ผลต่างระหว่างรุ่นของ "กรมหลวงโยธาทิพ"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Lady win (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
ป้ายระบุ: แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 1:
{{กล่องข้อมูล เชื้อพระวงศ์
| พระนาม =ศรีสุพรรณ
| สีพิเศษ = #ffcc00
| วันประสูติ = พ.ศ. 2181<ref name= "กัลยาณี1">''พระบรมราชินีและเจ้าจอมมารดาแห่งราชสำนักสยาม'', หน้า 25</ref>
| สีอักษร = #8f5f12
| วันสวรรคต = พ.ศ. 22492258<ref name="กัลยาณี1"/> (70ราว 77 ปี)
| พระนาม =ศรีสุพรรณ<ref>{{cite web |url=http://www.vajiravudh.ac.th/VC_Annals/vc_annal2.htm|title=โรงเรียนยุพราชพระราชวังสราญรมย์|author=วรชาติ มีชูบท|date=|work= |publisher=จดหมายเหตุวชิราวุธ|accessdate=21 มิถุนายน 2557}}</ref><ref>{{cite web |url=http://digi.library.tu.ac.th/journal/0263/1_3_mar_2550/11PAGE51_PAGE67.pdf|title=กรุงเทพมหานครกับภูมิหลังการสร้างวัง|author=จารุณี ฐานรตาภรณ์|date=มีนาคม 2550|work= |publisher=วารสารยุติธรรมปริทัศน์|accessdate=21 มิถุนายน 2557}}</ref>
| วันประสูติ = พ.ศ. 2179<ref name="โยธาทิพ" />
| วันสวรรคต = พ.ศ. 2249 (70 ปี)
| พระอิสริยยศ = [[เจ้าฟ้าต่างกรม]]
| พระบิดา = [[สมเด็จพระเจ้าปราสาททอง]]
| พระมารดา = พระนางสิริธิดา<ref name="ประวัติ">[[หม่อมหลวงมานิจ ชุมสาย|M.L. Manich Jumsai]] (เขียน) ธิติมา พิทักษ์ไพรวัน (แปล). ''สมเด็จพระนารายณ์ และโกษาปาน''. กรุงเทพฯ : คุรุสภาลาดพร้าว, 2531, หน้า 17</ref>
| พระมารดา = พระนางสิริธิดา พระราชเทวี
| พระราชสวามี = [[สมเด็จพระเพทราชา]]
| พระอัครมเหสี =
| พระราชโอรส/ธิดา = เจ้าฟ้า[[เจ้าพระขวัญ]]
| พระมเหสี =
| ราชวงศ์ = [[ราชวงศ์ปราสาททอง|ปราสาททอง]] <small>(ประสูติ)</small><br>[[ราชวงศ์บ้านพลูหลวง|บ้านพลูหลวง]] <small>(อภิเษกสมรส)</small>
| พระราชสวามี = [[พระเพทราชา]]
| พระราชโอรส/ธิดา = เจ้าฟ้า[[เจ้าพระขวัญ]]
| ราชวงศ์ = [[ราชวงศ์ปราสาททอง]]
| ทรงราชย์ =
| พิธีบรมราชาภิเษก =
| ระยะเวลาครองราชย์ =
| รัชกาลก่อนหน้า =
| รัชกาลถัดมา =
}}
 
'''กรมหลวงโยธาทิพ''' มีพระนามเดิมว่า '''เจ้าฟ้าศรีสุพรรณ'''<ref>{{cite web |url=http://www.vajiravudh.ac.th/VC_Annals/vc_annal2.htm|title=โรงเรียนยุพราชพระราชวังสราญรมย์|author=วรชาติ มีชูบท|date=|work= |publisher=จดหมายเหตุวชิราวุธ|accessdate=21 มิถุนายน 2557}}</ref><ref>{{cite web |url=http://digi.library.tu.ac.th/journal/0263/1_3_mar_2550/11PAGE51_PAGE67.pdf|title=กรุงเทพมหานครกับภูมิหลังการสร้างวัง|author=จารุณี ฐานรตาภรณ์|date=มีนาคม 2550|work= |publisher=วารสารยุติธรรมปริทัศน์|accessdate=21 มิถุนายน 2557}}</ref> บ้างออกพระนามว่า '''พระราชกัลยาณี'''<ref name="เจิม1">''พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม) และเอกสารอื่น'', หน้า 285</ref><ref name= "กัลยาณี">''พระบรมราชินีและเจ้าจอมมารดาแห่งราชสำนักสยาม'', หน้า 23</ref> (พ.