ผลต่างระหว่างรุ่นของ "แวร์เนอร์ ฟ็อน บล็อมแบร์ค"

|name=แวร์เนอร์ ฟอนฟ็อน บลอมแบร์คบล็อมแบร์ค

|alt=''จอมพล'' แวร์เนอร์ ฟอนฟ็อน บลอมแบร์คบล็อมแบร์ค ในปี ค.ศ. 1934

|caption=แวร์เนอร์ ฟอนฟ็อน บลอมแบร์คบล็อมแบร์ค ในปี ค.ศ. 1934

|birth_name= แวร์เนอร์ เอดวร์ดดูอาร์ท ฟริทซ์ ฟอนฟ็อน บลอมแบร์คบล็อมแบร์ค

|death_place=[[เนือร์นแบร์กเนือร์นแบร์ค]], [[เยอรมนีภายใต้การยึดครองของสัมพันธมิตร|ประเทศเยอรมนี]]

|branch=[[กองทัพบกเยอรมัน (เวร์มัคท์แวร์มัคท์)|กองทัพบก]]

|commands=[[กระทรวงไรชส์เวร์ไรชส์แวร์|กระทรวงการสงครามไรช์]]

|awards=[[Pour le Mériteพัวร์เลอเมรีท]]''

'''แวร์เนอร์ เอดวร์ดดูอาร์ท ฟริทซ์ ฟอนฟ็อน บลอมแบร์คบล็อมแบร์ค''' ({{lang-de|Werner Eduard Fritz von Blomberg}}) เป็น[[จอมพล]]เยอรมัน รัฐมนตรีว่าการสงครามแห่งไรช์และผู้บัญชาการทหารเหล่าทัพเยอรมันจนถึง ค.ศ. 1938

เขาเข้าร่วมกองทัพเยอรมันในปี ค.ศ. 1897 หลังจบหลักสูตรจากวิทยาลัยการทหารปรัสเซียในปี ค.ศ. 1907 เขาก็ได้ขึ้นเป็นนายพลในปี ค.ศ. 1908 และได้เข้าร่วมแนวรบด้านตะวันตกในช่วง[[สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง]]และได้รับเหรียญ[[Pour le Mérite|ปัวร์เลอแมริทพัวร์เลอเมรีท]] เขาได้ไปเยือนสหภาพโซเวียตในปี ค.ศ. 1928 และมีความประทับใจในศักยภาพของ[[กองทัพแดง]]อย่างมาก เขาเริ่มมีความเชื่อในระบอบเผด็จการเบ็ดเสร็จว่าจะนำมาซึ่งแสนยานุภาพทางการทหารที่แข็งแกร่ง<ref>{{cite book |last=Wheeler-Bennett |first=John |year=1967 |title=The Nemesis of Power: The German Army in Politics 1918–1945 |location=London |publisher=Macmillan |pp=295–6 |ref=harv }}</ref> เขาเชื่อว่าสงครามโลกครั้งต่อไปจะเป็น[[สงครามเบ็ดเสร็จ]] และระบอบเผด็จการเบ็ดเสร็จคือทางออกที่ทรงประสิทธิภาพที่สุดในเตรียมพร้อมด้านการทหาร เศรษฐกิจ และสังคมเยอรมันในยามก่อนสงครามปะทุ<ref name="Paehler 2009">{{cite web | last = Paehler | first = Katrin| title = General ohne Eigenschaften? | work =| publisher = H-Net Online|date=June 2009| url = http://www.h-net.org/reviews/showrev.php?id=24691 | doi = | accessdate = 2013-05-05}}</ref>

ในปี ค.ศ. 1933 เขาได้แต่งตั้งให้เป็นรัฐมนตรี[[กระทรวงไรชส์เวร์ไรชส์แวร์]]ในคณะรัฐมนตรี[[ฮิตเลอร์]]และกลายเป็นหนึ่งในบุคคลที่อุทิศตัวให้ฮิตเลอร์มากที่สุด เขาเสริมสร้างและขยายกองทัพเยอรมัน เขาเป็นนายทหารที่ประธานาธิบดี[[เพาล์ ฟอนฟ็อน ฮินเดนบูร์กนเดินบวร์ค|ฮินเดนบูร์กนเดินบวร์ค]]ไว้วางใจให้ดูแลงานด้านกลาโหมและฮินเดนบูร์กนเดินบวร์คหวังว่าเขาจะเข้ากันได้ดีกับฮิตเลอร์{{sfn|Wheeler-Bennett|1967|p=297}}

