ผลต่างระหว่างรุ่นของ "วิลเฮ็ล์ม พีค"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Potapt (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 7:
| term_end1 = 7 กันยายน 1960
| predecessor1 = ไม่มี (สถาปนาตำแหน่ง)
| successor1 = [[วัลเทอร์ อูลริคอุลบริชท์]]<br><small> (ในฐานะ [[สภาแห่งรัฐเยอรมนีตะวันออก|ประธานสภาแห่งรัฐ]])
| order2 = [[พรรคเอกภาพสังคมนิยมเยอรมนี|ประธานพรรคเอกภาพสังคมนิยมเยอรมนี]]<br><small> ([[เยอรมนีตะวันออก]])</small>
| alongside2 = [[อ็อทโท โกรเทอโวล]]
| alongside2 = [[Otto Grotewohl]]
| term_start2 = 22 เมษายน 1946
| term_end2 = 25 กรกฎาคม 1950
| predecessor2 = ไม่มี (สถาปนาตำแหน่ง)
| successor2 = [[วัลเทอร์ อูลริคอุลบริชท์]] (ในฐานะ เลขาธิการที่ 1)
| birth_date = {{Birth date|1876|1|3|df=y}}
| birth_name = ฟรีดริช วิลเฮ็ล์ม ไรน์โฮลด์ไรน์ฮ็อลท์ พีค
| birth_place = [[กูเบิน]], [[จักรวรรดิเยอรมัน]]
| death_date = {{death date and age|1960|9|7|1876|1|3|df=y}}
| death_place = [[เบอร์ลินตะวันออก]], [[เยอรมนีตะวันออก]]
| spouse = คริสทีเนอ เฮ็ฟเคอ
| spouse = Christine Häfker
| children = Ellyเอ็ลลี Winterวินเทอร์ (1898–19871898–1987)<br>[[Arthurอาร์ทัวร์ Pieckพีค]] (1899–19701899–1970)<br>[[:de:Eleonoreเอเลโอโนเรอ Staimer|Eleonore Staimerชไตเมอร์]] (1906-1998)
| party = [[พรรคประชาธิปไตยสังคมแห่งเยอรมนี|พรรคประชาธิปไตยสังคม]] (1895–1918)<br> [[พรรคคอมมิวนิสต์แห่งเยอรมนี|พรรคคอมมิวนิสต์]] (1918–1946)<br> [[พรรคเอกภาพสังคมนิยมเยอรมนี|พรรคเอกภาพสังคมนิยม]] (1946–1960)
| vicepresident =
}}
'''ฟรีดริช วิลเฮ็ล์ม ไรน์โฮลด์ไรน์ฮ็อลท์ พีค''' ({{lang-de|Friedrich Wilhelm Reinhold Pieck}}) เป็นนักการเมืองและนักลัทธิคอมมิวนิสต์ชาวเยอรมัน เขากลายเป็นประธานาธิบดีคนแรกของสาธารณรัฐประชาธิปไตยเยอรมนี ซึ่งตำแหน่งถูกยกเลิกหลังพีคถึงแก่อสัญกรรม<ref>Rolf Badstübner and Wilfried Loth (eds) ''Wilhelm Pieck - Aufzeichnungen zur Deutschlandpolitik 1945-1953'', Berlin: Wiley-VCH, 1994</ref> ผู้สืบต่อในฐานะประมุขแห่งรัฐของเขาคือ [[วัลเทอร์ อูลริคอุลบริชท์]] ซึ่งทำหน้าที่เป็นประธานสภาแห่งรัฐ
 
พีคเป็นฟรีดริช พีคเป็น ลูกชายของคนขับรถม้า Friedrich Pieck และ Augusteกับเอากุสเทอ ภรรยาของเขาในภาคตะวันออกของ กูเบิน, เยอรมนี<ref name="timeline">[http://www.dhm.de/lemo/html/biografien/PieckWilhelm/index.html Wilhelm Pieck timeline] Retrieved June 10, 2010 {{de icon}}</ref> (ปัจจุบันคือ กูบิน, โปแลนด์) สองปีต่อมาแม่ของพีคได้เสียชีวิตลง พ่อของพีคจึงแต่งงานใหม่กับวิลเฮ็ลมีเนอ Wilhelmine Bahroบาโร หลังจากเข้าเรียนในโรงเรียนประถม เด็กหนุ่มวิลเฮ็ล์มได้ฝึกงานช่างไม้เป็นเวลา 4 ปี ในฐานะที่เป็นคนงานเขาเดินเข้าไปเข้าร่วมกับสมาคมแรงงานช่างไม้เยอรมันในปี 1894
 