ศ. 2179–2249)<ref name="กัลยาณี1"/> เป็นพระราชธิดาใน[[สมเด็จพระเจ้าปราสาททอง]]และเป็นพระราชขนิษฐาใน[[สมเด็จพระนารายณ์มหาราช]] ภายหลังได้เป็นที่พระอัครมเหสีฝ่ายขวาใน[[สมเด็จพระเพทราชา]] ประสูติการพระราชโอรสพระองค์หนึ่งพระนาม[[เจ้าพระขวัญ]]
'''สมเด็จเจ้าฟ้าศรีสุพรรณ กรมหลวงโยธาทิพ''' บ้างออกพระนามว่า '''พระราชกัลยาณี'''<ref name= "กัลยาณี">ส.พลายน้อย. ''พระบรมราชินีและเจ้าจอมมารดาแห่งราชสำนักสยาม''. พิมพ์ครั้งที่ 5. กรุงเทพฯ:ฐานบุ๊คส์, หน้า 23</ref> เป็นพระราชธิดาใน[[สมเด็จพระเจ้าปราสาททอง]] ที่ประสูติแต่พระนางสิริธิดา เมื่อปีกุน [[พ.ศ. 2179]] เป็นพระขนิษฐาร่วมพระชนนีใน[[สมเด็จพระนารายณ์มหาราช]] พระมหากษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยา หลังจากพระราชเทวี สิริกัลยาณีประสูติพระธิดาพระองค์นี้แล้วก็ทรงตกพระโลหิตและสวรรคต ในขณะที่พระราชกัลยาณีมีพระชนมายุเพียง 9 วัน สมเด็จพระเจ้าปราสาททองจึงแต่งตั้งให้พระองค์บัว ([[เจ้าแม่วัดดุสิต]]) และพระนมเปรม อภิบาลและพระนม พระราชกัลยาณีทรงเป็นกุลสตรีที่ทรงพระสิริโฉม<ref>[http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=mcpan&month=12-01-2006&group=2&gblog=3 สมเด็จพระนารายณ์มหาราช]</ref>
 
== พระราชตระกูลประวัติ ==
หลังจาก[[สมเด็จพระเจ้าปราสาททอง]]เสด็จสรรคต เจ้าฟ้าไชยจึงเสด็จขึ้นครองราชสมบัติแห่งกรุงศรึอยุธยาสืบต่อพระราชบิดา แต่สมเด็จพระนารายณ์ไม่ทรงเห็นด้วย จึงส่งคนสอดออกมาคิดราชการด้วย[[พระศรีสุธรรมราชา]]ผู้เป็นพระเจ้าอา พระเจ้าอาก็กำหนดเข้าไปครั้งเพลาค่ำ สมเด็จพระนารายณ์ก็พาพระราชกัลยาณีหนีออกมาทางประตูตัดสระแก้วไปหาพระเจ้าอา แล้วร่วมกันสุมผู้คนยกเข้ามาในพระราชวัง กุมเอาเจ้าฟ้าไชยไปสำเร็จโทษเสีย ณ วัดโคกพระยา พระศรีสุธรรมราชาจึงได้ราชสมบัติสืบต่อมา
=== พระชนม์ชีพตอนต้น ===
กรมหลวงโยธาทิพ มีพระนามเดิมว่า '''ศรีสุพรรณ''' และยังปรากฏพระนามอื่น ๆ เช่น ''[[พระราชพงศาวดาร ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม)]]'' ออกพระนามว่า '''เจ้าฟ้าทอง'''<ref name="เจิม">''พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม) และเอกสารอื่น'', หน้า 318</ref> หรือ '''พระราชกัลยาณี'''<ref name="เจิม1"/> ใน ''[[คำให้การชาวกรุงเก่า]]'' ระบุพระนามว่า '''อุปละเทวี'''<ref