ แต่ไม่ได้ครอบครอง เซปติมาเนียบนฝั่งเมดิเตอร์เรเนียน, บาวาเรีย และดินแดนของชาวแซ็กซันที่อยู่ทางเหนือ
 
ในปี ค.ศ. 558 โคลแธร์ที่ 1 เป็นพระโอรสคนสุดท้ายที่ยังมีชีวิตอยู่ของโคลวิสที่ 1 และราชอาณาจักรแฟรงก์กลับมาเป็นหนึ่งเดียวกันอีกครั้งจนพระองค์สิ้นพระชนม์ในปี ค.ศ. 561
 
ในปี ค.ศ. 561 อาณาจักรถูกแบ่งอีกครั้งให้กับสี่พี่น้อง [[แชริแบต์ที่ 1]], [[กุนแทรม]], [[ซิเกอแบต์]] และ[[ชิลเพริคที่ 1|ชิลเปริคที่ 1]] ตระกูลแก่งแย่งชิงดีกันอีกครั้ง โดยเฉพาะระหว่างชิลเปริคและพระมเหสี [[เฟรเดกุนด์]] ในฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของกอล กับซิเกอแบต์และพระมเหสี [[บรุนฮิลดา]] ในฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือ
 
การต่อสู้กันเองในราชวงศ์และแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นจากกลุ่มชนรอบข้าง คือ ชาวเบรอตงกับชาวแกสคงทางตะวันตก, ชาวลอมบาร์ดทางตะวันออกเฉียงใต้ และชาวอาวาร์ทางตะวันออก ทำให้เกิดการปรับโครงสร้างของราชอาณาจักรแฟรงก์ แคว้นทางตะวันออกหลายแคว้นถูกรวมเข้ากับราชอาณาจักรออสเตรเชียที่มีเมืองหลวงอยู่ที่เม็ตซ์ ในทางตะวันตกเกิดนูสเตรียที่มีเมืองหลวงที่แรกอยู่ที่ซวยส์ซงส์และต่อมาย้ายมาเป็นปารีส ในทางใต้ราชอาณาจักรเบอร์กันดีที่มีเมืองหลวงอยู่ที่ชาลง-ซูร์-ซวนขยายขนาดใหญ่ขึ้น
 
การรวมอาณาจักรแฟรงก์ทั้งหมดเป็นหนึ่งเดียวกันประสบความสำเร็จอีกครั้งในปี ค.ศ. 613 เมื่อ[[โคลแธร์ที่ 2]] พระโอรสของ[[ชิลเพริคที่ 1|ชิลเปริคที่ 1]] และกษัตริย์แห่งนูสเตรีย สืบทอดต่ออีกสองราชอาณาจักรด้วย
 
เมื่อพระโอรสของโคลแธร์ [[ดาโกแบต์ที่ 1]] สิ้นพระชนม์ในปี ค.ศ. 639 อาณาจักรถูกแบ่งอีกครั้ง แต่ครั้งนี้กษัตริย์ของสองแคว้น คือ นูสเตรียกับเบอร์กันดีที่อยู่ในมือของหนึ่งคน ส่วนออสเตรเชียที่อยู่ในมือของอีกหนึ่งคน ถูกบังคับให้ยกอำนาจมากมายให้กับผู้ที่ดำรงตำแหน่งเป็นสมุหราชมณเฑียร
 
กษัตริย์เมโรวินเจียนคนต่อๆ มามีสถานะดีกว่าหุ่นเชิดเพียงเล็กน้อยและถูกยกให้ขึ้นครองบัลลังก์และถูกปลดออกจากบัลลังก์ตามความประสงค์ของสมุหราชมณเฑียรผู้ทรงอำนาจ กษัตริย์เมโรวินเจียนคนสุดท้าย [[ชิลเดอริคที่ 3]] ถูกปลดออกจากตำแหน่งในปี ค.ศ. 750 โดย[[พระเจ้าเปแป็งพระวรกายเตี้ย|เปแป็งที่ 3 ผู้ตัวเตี้ย]] หนึ่งในเชื้อสายของสมุหราชมณเฑียณของออสเตรเชียที่สุดท้ายก็ช่วงชิงบัลลังก์มาเป็นของตนเองและสถาปนา[[ราชวงศ์การอแล็งเฌียง]]ขึ้นมา
 
== อ้างอิง ==
* Microsoft Encarta Encyclopedia Standard 2003.
 
== แหล่งข้อมูล ==
https://www.britannica.com/topic/Merovingian-dynasty<nowiki/>{{กษัตริย์ฝรั่งเศส}}
{{ราชวงศ์ยุโรป}}