ผลต่างระหว่างรุ่นของ "เจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี)"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ไม่มีความย่อการแก้ไข
Potapt (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 7:
| death_place = บ้านเชิงสะพานหัน [[พระนคร]] [[ประเทศสยาม]]
| order = [[อัครมหาเสนาบดีสมุหนายก]]แห่ง[[กรุงรัตนโกสินทร์]]
| term_start = [[พ.ศ. 2369]]
| term_end = [[พ.ศ. 2392]]
| father = [[เจ้าพระยาอภัยราชา (ปิ่น)]]
| mother = ท่านผู้หญิงฟัก
บรรทัด 18:
}}
[[ไฟล์:Yasothon General Singh 24.JPG|thumb|190px|right|อนุสาวรีย์เจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) ณ วัดมหาธาตุ ตำบลในเมือง อำเภอเมืองยโสธร จังหวัดยโสธร]]
'''เจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี)''' ([[13 มกราคม]] [[พ.ศ. 2318]] - [[24 มิถุนายน]] [[พ.ศ. 2392]]) เป็นอัครมหาเสนาบดีสมุหนายก และแม่ทัพใหญ่ในรัชสมัย[[พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว]] รัชกาลที่ 3 ต้นสกุลสิงหเสนี "เจ้าพระยาบดินทรเดชา" เป็น[[ราชทินนาม]]พิเศษ ที่พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวพระราชทานแก่เจ้าพระยาบดินทรเดชา รัชกาลที่(สิงห์ 3สิงหเสนี) พระราชทานราชทินนามนี้มีแต่ท่านเพียงผู้เดียวเท่านั้น
 
== ประวัติ ==
เจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) เป็นบุตรคนที่ 4 ของ[[เจ้าพระยาอภัยราชา (ปิ่น)|เจ้าพระยาอภัยราชา]] กับท่านผู้หญิงฟัก เกิดเมื่อวันศุกร์ แรม 7 ค่ำ เดือนยี่ ปีมะแม พ.ศ. 2318 <ref>อ้างอิงตามจารึกที่ศาลเจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) วัดจักรวรรดิราชาวาส กรุงเทพมหานคร</ref> เทียบกับปฏิทินปัจจุบันตรงกับวันที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2319 ตรงกับปลายรัชกาลของ[[สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช]] สถานที่เกิดอยู่ใน[[เขตพระนคร]] ตอนเชิงสะพานช้างโรงสีหน้ากระทรวงมหาดไทยทุกวันนี้
 
เจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) เป็นบุตรคนที่ 4 ของ[[เจ้าพระยาอภัยราชา (ปิ่น)|เจ้าพระยาอภัยราชา]] กับท่านผู้หญิงฟัก เกิดเมื่อวันศุกร์ แรม 7 ค่ำ เดือนยี่ ปีมะแม พ.ศ. 2318 <ref>อ้างอิงตามจารึกที่ศาลเจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) วัดจักรวรรดิราชาวาส กรุงเทพมหานคร</ref> เทียบกับปฏิทินปัจจุบันตรงกับวันที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2319 ตรงกับปลายรัชกาลของ[[สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช]] สถานที่เกิดอยู่ใน[[เขตพระนคร]] ตอนเชิงสะพานช้างโรงสีหน้ากระทรวงมหาดไทยทุกวันนี้
<ref>[http://th.wikisource.org/wiki/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%8A%E0%B8%B8%E0%B8%A1%E0%B8%9E%E0%B8%87%E0%B8%A8%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%94%E0%B8%B2%E0%B8%A3_%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88_%E0%B9%96%E0%B9%97 ประชุมพงศาวดาร ภาคที่ ๖๗]</ref>
<ref>[http://su-usedbook.tarad.com/product.detail_40045_th_2829703 ประวัติเจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงเสนี)] </ref> <ref>[https://www.bodin.ac.th/home/chaopraya-history ประวัติเจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) โรงเรียน บดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) ]</ref>
เส้น 28 ⟶ 27:
เมื่อเจริญวัยขึ้น เจ้าพระยาอภัยราชาผู้เป็นบิดาได้นำตัวนายสิงห์เข้ารับราชการใน[[พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย|สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทร]] และได้รับพระราชทานยศศักดิ์ในตำแหน่ง จมื่นเสมอใจราชและพระนายเสมอใจ ต่อมาได้เป็นพระยาเกษตรรักษาว่าการกรมนาฝ่ายพระราชวังบวรในสมัยรัชกาลที่ 2 ภายหลังเมื่อรัชกาลที่ 3 ขึ้นครองราชย์สมบัติจึงโปรดให้เป็น '''พระยาราชสุภาวดี'''
 