name="กรุงเก่า">''พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม) และเอกสารอื่น'', หน้า 540</ref> เป็นพระราชธิดาใน[[สมเด็จพระเจ้าปราสาททอง]] และมีพระชนนีองค์กันกับ[[สมเด็จพระนารายณ์มหาราช]]<ref name="กัลยาณี"/> [[หม่อมหลวงมานิจ ชุมสาย]] ระบุว่าพระชนนีเป็นพระราชเทวีชื่อศิริธิดา<ref name="ประวัติ"/> ในช่วงที่สมเด็จพระนารายณ์และ[[สมเด็จพระศรีสุธรรมราชา]]คิดยึดอำนาจ[[สมเด็จเจ้าฟ้าไชย]] สมเด็จพระนารายณ์ก็ทรงพาพระราชกัลยาณีหนีออกไปด้วยกัน<ref name="กัลยาณี"/> [[สมบัติ พลายน้อย]] อธิบายว่ากรมหลวงโยธาทิพน่าจะประสูติในปี พ.ศ. 2181 หย่อนพระชันษากว่าพระเชษฐา 6 ปี และมีพระชันษา 18 ปีเมื่อพระเชษฐาเสวยราชย์<ref name="กัลยาณี1"/>
 
เนื่องหลังการยึดอำนาจจากพระราชกัลยาณีมีสิริโฉมงดงามมากสมเด็จเจ้าฟ้าไชย กล่าวกันว่าแม้นใครได้ยลพระราชกัลยาณีแล้วจะมีเสน่หานั้นเป็นไม่มีเลย ดังนั้น เมื่อในรัชกาลสมเด็จพระศรีสุธรรมราชาได้ราชสมบัติแล้วประมาณสองเดือนเศษ ทอดพระเนตรเห็นพระเจ้าอาว์ ทรงต้องพระทัยในรูปลักษณ์ของพระราชกัลยาณีผู้เป็นและมีพระราชนัดดาทรงพระรูปสิริวิลาศ ก็มีพระทัยเสน่หาผูกพัน ปราศจากลัชชีสมโภค จึงให้หาขึ้นไปบนที่หวังประสงค์จะร่วมรสเสพสังวาสกับ พระราชกัลยาณีไหวตัวทัน พระราชกัลยาณีจึงหนีลงมายังพระตำหนักแล้วทรงบอกเหตุกับพระนมให้เหล่าพระสนมช่วย พระนมจึงเชิญพระราชกัลยาณีเข้าไว้แล้วทรงซ่อนตัวในตู้พระสมุด แล้วให้หามออกมา แสร้งว่าจะเอาพระสมุดไปยังพระราชวังบวรสถานมงคล นายประตูก็มิได้สงสัยครั้นไปถึงที่สมเด็จพระราชวังบวรสถานมลคลแล้วนารายณ์ประทับอยู่ พระราชกัลยาณีก็ออกจากตู้แล้วเข้าไปเฝ้าสมเด็จพระนารายณ์ แล้วทรงพระกันแสงกรรแสงและทูลเล่าเหตุการณ์ทั้งปวงเกี่ยวกับพระเจ้าอาให้ฟังเรื่องราวทั้งหมด เมื่อสมเด็จพระนารายณ์ได้ทรงฟังดังนั้นความเช่นนั้นก็ทรงโทมนัสกล่าวด้วยความน้อยพระทัย ตรัสว่า “พระเจ้าอาก็เหมือน<ref>''พระบรมราชบิดา…พงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ควรหรือมาเป็นดังนี้ฉบับพันจันทนุมาศ จะละไว้ก็มิได้(เจิม)'', ด้วยพระองค์ก่อแล้วจะสานตามหน้า จะเสี่ยงเอาบารมีเป็นที่พึ่ง”285</ref>
 
{{คำพูด|อนิจจา พระเจ้าอาเรานี้ คิดว่าสมเด็จพระบิตุราชสวรรคตแล้ว ยังแต่พระเจ้าอาก็เหมือนหนึ่งพระบรมราชบิดายังอยู่ จะได้ปกป้องพระราชวงศานุวงศ์สืบไป ควรหรือมาเป็นได้ดังนี้ พระองค์ปราศจากหิริโอตตัปปะแล้ว ไหนจะครองสมบัติเป็นยุติธรรมเล่า น่าที่จะร้อนอกสมณชีพราหมณ์อาณาประชาราษฎรไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินเป็นแท้ จะละไว้มิได้ ด้วยพระองค์ก่อแล้วจำจะสานตามเถิด จะเสี่ยงเอาบารมีเป็นที่พึ่ง}}
