ผลต่างระหว่างรุ่นของ "วัฟเฟิน-เอ็สเอ็ส"
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ไม่มีความย่อการแก้ไข ป้ายระบุ: แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ |
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
บรรทัด 22:
| battles = [[สงครามโลกครั้งที่ 2]]
|ceremonial_chief = [[ไฮน์ริช ฮิมม์เลอร์]]
| notable_commanders = {{unbulleted list | [[
| anniversaries =
}}
'''วัฟเฟิน-เอ็สเอ็ส''' ({{Lang-de|Waffen-SS}}) เป็นหน่วยกองกำลังทหารติดอาวุธของ[[พรรคนาซี]]ในหน่วยองค์กร[[ชุทซ์ชทัฟเฟิล]]หรือ'''หน่วยเอ็สเอ็ส'''
หน่วยวัฟเฟิน-เอ็สเอ็สเติบโตขึ้นจากสามกรมทหารไปยังทั้งหมด 38 กองพลในช่วง[[สงครามโลกครั้งที่สอง]] และทำหน้าที่ควบคู่กับ[[กองทัพบกเยอรมัน (แวร์มัคท์)|เฮร์]](ประจำการในกองทัพบก), [[ออร์ดนุงโพลีไซ]](ตำรวจเครื่องแบบ) และหน่วยรักษาความปลอดภัยอื่นๆ แต่เดิมที,อยู่ภายใต้การควบคุมของสำนักงานบัญชาการปฏิบัติการ-เอ็สเอ็ส (SS Führungshauptamt) ภายใต้การบังคับบัญชาของ[[ไรชส์ฟือเรอร์-เอ็สเอ็ส]] [[ไฮน์ริช ฮิมม์เลอร์]], ด้วยจุดเริ่มต้นของสงครามโลกครั้งที่สอง การควบคุมทางยุทธวิธีได้ถูกซักซ้อมโดย[[กองบัญชาการใหญ่แห่งแวร์มัคท์]](OKW),{{sfn|Stein|2002|p=23}} กับหน่วยบางส่วนที่ภายใต้บังคับบัญชาของ[[กองบัญชาการบุคลากรไรชส์ฟือเรอร์-เอ็สเอ็ส]] (Kommandostab Reichsführer-SS) ภายใต้การบังคับบัญชาของฮิมเลอร์โดยตรง<ref>''The Nazi Holocaust. Part 3: The "Final Solution": The Implementation of Mass Murder.'' Volume 2, p. 459, [[De Gruyter]], 1989</ref>
ในช่วงแรก, ในความสอดคล้องกับนโยบายทางเชื้อชาติของนาซีเยอรมนี การจะเป็นสมาชิกนั้นได้เปิดรับสมัครให้กับเพียงชนเชื้อชาติเจอร์แมนิกเท่านั้น (ที่ถูกเรียกว่า เชื้อชาติอารยัน){{sfn|Stackelberg|2002|p=116}} กฏข้อบังคับได้ผ่อนผันเพียงบางส่วนในปี ค.ศ. 1940{{sfn|Langer|Rudowski|2008|p=263}}{{sfn|Król|2006|pp=452, 545}} และต่อมาได้ก่อตั้งหน่วยขึ้นที่ประกอบด้วยส่วนใหญ่หรือเพียงอย่างเดียวของอาสาสมัครชาวต่างชาติและการเกณฑ์ทหารที่ได้รับการอนุมัติ หน่วยเอ็สเอ็สเหล่านี้จะประกอบไปด้วยชายส่วนใหญ่ที่มาจากกลุ่มเชื้อชาติของยุโรปที่ถูกนาซียึดครอง อย่างไรก็ตามการผ่อนผันของกฏข้อบังคับ หน่วยวัฟเฟิน-เอ็สเอ็สยังคงยึดติดอยู่กับอุดมการณ์ทางเชื้อของลัทธินาซีและชนเชื้อชาติโปล (ที่ถูกมองว่าเป็นพวกต่ำกว่ามนุษย์) ได้ถูกห้ามอย่างยิ่งจากการก่อตั้ง<ref>W. Borodziej, Ruch oporu w Polsce w świetle tajnych akt niemieckich, Część IX, Kierunki 1985, nr 16.</ref><ref>Polska i Polacy w propagandzie narodowego socjalizmu w Niemczech 1919-1945 Eugeniusz Cezary Król Instytut Studiów Politycznych Polskiej Akademii Nauk, 2006, page 452</ref><ref>Terror i polityka: policja niemiecka a polski ruch oporu w GG 1939-1944 Włodzimierz Borodziej Instytut Wydawniczy Pax, 1985, p. 86.</ref>
