ผลต่างระหว่างรุ่นของ "สักกะ"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ชาวไทย (คุย | ส่วนร่วม)
เพิ่มเนื้อหา
ชาวไทย (คุย | ส่วนร่วม)
เพิ่มเนื้อหา
บรรทัด 13:
พระเจ้าสีหนุและพระนางกัญจนา มีพระราชบุตร ๕ พระองค์ คือ สุทโธทนะ ๑ (ต่อมาคือพุทธบิดา) สุกโกทนะ ๑ อมิโตทนะ ๑ โธโตทนะ ๑ ฆนิโตทนะ ๑ และ มีพระราชบุตรี ๒ พระองค์ คือ ปมิตา ๑ อมิตา ๑
ส่วนพระนางยโสธรา ผู้เป็นกนิษฐภคินีของพระเจ้าสีหนุนั้น ได้เป็นมเหสีของ พระเจ้าอัญชนะ มีพระราชบุตร ๒ พระองค์ คือ สุปปพุทธะ ๑ ทัณฑปาณิ ๑ พระราชบุตรี ๒ พระองค์ คือ มายา(หรือพระนางสิริมหามายาพระพุทธมารดา) ๑ และปชาบดี ๑ (หรือพระนางมหาปชาบดีซึ่งต่อมาคือพระน้านางผู้ทรงได้เป็น ภิกษุณีสงฆ์องค์แรกของพระพุทธศาสนา)<ref>[https://www.phuttha.com/พระพุทธเจ้า/ปฐมบทเกี่ยวกับพระพุทธเจ้า/แคว้นสักกะและศากยวงศ์ แคว้นสักกะและศากยวงศ์.] phuttha.com. สืบค้นเมื่อ 8 พฤษภาคม, 2561</ref>
 