ในปี ค.ศ. 1935 กระทรวงไรชส์เวร์ไรชส์แวร์ถูกเปลี่ยนชื่อเป็นกระทรวงการสงคราม และได้ควบตำแหน่งผู้บัญชาการทหารเหล่าทัพ[[เวร์มัคท์แวร์มัคท์]] ({{lang|de|''Oberbefehl über die gesamte Wehrmacht''}}) และในปี ค.ศ. 1936 บลอมแบร์คบล็อมแบร์คเป็นนายทหารคนแรกที่ฮิตเลอร์แต่งตั้งให้เป็นจอมพล อย่างไรก็ตาม ในปี ค.ศ. 1937 เขาเป็นหนึ่งในนายทหารไม่กี่คนที่วิจารณ์แผนการทำสงครามฮิตเลอร์ว่าไม่ควรจะเลยไปจากปี ค.ศ. 1942 ทำให้ฮิตเลอร์เริ่มไม่พอใจในตัวบลอมแบร์คบล็อมแบร์ค ซึ่งทำให้สองคนสนิทของฮิตเลอร์อย่าง [[แฮร์มันน์แฮร์มัน เกอริง]] ซึ่งเป็นผู้บัญชาการ[[ลุฟท์วัฟเฟอ]] กับ[[ไฮน์ริช ฮิมม์เลอร์ฮิมเลอร์]] ซึ่งเป็นหัวหน้าหน่วย[[ชุทซ์ชทัฟเฟิล|เอ็สเอ็ส]]และตำรวจเยอรมัน ได้ใช้โอกาสนี้เพื่อขจัดบลอมแบร์คบล็อมแบร์คให้พ้นทาง ในงานแต่งของบลอมแบร์คล็อมแบร์คกับแฟนสาว เกอริงได้บอกกับฮิตเลอร์ในงานแต่งว่า แฟนสาวของบลอมแบร์คล็อมแบร์คและมารดาของเธอนั้นมีประวัติเป็นหญิงขายบริการ ฮิตเลอร์ขอร้องบลอมแบร์คบล็อมแบร์คล้มเลิกการแต่งงานเพื่อรักษาหน้าของกองทัพ บลอมแบร์คบล็อมแบร์คปฏิเสธที่จะหย่ากับเธอ เกอริงจึงปูดประวัติของภรรยาบลอมแบร์คบล็อมแบร์คให้สาธารณะรับรู้ บลอมแบร์คบล็อมแบร์คถูกกดดันให้ลาออกจากทุกตำแหน่งในกองทัพ และฮิตเลอร์ก็แต่งตั้งให้เกอริงดูแลการทหารทั้งหมดในไรช์ในปีไรช์ใน ค.ศ. 1938

หลังลาออก บลอมแบร์คบล็อมแบร์คได้ไปฮันนีมูนดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์กับภรรยาใหม่ที่เกาะ[[กาปรี]]ในอิตาลี แต่พลเรือเอก [[แอเอริช แรเรเดอร์]] มองว่าบลอมแบร์คบล็อมแบร์คควรจะฆ่าตัวตายเพื่อเป็นการชดใช้การแต่งงานของเขา แรดเรเดอร์ส่งผู้พันวันเกนวังเงินไฮม์ (Wangenheim) ไปอิตาลีเพื่อกดดันให้บลอมแบร์คบล็อมแบร์คฆ่าตัวตายแต่ก็ไม่สำเร็จ วันเกนวังเงินไฮม์ถึงขนาดยัดปืนใส่มือของบลอมแบร์คแต่บลอมแบร์คล็อมแบร์คแต่บล็อมแบร์คก็ปฏิเสธที่จะฆ่าตัวตายและขอใช้ชีวิตอย่างสงบ<ref>Shirer, William ''The Rise and Fall of the Third Reich'', New York: Simon & Schuster, 1960, p. 314.</ref>

ปลาย[[สงครามโลกครั้งที่สอง]]ในปี ค.ศ. 1945 บลอมแบร์คบล็อมแบร์คถูกควบคุมตัวโดยกองกำลัง[[ฝ่ายสัมพันธมิตรในสงครามโลกครั้งที่สอง|ฝ่ายสัมพันธมิตร]]ควบคุมตัว เขาร่วมให้การใน[[การพิจารณาคดีเนือร์นแบร์กเนือร์นแบร์ค]]ในฐานะพยานซึ่งทำให้ถูกอดีตนายพลเพื่อนร่วมงานที่ตกเป็นจำเลยดูถูกเหยียดหยามนอกจากนี้ยังถูกภรรยาบอกเลิก ระหว่างที่ถูกกักบริเวณใน[[เนือร์นแบร์กเนือร์นแบร์ค]]นั้นสุขภาพเขาก็ย่ำแย่ลงอย่างรวดเร็ว เขาตรวจพบ[[มะเร็งลำไส้ใหญ่]]ในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 1946{{sfn|Schäfer|2006|pp=200, 206-7}} และเสียชีวิตในวันที่ 14 มีนาคม 1946 ร่างของเขาถูกฌาปนกิจโดยไม่มีพิธีใดๆใด ๆ ที่ชานเมืองเนือร์นแบร์กเนือร์นแบร์ค ต่อมาได้มีการขุดเถ้าของเขาและนำไปเก็บรักษาไว้ที่บ้านของเขาในเมืองบาทวีซเซสเซ (Bad Wiessee)

|ตำแหน่ง = [[เวร์มัคท์แวร์มัคท์#โครงสร้าง|ผู้บัญชาการทหารเหล่าทัพเวร์มัคท์แวร์มัคท์]]

|ก่อนหน้า = [[คูร์ทควร์ท ฟอนฟ็อน ชไลเชอร์]] <br> {{small|(ในตำแหน่งรัฐมนตรี[[กระทรวงไรชส์เวร์ไรชส์แวร์]])}}

|ถัดไป = [[วิลเฮล์มวิลเฮ็ล์ม ไคเทิล|จอมพล วิลเฮล์มวิลเฮ็ล์ม ไคเทิล]] <br> {{small|(ในตำแหน่งหัวหน้า[[กองบัญชาการใหญ่แห่งเวร์มัคท์แวร์มัคท์]])}}