สมาชิกของหน่วยวัฟเฟิน-เอ็สเอ็สได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับความโหดร้ายทารุณเอาไว้มากมาย<ref>"Waffen-SS: Mračne sile zločinačke politike - Vojnici nacionalsocijalizma 1933.-45." ("Waffen-SS: The Dark Forces Of Villain Politics - The Soldiers Of Nationalsocialism 1933-45"), p 9, Hrvoje Spajić, 2010.</ref> ที่[[การพิจารณาคดีเนือร์นแบร์ค]]ในช่วงหลังสงคราม หน่วยวัฟเฟิน-เอ็สเอ็สได้ถูกตัดสินว่าเป็นองค์กรอาชญากรรม เนื่องจากมีส่วนเกี่ยวข้องกับพรรคนาซีและเกี่ยวข้องโดยตรงกับอาชญากรรมสงครามและอาชญากรรมต่อมนุษยชาติจำนวนมากมาย อดีตสมาชิกหน่วยวัฟเฟิน-เอ็สเอ็สได้ถูกปฏิเสธสิทธิหลายประการที่จะมอบให้แก่ทหารผ่านศึก ข้อยกเว้นที่ทำให้ไว้กับทหารเกณฑ์จากหน่วยวัฟเฟิน-เอ็สเอ็ส ที่ได้รับการยกเว้นนั้นเพราะพวกเขาไม่ได้อาสาสมัครเลย<ref>{{cite |title=Two Hundred And Seventeenth Day |work=Nuremberg Trial Proceedings |url=http://avalon.law.yale.edu/imt/09-30-46.asp |volume=Volume 22 |date= September 1946 |via=Avalon Project }}</ref><ref name=laar2>{{cite book |pages=32–59|chapter=Battles in Estonia in 1944|title=Estonia in World War II |last=Laar |first=Mart |year=2005 |publisher=Grenamder| authorlink=Mart Laar|location=Tallinn}}</ref> มีจำนวนประมาณหนึ่งในสามของสมาชิกทั้งหมดล้วนถูกเกณฑ์<ref>{{cite book|last1=McDonald|first1=Gabrielle Kirk|last2=Swaak-Goldman|first2=Olivia|title=Substantive and Procedural Aspects of International Criminal Law: The Experience of International and National Courts: Materials|url=https://books.google.com/books?id=ZzYznOEiZmcC&pg=PA695|year=2000|publisher=BRILL|page=695}}</ref>
==จุดถือกำเนิด(ค.ศ. 1929-39)==
[[File:Bundesarchiv Bild 119-01-03, Berlin, Parade zum dritten Jahrestag LSSHA crop.jpg|thumb|left|การสวนสนามจากวันครบรอบปีที่สามของ [[กองพลเอ็สเอ็ส-พันเซอร์ที่ 1 ไลบ์ชตันดาร์เทอเอ็สเอ็ส อดอล์ฟ ฮิตเลอร์|LSSAH]] ในบริเวณค่ายทหาร. [[เซพพ์ ดีทริซ]]ที่อยู่ในแท่นพิธี. พฤษภาคม ค.ศ. 1935]]
จุดถือกำเนิดของหน่วยวัฟเฟิน-เอ็สเอ็สได้สืบย้อนไปถึงการคัดเลือกกลุ่มของคนหน่วยเอ็สเอ็ส 120 คน เมื่อวันที่ 17 มีนาคม ค.ศ. 1933 โดย[[เซพพ์ ดีทริซ]] เพื่อก่อตั้ง Sonderkommando เบอร์ลิน{{sfn|Flaherty|2004|p=144}} ช่วงเดือนพฤศจิายน ค.ศ. 1933 การก่อตั้งขึ้นได้มีจำนวน 800 คน และที่พิธีฉลองในมิวนิกสำหรับวันครบรอบสิบปีจากความล้มเหลวของ[[กบฏโรงเบียร์]]ในมิวนิก กรมทหารเหล่านี้ได้กล่าวคำสัตย์สาบานว่าจะจงรักภักดีต่ออดอล์ฟ ฮิตเลอร์ คำสัตย์สาบานคือ"ปฏิญาณว่าจะจงรักภักดีต่อเขาแต่เพียงผู้เดียว"และ"จะเชื่อฟังแม้กระทั่งความตาย"{{sfn|Flaherty|2004|p=144}} การก่อตั้งหน่วยทหารนี้ได้ถูกแต่งตั้งชื่อเป็นไลบ์ชตันดาร์เทอ (กรมทหารคุ้มกัน) อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ (LAH){{sfn|Cook|Bender|1994|pp=17, 19}} เมื่อวันที่ 13 เมษายน ค.ศ. 1934 โดยคำสั่งของฮิมเลอร์ กรมทหารนี้ได้กลายเป็นที่รู้จักกันคือ [[กองพลเอ็สเอ็ส-พันเซอร์ที่ 1 ไลบ์ชตันดาร์เทอเอ็สเอ็ส อดอล์ฟ ฮิตเลอร์|ไลบ์ชตันดาร์เทอเอ็สเอ็ส อดอล์ฟ ฮิตเลอร์]] (LSSAH){{sfn|Cook|Bender|1994|pp=17, 19}}
