ผลต่างระหว่างรุ่นของ "การเลื่อนไปทางแดง"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Potapt (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
Potapt (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
 
บรรทัด 1:
[[ไฟล์:Redshift.svg|thumb|250px|แถบการดูดกลืนแสงในสเปกตรัมของแสงที่ได้จากกระจุกดาราจักรอันห่างไกล (ด้านขวา) เปรียบเทียบกับแถบการดูดกลืนแสงในสเปกตรัมของแสงดวงอาทิตย์ (ด้านซ้าย) ลูกศรชี้แสดงถึงการเลื่อนไปทางแดง ความยาวคลื่นจะเพิ่มขึ้นและความถี่ลดลง]]
 
ในวิชา[[ฟิสิกส์]]และ[[ดาราศาสตร์]] '''การเลื่อนไปทางแดง''' ({{lang-en|Redshiftredshift}}) เกิดขึ้นเมื่อการแผ่รังสี[[คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า]] (โดยมากเป็น[[แสงที่ตามองเห็น]]) มีการเปล่งแสงหรือสะท้อนกับวัตถุ แล้วเกิด[[ปรากฏการณ์ด็อพเพลอร์]]ทำให้สเปกตรัมของคลื่นเลื่อนตัวไปในทางฝั่งสีแดงของ[[สเปกตรัมแม่เหล็กไฟฟ้า]] (ซึ่งมีพลังงานน้อยกว่า) การเลื่อนไปทางแดงจึงหมายถึงการที่ผู้สังเกตหรืออุปกรณ์ตรวจจับได้รับรังสีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่มี[[ความยาวคลื่น]]เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับแหล่งกำเนิด การที่ความยาวคลื่นเพิ่มขึ้นสัมพันธ์กับการที่[[ความถี่]]คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าลดลง ดังนั้นในทางตรงกันข้าม หากตรวจพบว่าความยาวคลื่นลดลงก็จะเรียกปรากฏการณ์นั้นว่า '''[[การเลื่อนไปทางน้ำเงิน]]'''
 
การเลื่อนไปทางแดงที่เกิดจากปรากฏการณ์ด็อพเพลอร์เกิดขึ้นเมื่อแหล่งกำเนิดแสงเคลื่อนที่ห่างออกไปจากผู้สังเกต เช่นเดียวกับการเคลื่อนดอปเปลอร์ซึ่งความถี่จะเปลี่ยนแปลงลดลงเมื่อต้นกำเนิดเสียงเคลื่อนห่างออกไป [[ฟิสิกส์ดาราศาสตร์]]สเปกโตรสโกปีอาศัยปรากฏการณ์ด็อพเพลอร์เช่นนี้ในการคำนวณการเคลื่อนที่ของวัตถุทางดาราศาสตร์ที่อยู่ในที่ห่างไกล<ref>โปรดดูหนังสืออ่านเพิ่มเติมของ บินนีย์และเมอร์ริเฟลด์ (1998), คาร์โรลล์และออสต์ไล (1996), คัตเนอร์ (2003) สำหรับวิธีการนำปรากฏการณ์นี้ไปใช้ในทางดาราศาสตร์</ref>