ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ราชวงศ์การอแล็งเฌียง"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Darkydury (คุย | ส่วนร่วม)
ประวัติศาสตร์
Darkydury (คุย | ส่วนร่วม)
บรรทัด 10:
== ประวัติศาสตร์ ==
 
ตระกูลขึ้นมามีอำนาจในฐานะสมุหราชมณเฑียรที่สืบทอดทางสายเลือดของราชอาณาจักรออสเตรเชียของชาวแฟรงก์ และเมื่อ[[เปแป็งแห่งเฮริสตัล|เปแป็งที่ 2 แห่งเฮริสตัล]]ขึ้นเป็นสมุหราชมณเฑียรในปี ค.ศ. 679 ตระกูลก็ลดอำนาจของกษัตริย์เมโรวินเจียนที่ไม่มีความสำคัญให้เป็นแค่ผู้นำกษัตริย์แต่ในนาม ในปี ค.ศ. 687 เปแป็งที่ 2 ได้อำนาจในการปกครองอาณาจักรแฟรงก์ทั้งหมดมาเมื่อสามารถปราบคู่แข่งชาวนูสเตรียน เอโบอิน ได้ เมื่อเสียชีวิตในปี ค.ศ. 714 เปแป็งทิ้งทายาทตามกฎหมายไว้หนึ่งคน เป็นเด็กน้อยวัย 6 ปี กับบุตรชายนอกสมรสหนึ่งคน ชาร์ลส์ มาร์เตล
 
ในปี ค.ศ. 687 เปแป็งที่ 2 ได้อำนาจในการปกครองอาณาจักรแฟรงก์ทั้งหมดมาเมื่อสามารถปราบคู่แข่งชาวนูสเตรียน เอโบอิน ได้ และเมื่อเสียชีวิตในปี ค.ศ. 714 เปแป็งก็ทิ้งทายาทตามกฎหมายเอาไว้หนึ่งคน เป็นเด็กน้อยวัย 6 ปี กับบุตรชายนอกสมรสอีกหนึ่งคน คือ [[ชาร์ล มาร์แตล|ชาร์ลส์ มาร์เตล]]
ในปี ค.ศ. 725 ชาร์ลส์ มาร์เตลตั้งตนเป็นผู้ปกครองของชาวแฟรงก์ แม้จะยังเก็บระบอบกษัตริย์ของชาวเมโรวินเจียนไว้จนถึงปี ค.ศ. 737 เมื่อธูเดอริคที่ 4 สิ้นพระชนม์ ชาร์ลส์ทิ้งบัลลังก์ไว้ให้ว่างอยู่อย่างนั้น
 
ในปี ค.ศ. 725 ชาร์ลส์ มาร์เตลตั้งตนเป็นผู้ปกครองของชาวแฟรงก์ แม้จะยังเก็บระบอบกษัตริย์ของชาวเมโรวินเจียนไว้จนถึงปี ค.ศ. 737 เมื่อที่ธูเดอริคที่ 4 สิ้นพระชนม์ ชาร์ลส์ตัดสินใจทิ้งบัลลังก์ไว้ให้ว่างอยู่อย่างนั้น
ชาร์ลส์ มาร์เตลเสียชีวิตในปี ค.ศ. 741 และบุตรชายของเขา เปแป็งที่ 3 ผู้ตัวเตี้ยกับแกร์โลมงแบ่งอาณาจักรกัน หลังแกร์โลมงสละตำแหน่งในปี ค.ศ. 747 เปแป็งที่ 3 กลายเป็นผู้ปกครองเพียงคนเดียว ตำแหน่งของเขามั่นคงพอจนทำให้ในปี ค.ศ. 750 เขาปลดกษัตริย์เมโรวินเจียนคนสุดท้าย ชิลเดอริคที่ 3 ออกจากตำแหน่ง และด้วยการสนับสนุนของพระสันตะปาปาซาคาเรียส เปแป็งได้ทำให้ตนเองได้นับเลือกเป็นกษัตริย์โดยกลุ่มขุนนางชาวแฟรงก์และได้รับการเจิมจากบิชอปของศาสนจักรโรมัน
 