ไลบ์ชตันดาร์เทอได้แสดงความจงรักภักดีต่อฮิตเลอร์ในปี ค.ศ. 1934 ในช่วง"[[คืนมีดยาว]]" เมื่อระบอบนาซีได้ดำเนินการชุดการสังหารทางการเมืองและกวาดล้างหน่วย[[ชตูร์มับไทลุง]] (SA){{sfn|Flaherty|2004|p=144}} นำโดยหนึ่งในสหายที่เก่าแก่ที่สุดของฮิตเลอร์ [[แอนสท์ เริม]] หน่วยเอ็สเอได้ถูกมองว่าเป็นภัยคุกคามโดยฮิตเลอร์ต่ออำนาจทางการเมืองที่เพิ่งได้รับมา ฮิตเลอร์ยังคงต้องการที่จะผูกมิตรกับผู้นำของ[[ไรชส์แวร์]] (กองทัพแห่งสาธารณรัฐ) และฝ่ายอนุรักษ์นิยมของประเทศ, ประชาชนที่ให้การสนับสนุน ฮิตเลอร์มีความจำเป็นเพื่อความมั่งคงต่อตำแหน่งของเขา เมื่อฮิตเลอร์ได้ตัดสินใจที่จะเป็นฝ่ายปรปักษ์ต่อหน่วยเอ็สเอ หน่วยเอ็สเอ็สได้รับหน้าที่ในการกำจัดเริมและเจ้าหน้าที่ระดับสูงของหน่วยเอ็สเอคนอื่นๆ{{sfn|Kershaw|2008|pp=306–313}} คืนมีดยาวได้อุบัติขึ้นระหว่างวันที่ 30 มิถุนายน ถึง 2 กรกฏาคม ค.ศ. 1934 และแสดงให้เห็นว่ามีการสังหารผู้คนไปถึงกว่า 200 คน นี้ยังรวมไปถึงผู้นำของหน่วยเอ็สเอเกือบทั้งหมด, ได้สิ้นอำนาจอย่างสมบูรณ์ การปฏิบัติการนี้ส่วนใหญ่ได้ดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่หน่วยเอ็สเอ็ส (รวมทั้งไลบ์ชตันดาร์เทอ) และ[[เกสตาโพ]]{{sfn|Kershaw|2008|pp=309–313}}
ในเดือนกันยายน ค.ศ. 1934 ฮิตเลอร์ได้อนุมัติให้ก่อตั้งกองกำลังปีกของพรรคนาซีและอนุมัติให้ก่อตั้งหน่วย[[เอ็สเอ็ส-เวอร์ฟือกุนจ์สทรูปเปอร์]] (SS-VT) ทหารที่ทำหน้าที่พิเศษภายใต้บัญชาการโดยรวมของฮิตเลอร์{{sfn|Flaherty|2004|p=144}} หน่วยเอ็สเอ็ส-วีทีได้ขึ้นต่อกองทัพเยอรมันสำหรับการจัดหาอาวุธและการฝึกซ้อมทหาร และพวกเขาได้ควบคุมระบบการสรรหาผ่านคณะกรรมการท้องถิ่นที่มีหน้าที่รับผิดชอบในการกำหนดเกณฑ์ทหารไปยังสาขาต่างๆของกองทัพ[[แวร์มัคท์]]เพื่อให้ได้เป้าโควต้าที่ถูกกำหนดไว้โดย[[กองบัญชาการใหญ่แห่งแวร์มัคท์|กองบัญชาการใหญ่แห่งกองทัพเยอรมัน]] (Oberkommando der Wehrmacht หรือ OKW ในเยอรมนี) หน่วยเอ็สเอ็สได้รับความสำคัญน้อยมากสำหรับการรับสมัคร{{sfn|Flaherty|2004|p=145}}
แม้ว่าจะมีปัญหาที่นำเสนอโดยระบบโควต้า ไฮน์ริช ฮิมม์เลอร์ได้ก่อตั้งกรมทหารเอ็สเอ็สสองหน่วยขึ้นมาใหม่คือ "เอ็สเอ็ส เจอร์มาเนีย"และ"เอ็สเอ็ส ด็อยท์ลันด์" ซึ่งร่วมกับไลบ์ชตันดาร์เทอและการสื่อสารหน่วยที่ทำขึ้นในหน่วยเอ็สเอ็ส-วีที{{sfn|Flaherty|2004|p=145}} ในขณะเดียวกัน ฮิมเลอร์ได้สร้าง SS-Junkerschule Bad Tölz และ SS-Junkerschule [[เบราน์ชไวค์]]สำหรับการฝึกทหารของเจ้าหน้าที่เอ็สเอ็ส{{sfn|Flaherty|2004|p=145}} โรงเรียนทั้งสองได้ใช้วิธีการฝึกจากการประจำกองทัพและส่วนใหญ่ได้ใช้อดีตเจ้าหน้าที่นายทหารในกองทัพเป็นผู้ฝึก{{sfn|Flaherty|2004|p=145}}
{{โครงส่วน}}
== อ้างอิง ==
{{รายการอ้างอิง}}
{{ชุทซ์ชทัฟเฟิล}}
|