ต่อมาในปี พ.ศ. 2369 [[เจ้าอนุวงศ์]]แห่งราชอาณาจักรล้านช้าง[[เวียงจันทน์]]ก่อสงครามขึ้น พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้พระยาราชสุภาวดีเป็นแม่ทัพหน้ายกไปปราบปรามกองทัพลาว ในที่สุดท่านได้ปราบปรามกองทัพลาวสำเร็จและสามารถยกเข้าเมืองนคร[[จำปาศักดิ์]]ได้สำเร็จ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งเป็น '''เจ้าพระยาราชสุภาวดี''' ว่าที่สมุหนายก
 
เสร็จศึกเจ้าอนุวงศ์แล้ว พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงทรงสถาปนาเจ้าพระยาราชสุภาวดีขึ้นเป็น '''เจ้าพระยาบดินทรเดชา''' อัครมหาเสนาบดีสมุหนายกใน พ.ศ. 2372 (เวลานั้นท่านอายุได้ 52 ปี)
 
อีกไม่กี่ปีต่อมา ([[พ.ศ. 2376]]) [[ญวน]]เกิดเข้าไปแทรกแซงหาทางจะเอา[[เขมร]]เป็นของตน พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงโปรดฯ ให้เจ้าพระยาบดินทรเดชายกทัพขึ้นไปสู้รบกับญวนอีก จนกระทั่งญวนยอมทำไมตรีกับไทยแล้ว และเหตุการณ์ในกัมพูชากลับเป็นปกติตามเดิมเจ้าพระยาบดินทรเดชาจึงเดินทางกลับเข้าสู่ประเทศไทยใน พ.ศ. 2391 ท่านได้ควบคุมบ้านเมืองในเขมรนานถึง 15 ปีเต็ม
 
ท่านเจ้าพระยาบดินทรเดชาได้ใช้หลักความเฉียบขาดในการบังคับบัญชา จึงได้ผลคือยุติสงครามเจ้าอนุวงศ์แห่งนครเวียงจันทน์ และได้ช่วยป้องกันเขมรจากญวนได้สำเร็จตามพระราชประสงค์ของสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวนำเกียรติคุณมาสู่ทหารไทยและประเทศไทยอย่างมากมาย
 
ปีที่กลับจากเขมรมานั้น เจ้าพระยาบดินทรเดชา มีอายุย่าง 71 ปี แต่ก็ยังเข้มแข็งสามารถรับราชการสนองพระเดชพระคุณได้ต่อมาจนกระทั่งถึงวันอาทิตย์ที่ [[24 มิถุนายน]] [[พ.ศ. 2392]] ก็ถึงแก่อสัญกรรมบ้านริมคลองโอ่งอ่าง (บริเวณเชิงสะพานหันกับบ้านดอกไม้) ด้วย[[อหิวาตกโรค]]ซึ่งระบาดชุกชุมในปีนั้น รุ่งขึ้นปี พ.ศ. 2393 จึงได้พระราชทานเพลิงศพที่[[วัดสระเกศ]]
 
เมื่อ[[สมเด็จพระหริรักษ์รามมหาอิศราธิบดี|สมเด็จพระหริรักษ์รามาธิบดี (นักองด้วง)]] [[พระเจ้ากรุงกัมพูชา]] ได้ทราบว่า เจ้าพระยาบดินทร์เดชา (สิงห์) ถึงแก่อสัญกรรมแล้ว พระองค์ทรงระลึกถึงครั้งที่เจ้าพระยาบดินทรเดชาได้ช่วยเหลือปราบปรามหมู่ปัจจามิตรทั้งช่วยจัดราชการเมืองเขมรให้ราบคาบเรียบร้อยตลอดมา จึงดำรัสสั่งสร้างเก๋งขึ้นที่หน้าค่ายใหญ่ ใกล้[[วัดโพธาราม]]ในเมืองอุดงมีชัย (เมืองหลวงเก่าเมืองเขมร) แล้วให้พระภิกษุสุกชาวเขมรช่างปั้นฝีมือเยี่ยมในยุคนั้น ปั้นรูปเจ้าพระยาบดินทรเดชาขึ้นไว้เป็นอนุสาวรีย์ด้วยปูนเพชร และประกอบการกุศลมีสดับปกรณ์เป็นต้นปีละครั้งที่เก๋ง ชาวเขมรเรียกว่า "รูปองบดินทร" ตลอดมาจนบัดนี้ รูปนี้สร้างขึ้นในราวปีจอ พ.ศ. 2392
เส้น 44 ⟶ 43:
== บุตร-ธิดา ==
 
เจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) มีบุตรธิดา ดังนี้.
 
# จมื่นมหาสนิท (น้อย สิงหเสนี) - ท่านผู้หญิงเพ็ง เป็นมารดา