ชาร์ลส์ มาร์เตลเสียชีวิตในปี ค.ศ. 741 และบุตรชายของเขา [[พระเจ้าเปแป็งพระวรกายเตี้ย|เปแป็งที่ 3 ผู้ตัวเตี้ย]]กับแกร์โลมง แบ่งอาณาจักรกัน หลังแกร์โลมงสละตำแหน่งในปี ค.ศ. 747 เปแป็งที่ 3 กลายเป็นผู้ปกครองแต่เพียงคนผู้เดียว ตำแหน่งของเขามั่นคงพอจนทำให้ในปี ค.ศ. 750 เขาเปแป็งตัดสินใจปลดกษัตริย์เมโรวินเจียนคนสุดท้าย [[ชิลเดอริคที่ 3]] ออกจากตำแหน่ง และด้วยการสนับสนุนของ[[สมเด็จพระสันตะปาปาซาคารี|พระสันตะปาปาซาคาเรียส]] เปแป็งได้ทำให้ตนเองได้นับรับเลือกเป็นกษัตริย์โดยกลุ่มขุนนางชาวแฟรงก์และได้รับการเจิมจากบิชอปของศาสนจักรโรมัน
อาณาจักรถูกแบ่งอีกครั้งเมื่อเปแป็งสิ้นพระชนม์ในปี ค.ศ. 768 แต่การสิ้นพระชนม์ในสามปีต่อมาจองพระโอรสคนเล็ก แกร์โลมง ทำให้อาณาเขตกลับมารวมกันเป็นหนึ่งเดียวอยู่ในมือของพระโอรสคนโตของเปแป็ง ชาร์ลส์ ที่จะกลายเป็นที่รู้จักในชื่อ ชาร์เลอมาญ ชาร์เลอมาญขยายอำนาจของชาวแฟรงก์ด้วยการพิชิตพื้นที่ทั้งหมดของกอล, เข้าสู่เยอรมนีและอิตาลี และทำให้ชาวโบฮีเมีย, ชาวอาวาร์, ชาวเซิร์บ, ชาวโครแอต และกลุ่มชนอื่นๆ ของยุโรปตะวันออกตกเป็นเมืองขึ้น พระองค์สร้างสัมพันธไมตรีกับพระสันตะปาปา และสร้างรัฐของพระสันตะปาปาขึ้นมาในอิตาลีตอนกลางในปี ค.ศ. 774 ในวันคริสตมาสของปี ค.ศ. 800 ต่อหน้าพระสันตะปาปาลีโอที่ 3 พระองค์ได้รับการสวมมงกุฎจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิโรมันที่ได้รับการกอบกู้
 
อาณาจักรถูกแบ่งอีกครั้งเมื่อเปแป็งสิ้นพระชนม์ในปี ค.ศ. 768 แต่การสิ้นพระชนม์ในสามปีต่อมาของพระโอรสคนเล็ก แกร์โลมง ทำให้อาณาเขตกลับมารวมกันเป็นหนึ่งเดียวในมือของพระโอรสคนโตของเปแป็ง ชาร์ลส์ ที่จะกลายเป็นที่รู้จักในชื่อ [[ชาร์เลอมาญ]]
จักรวรรดิของชาร์เลอมาญสามารถบงการยุโรปตะวันตกได้ แต่กลับตกเป็นเหยื่อของจารีตของชาวแฟรงก์โบราณในการแบ่งอาณาจักรให้กับพระโอรสทุกคนของกษัตริย์ผู้ล่วงลับ เมื่อพระโอรสคนเดียวที่ยังมีชีวิตอยู่และผู้สืบทอดของชาร์เลอมาญ หลุยส์ผู้ศรัทธา สิ้นพระชนม์ในปี ค.ศ. 840 พระโอรสสามคนของพระองค์แย่งชิงกันเป็นผู้สืบทอดต่อ ในสนธิสัญญาแวร์เดิงในปี ค.ศ. 843 ทั้งสามตกลงแบ่งจักรวรรดิออกเป็นสามราชอาณาจักร ฟรานเชียอ็อกชิเดนตาลิสตะวันตกตกเป็นของชาร์ลส์ที่ 2 ผู้ศีรษะล้าน, ฟรานเชียอ็อกชิเดนตาลิสตะวันออกตกเป็นของหลุยส์ที่ 2 ชาวเยอรมัน และฟรานเชียเมเดียที่รวมถึงมณฑลในอิตาลีและโรมตกเป็นของโลธาร์ที่ได้สืบทอดตำแหน่งจักรพรรดิด้วย
 
อาณาจักรถูกแบ่งอีกครั้งเมื่อเปแป็งสิ้นพระชนม์ในปี ค.ศ. 768 แต่การสิ้นพระชนม์ในสามปีต่อมาจองพระโอรสคนเล็ก แกร์โลมง ทำให้อาณาเขตกลับมารวมกันเป็นหนึ่งเดียวอยู่ในมือของพระโอรสคนโตของเปแป็ง ชาร์ลส์ ที่จะกลายเป็นที่รู้จักในชื่อ ชาร์เลอมาญ ชาร์เลอมาญขยายอำนาจของชาวแฟรงก์ด้วยการพิชิตพื้นที่ทั้งหมดของ[[กอล]], เข้าสู่เยอรมนีและอิตาลี และทำให้ชาวโบฮีเมียฮีเมียน, ชาวอาวาร์, ชาวเซิร์บ, ชาวโครแอต และกลุ่มชนอื่นๆ ของยุโรปตะวันออกตกเป็นเมืองขึ้น พระองค์สร้างสัมพันธไมตรีกับพระสันตะปาปา และสร้างรัฐของพระสันตะปาปาขึ้นมาในอิตาลีตอนกลางในปี ค.ศ. 774 ในวันคริสตมาสของปี ค.ศ. 800 ต่อหน้า[[สมเด็จพระสันตะปาปาลีโอที่ 3|พระสันตะปาปาลีโอที่ 3]] พระองค์ชาร์เลอมาญได้รับการสวมมงกุฎจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิโรมันที่ได้รับการถูกกอบกู้ขึ้นมาใหม่
การแบ่งส่วนในภายหลังของราชอาณาจักรทั้งสาม บวกกับการขึ้นมาของกลุ่มอำนาจใหม่ ชาวนอร์มันและชาวแซ็กซัน บั่นทอนอำนาจของชาวการอแล็งเฌียง ตำแหน่งจักรพรรดิถูกส่งต่อจากโลธาร์สู่พระโอรส หลุยส์ที่ 2 ในปี ค.ศ. 855, จากหลุยส์ที่ 2 สู่พระปิตุลา ชาร์ลส์ผู้ศีรษะล้านในปี ค.ศ. 875 และหลังช่วงผลัดเปลี่ยนแผ่นดินหลังการสิ้นพระชนม์ของชาร์ลส์ในปี ค.ศ. 877 สู่ชาร์ลส์ที่ 3 ผู้ตัวอ้วน พระโอรสคนเล็กของหลุยส์ชาวเยอรมันในปี ค.ศ. 881
 