ในฐานะช่างไม้ในปี ค.ศ. 1894 พีคเข้าร่วมสหพันธ์กรรมกรไม้ซึ่งนำพาเขาไปสู่พรรคสังคมประชาธิปไตยแห่งเยอรมนี (SPDเอ็สเพเด)<ref name="timeline" /> ในปีต่อมา พีคกลายเป็นประธานของพรรคในเขตเมืองในปี ค.ศ. 1899 และในปี ค.ศ. 1906 ได้กลายเป็นเลขาธิการเต็มเวลาของพรรคสังคมประชาธิปไตย ในปี ค.ศ. 1914 เขาย้ายไปอยู่ที่อพาร์ตเมนต์อะพาร์ตเมนต์ 3 ห้องใน Berlin-Steglitz ชเตกลิทซ์ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1915 เขาถูกจับในการประท้วงของผู้หญิงที่หน้าไรชส์ทาค และถูกอยู้ไว้ใน "การดูแลคุ้มครอง" จนถึงเดือนตุลาคม ในฐานะเลขานุการพรรคเบรเมนในปีเบรเมินใน ค.ศ. 1916 พีคได้ขอให้อันโตน Antonปันเนอกุก Pannekoek ดำเนินการสอนทฤษฎีสังคมนิยมต่อในโรงเรียนของพรรค<ref>{{Cite book|title = The Dutch and German Communist Left (1900–68)|last = Bourrinet|first = Philippe|publisher = |year = |isbn = |location = |pages = 55}}</ref> แม้ว่าส่วนใหญ่ของพรรคสังคมประชาธิปไตยสนับสนุนรัฐบาลเยอรมันในสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง พีคเป็นสมาชิกพรรคฝ่ายซ้ายซึ่งต่อต้านสงคราม การเปิดกว้างของพีค ในการทำเช่นนั้นทำให้เขาถูกจับกุมและคุมขังในเรือนจำทหาร หลังจากได้รับการปล่อยตัว พีคจึงได้ลี้ภัยไปอยู่ที่กรุงอัมสเตอร์ดัมชั่วคราว<ref name="timeline" /> เมื่อเขากลับมายังกรุงเบอร์ลินในปี ค.ศ. 1918 พีคได้เข้าร่วมกับ[[พรรคคอมมิวนิสต์แห่งเยอรมนี]]
 
ในวันที่ 16 มกราคม ค.ศ. 1919 พีคถูกจับกุมพร้อมกับ[[โรซา ลุกเซิมบวร์ค]] และ[[คาร์ล ลีบค์เน็คท์ลีพคเน็ชท์]] ในระหว่างการประชุมที่โรงแรมเบอร์ลินอีเดน ลุกเซิมบวร์ค และ ลีบค์เน็คท์ลีพคเน็ชท์ถูกฆ่าในขณะที่ "ถูกพาตัวเข้าคุก" โดยหน่วย Freikorpsไฟรคอร์<ref>Wolfe, Bertram D. in introduction to"The Russian Revolution" Luxemburg p. 18 1967.</ref> ขณะที่ทั้งสองกำลังถูกฆ่า พีคสามารถหลบหนีออกมาได้ ในปี ค.ศ. 1922 เขาได้กลายเป็นสมาชิกผู้ก่อตั้งของ International Red Aid ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการบริหารเป็นครั้งแรก ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1925 เขาก็กลายเป็นประธานของ Ride Hilfe<ref name="timeline" />
 
ในวันที่ 4 มีนาคม ค.ศ. 1933 หนึ่งวันก่อนการเลือกตั้งสมาชิกไรชส์ทาค ครอบครัวของพีค อพยพออกคอพยพออกจากอพาร์ตเมนต์ที่ Steglitzอะพาร์ตเมนต์ที่ชเตกลิทซ์ และย้ายไปอยู่ในห้องปรุงอาหาร ลูกชายและลูกสาวของเขาเคยอยู่ในสหภาพโซเวียตตั้งแต่ปี ค.ศ. 1932 ขณะที่ Elly Winter ยังคงอยู่ในเยอรมนี เมื่อถึงต้นเดือนพฤษภาคมปี ค.ศ. 1933 เขาจึงได้เดินทางไปกรุงปารีสก่อน แล้วจึงไปกรุงมอสโก<ref name="timeline" /> ในกรุงมอสโก พีคทำหน้าที่พรรคคอมมิวนิสต์ในหน้าที่ที่หลากหลาย ตั้งแต่ปี 1935 ถึงปีค.ศ. 1935–1943 เขาดำรงตำแหน่งเลขาธิการ[[องค์การคอมมิวนิสต์สากล]] และในปีเดียวกัน พีคเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้ง[[คณะกรรมาธิการแห่งชาติเพื่อการปลดปล่อยเยอรมนี]] ซึ่งวางแผนไว้สำหรับอนาคตของเยอรมนีหลังสงครามโลกครั้งที่สอง
 
ในตอนท้ายของสงครามในปี ค.ศ. 1945 พีคกลับไปเยอรมนีกับกองทัพแดงที่มีชัย<ref name="ReferenceA">Eric D. Weitz, ''Creating German Communism, 1890-1990: From Popular Protests to Socialist State''. Princeton, NJ: Princeton University Press, 1997</ref> อีกหนึ่งปีต่อมาเขาช่วยในการรวมพรรคคอมมิวนิสต์และพรรคประชาธิปไตยสังคมเป็นพรรคเอกภาพสังคมนิยมแห่งเยอรมนี เขาได้รับเลือกให้เป็นประธานร่วมของพรรคที่ควบรวมร่วมกับอ็อทโท โกรเทอโวล อดีตผู้นำพรรคเอกภาพสังคมนิยม Otto Grotewohl
 
ในตอนท้ายของสงครามในปี 1945 พีคกลับไปเยอรมนีกับกองทัพแดงที่มีชัย<ref name="ReferenceA">Eric D. Weitz, ''Creating German Communism, 1890-1990: From Popular Protests to Socialist State''. Princeton, NJ: Princeton University Press, 1997</ref> อีกหนึ่งปีต่อมาเขาช่วยในการรวมพรรคคอมมิวนิสต์และพรรคประชาธิปไตยสังคมเป็นพรรคเอกภาพสังคมนิยมแห่งเยอรมนี เขาได้รับเลือกให้เป็นประธานร่วมของพรรคที่ควบรวมร่วมกับอดีตผู้นำพรรคเอกภาพสังคมนิยม Otto Grotewohl
== อ้างอิง ==
{{รายการอ้างอิง}}