==หายนะและการล่มสลายของศากยะวงศ์==
พระเจ้าปเสนทิ พระราชาแห่งแคว้นโกศล มีความนับถือศรัทธาต่อพระพุทธเจ้าอย่างยิ่ง ต้องการจะผูกสัมพันธ์เป็นญาติกับพระพุทธเจ้าในทางใดทางหนึ่ง จึงต้องการเจ้าหญิงสักคนจากศากยวงศ์มาอภิเษกสมรส เมื่อแจ้งความประสงค์นี้ไปทางศากยวงศ์ ก็ปรากฏว่าไม่มีเจ้าหญิงในศากยวงศ์เหลืออีก เพราะแต่งงานและออกบวชเกือบทั้งสิ้น เหลือเพียงเจ้าหญิงวาสภขัตติยา ซึ่งเป็นพระราชธิดา ของเจ้าชายมหานามะซึ่งเป็นโอรส ของพระเจ้าอมิโตทนะ ซึ่งเป็นพระอนุชาของพระเจ้าสุทโธทนะ (พระมาตุลาของพระพุทธองค์ ) แต่ว่า เจ้าหญิงวาสภขัตติยานี้ ซึ่งเป็นพระราชธิดาของเจ้าชายมหานามะ มีมารดาเป็นทาสซึ่งไม่ใช่วรรณะกษัตริย์ ดังนั้นเจ้าหญิงวาสภขัตติยา จึงเป็นวรรณะจัณฑาล
ทางศากยวงศ์ ในเมื่อไม่อาจจะหาเจ้าหญิงอื่นๆได้ จึงนําเจ้าหญิงวาสภขัตติยาส่งไปให้พระเจ้าปเสนทิโกศล แล้วปกปิดเรื่องนี้เป็นความลับ
เจ้าหญิงวาสภขัตติยา เมื่อไปเป็นพระมเหสีของพระเจ้าปเสนทิแล้ว ทรงให้กำเนิดพระโอรส ทรงพระนามว่าเจ้าชายวิฑูทภะ
ต่อมาเมื่อเจ้าชายวิฑูทภะ เติบใหญ่เป็นวัยรุ่น ก็คิดถึงญาติๆที่เป็นศากยวงศ์ จึงเสด็จไปเยี่ยมญาติที่กรุงกบิลพัศดุ์ ตอนกลับออกมาลืมสิ่งของบางอย่างไว้ จึงรับสั่งให้อำมาตย์คนหนึ่งกลับไปเพื่อเอาของที่ลืมนั้น ตอนที่อำมาตย์กลับไป ก็เห็นพวกคนใช้กำลังเอาน้ำนมล้างทำความสะอาดบริเวณนั้น พร้อมกับบ่นว่า เพราะคนจัณฑาลเข้ามาในบริเวณนี้ ทำให้พวกเราต้องเหนื่อยเอาน้ำนมมาล้าง อำมาตย์นั่นก็แกล้งถามว่าใครคือคนจัณฑาลที่เข้ามา พวกคนใช้ที่กำลังเช็ดถูอยู่นั่น ก็ตอบว่า ก็เจ้าชายวิฑูทภะนั่นไง เป็นคนจัณฑาล เพราะมีแม่เป็นทาส ..อำมาตย์นั่นกลับมาจึงเอาเรื่องนี้มาทูลเล่าให้เจ้าชายวิฑูทภะฟัง เจ้าชายจึงเกิดความโกรธแค้นต่อศากยวงศ์อย่างสุดๆ ที่ถูกเหยียดหยามอย่างสุดๆครั้งนี้ ..ตั้งใจไว้ว่า เมื่อได้เป็นกษัตริย์เมื่อใด จะยกกองทัพมาทำลายศากยวงศ์ให้สิ้นซาก เมื่อเจ้าชายวิฑูทภะกลับมา ก็กราบทูลเรื่องนี้ต่อพระราชบิดา คือพระเจ้าปเสนทิ เมื่อพระเจ้าปเสนทิรับทราบเรื่องนี้ ก็ไม่ได้ทรงว่าอะไร แต่มีข้อสงสัยข้องใจอยู่บ้าง จึงไปกราบทูลถามปัญหานี้กับพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าจึงทรงตอบว่า เรื่องการนับเชื้อสายของบุตรธิดา เขาถือว่าทางฝ่ายบิดาเป็นใหญ่มาแต่โบราณ ดังนั้น เจ้าชายวิฑูทภะ ก็ยังถือว่าเป็นเชื้อสายกษัตริย์ นั่นแหละ ไม่ใช่จัณฑาล พระเจ้าปเสนทิ ก็ทรงหายข้องใจ แต่ในใจของพระเจ้าวิฑูทภะไม่หาย ยังคงเก็บความแค้นไว้เท่าเดิม
ต่อมาเมื่อเจ้าชายวิฑูทภะได้ขึ้นเป็นกษัตริย์ ต่อจากพระบิดา จึงได้ยกกองทัพไปทำลายศากยวงศ์ ซึ่งการยกไป ๒ ครั้งแรก ก็ถูกพระพุทธเจ้าเสด็จไปทรงขัดขวางไว้ จึงยินยอมยกทัพกลับ แต่ยังยกทัพไปอีกครั้งที่ ๓ ซึ่งครั้งนี้พระพุทธเจ้าไม่ได้เสด็จไปอีก เพราะทรงพิจารณาเห็นกรรมเก่าแต่อดีตชาติของพวกศากยวงศ์ ที่เคยทำกรรมไปฆ่าสัตว์พร้อมๆกัน บัดนี้ถึงเวลาแล้วที่อดีตกรรมนั่นจะมาส่งผล มาทำลายชีวิตพวกศาสยวงศ์กลุ่มนี้ พระพุทธเจ้าจึงทรงนิ่งเฉยในครั้งนี้
กองทัพของพระเจ้าวิฑูทภะจึงยกกองทัพไปทำลายล้างศากยวงศ์ มีบางส่วนรอดมาได้ สำหรับผู้ที่เอาหญ้ามาคาบไว้ในปาก เมื่อถูกทหารของวิฑูทภะถามว่า "เจ้าเป็นศากยวงศ์หรือไม่" ก็ตอบว่า "ไม่ใช่ เราเป็นหญ้า" เพราะมีความเชื่อกันว่าเหล่าศากยวงศ์จะไม่ยอมพูดโกหก ในเมื่อต้องโกหกเพื่อเอาชีวิตรอด จะพูดตรงๆก็ไม่ได้จึงใช้วิธีนี้เลี่ยงไป ส่วนศากยะวงศ์ที่เหลือก็ถูกสังหารจนสิ้นราชวงศ์
 
 
 
==อ้างอิง==
เข้าถึงจาก "https://th.wikipedia.org/wiki/สักกะ"