จักรวรรดิของชาร์เลอมาญสามารถบงการยุโรปตะวันตกได้ แต่กลับตกเป็นเหยื่อของจารีตของชาวแฟรงก์โบราณในการแบ่งอาณาจักรให้กับพระโอรสทุกคนของกษัตริย์ผู้ล่วงลับ เมื่อพระโอรสคนเดียวที่ยังมีชีวิตอยู่และผู้สืบทอดของชาร์เลอมาญ [[จักรพรรดิหลุยส์ผู้ศรัทธา|หลุยส์ผู้ศรัทธา]] สิ้นพระชนม์ในปี ค.ศ. 840 พระโอรสสามคนของพระองค์แย่งชิงช่วงชิงการสืบทอดกันเป็นผู้สืบทอดต่อ ใน[[สนธิสัญญาแวร์เดิงในปีแวร์เดิง]]ในปี ค.ศ. 843 ทั้งสามตกลงแบ่งจักรวรรดิออกเป็นสามราชอาณาจักร [[อาณาจักรแฟรงก์ตะวันตก|ฟรานเชียอ็อกชิเดนตาลิสตะวันตก]]ตกเป็นของ[[จักรพรรดิคาร์ลที่ 2 แห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์|ชาร์ลส์ที่ 2 ผู้ศีรษะล้าน]], [[อาณาจักรแฟรงก์ตะวันออก|ฟรานเชียอ็อกชิเดนตาลิสตะวันออก]]ตกเป็นของ[[ลุดวิจชาวเยอรมัน|หลุยส์ที่ 2 ชาวเยอรมัน]] และฟรานเชียเมเดียที่รวมถึงมณฑลในอิตาลีและโรมตกเป็นของ[[จักรพรรดิโลทาร์ที่ 1|โลธาร์]]ที่ได้สืบทอดตำแหน่งจักรพรรดิด้วย
เมื่อชาร์ลส์ที่ 3 ถูกปลดออกจากตำแหน่งในปี ค.ศ. 887 อำนาจของชาวการอแล็งเฌียงไม่สามารถแก้ปัญหาในจักรวรรดิได้ แม้ว่ากษัตริย์การอแล็งเฌียงจะกลับมามีอำนาจในฝรั่งเศสในช่วงปี ค.ศ. 893/898 – 923 และ ค.ศ. 936 – 987
 
การแบ่งส่วนในภายหลังของราชอาณาจักรทั้งสาม บวกกับการขึ้นมาของกลุ่มอำนาจใหม่ [[นอร์มัน|ชาวนอร์มันนอร์มัน]]และ[[ชาวแซกซัน|ชาวแซ็กซัน]] บั่นทอนอำนาจของชาวการอแล็งเฌียง ตำแหน่งจักรพรรดิถูกส่งต่อจากโลธาร์สู่พระโอรส [[จักรพรรดิลุดวิจที่ 2 แห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์|หลุยส์ที่ 2]] ในปี ค.ศ. 855, จากหลุยส์ที่ 2 สู่พระปิตุลา [[จักรพรรดิคาร์ลที่ 2 แห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์|ชาร์ลส์ผู้ศีรษะล้าน]]ในปี ค.ศ. 875 และหลังช่วงผลัดเปลี่ยนแผ่นดินหลังการสิ้นพระชนม์ของชาร์ลส์ในปี ค.ศ. 877 สู่[[จักรพรรดิคาร์ลที่ 3 แห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์|ชาร์ลส์ที่ 3 ผู้ตัวอ้วน]] พระโอรสคนเล็กของหลุยส์ชาวเยอรมันในปี ค.ศ. 881
 
เมื่อชาร์ลส์ที่ 3 ถูกปลดออกจากตำแหน่งในปี ค.ศ. 887 อำนาจของชาวการอแล็งเฌียงไม่สามารถแก้ปัญหาในจักรวรรดิได้ แม้ว่ากษัตริย์การอแล็งเฌียงจะกลับมามีอำนาจในฝรั่งเศสอีกครั้งในช่วงปี ค.ศ. 893/898 – 923 และ ค.ศ. 936 – 987
 
== อ้างอิง ==