ต่อจากนั้น ก็ตรัสให้หาขุนนางเข้ามาภายในพระราชวัง แล้วจัดแจงแต่งรี้พล สมเด็จพระนารายณ์ฯ เองเสด็จช้างต้นพลายมงคลไอยรา เสด็จไปทางหน้าวัดพลับพลาชัยครั้นสมเด็จพระศรีสุธรรมราชาทราบเหตุจึงจัดทัพเข้าสู้ ได้รบพุ่งกันตั้งแต่ค่ำจนรุ่ง โดยฝ่ายพระนารายณ์มีทหาร[[ญี่ปุ่น]]ร่วมด้วยต่อมา ทหารฝ่ายสมเด็จพระนารายณ์ฯ กระทุ้งประตูเข้าไปในวังได้ สมเด็จพระศรีสุธรรมราชาจึงหนีไปยังวังหลัง แต่ถูกจับได้ พระนารายณ์ฯ ก็ให้ประหารเสียที่[[วัดโคกพระยา]]ตามประเพณี<ref name="โยธาทิพ">[http://ecurriculum.mv.ac.th/elibrary/library/theyoung.net/49_10.htm กรมหลวงโยธาทิพ]</ref>
 
หลังจากนั้นสมเด็จพระนารายณ์จึงรวมขุนนางต่อสู้ยึดอำนาจ และสามารถจับกุมสมเด็จพระศรีสุธรรมราชาได้ จึงนำไปสำเร็จโทษ ณ [[วัดโคกพระยา]]ตามโบราณราชประเพณี<ref>''พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม) และเอกสารอื่น'', หน้า 288</ref>
ครั้นพ้นรัชสมัยของสมเด็จพระนารายณ์ฯ แล้ว พระราชกัลยาณีก็มีบทบาทสำคัญอีก คือเมื่อ[[พระเพทราชา]]ขึ้นครองราชสมบัติ ก็โปรดให้พระราชกัลยาณี (เจ้าฟ้าศรีสุพรรณ) เป็นกรมหลวงโยธาทิพ ดำรงตำแหน่งสมเด็จพระอัคร[[มเหสี]]ฝ่ายขวาข้อนี้ เห็นทีกรมหลวงโยธาทิพจะไม่ร่วมตกลงปลงพระทัยด้วย เพราะเมื่อพระเพทราชาจะเสด็จไปเข้าที่บรรทม ณ พระตำหนักตึกกรมหลวงโยธาทิพ พระนางกลับให้ทูลพระอาการว่าประชวรอยู่ เมื่อเสด็จไปคราวหลังพระนางจึงยินยอม ต่อมาสมเด็จพระอัคร[[มเหสี]]ฝ่ายขวากระหลวงโยธาทิพ ประสูติราชโอรสได้นามว่า [[เจ้าพระขวัญ]]กล่าวกันว่า ในวันประสูติเจ้าพระขวัญนั้น เป็นอัศจรรย์ด้วย[[แผ่นดินไหว]] จึงมีคนนับถือมาก ประกอบกับเป็นพระราชนัดดาของสมเด็จพระนารายณ์ฯ ด้วยเมื่อสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าพระขวัญพระชนม์ครบ 13 พรรษา จึงมีพระราชพิธี[[โสกันต์]] ณ [[พระที่นั่งสรรเพชญ์มหาปราสาท]]ต่อมา กรมพระราชวังบวร ([[พระเจ้าเสือ]]) ทรงพระราชดำริแคลงเจ้าพระขวัญ ด้วยเห็นข้าไทมาก จึงร่วมคิดกับเจ้าฟ้าเพชรคอยทีอยู่เมื่อพระเพทราชาประชวรหนักใกล้สวรรคต จึงให้มหาดเล็กไปทูลเชิญเจ้าพระขวัญ ว่ามีรับสั่งให้ไปเฝ้า เพื่อให้ทรงม้าเทคให้ทอดพระเนตร เจ้าพระขวัญกำลังเสวยผลอุลิตหวานค้างอยู่ เมื่อทราบว่ามีรับสั่งให้หาก็มิได้เสวยต่อไป และซีกซึ่งยังมิได้เสวยนั้นเอาใส่ไว้ในเครื่อง แล้วทูลลาสมเด็จมารดา เสด็จไปเฝ้ากรมพระราชวังบวร ณ พระตำหนักหนองหวาย เมื่อเจ้าพระขวัญไปถึง ก็มีพระบัณฑูรห้ามพระพี่เลี้ยงและข้าไททั้งปวงมิให้เสด็จเข้าไป และให้ปิดประตูกำแพงแก้ว แล้วให้จับเจ้าพระขวัญสำเร็จโทษด้วยท่อนจันทร์ ต่อจากนั้นให้เอาพระศพใส่ถุงแล้วใส่ลงในแม่ขัน ให้ข้าหลวงเอาไปฝังไว้ ณ วัดโคกพระยาพี่เลี้ยงและข้าไททั้งปวงจึงชวนกันร้องไห้ แล้วกลับไปทูลเจ้าฟ้ากรมหลวงโยธาทิพ <ref name="โยธาทิพ" />
 
เมื่อ[[สมเด็จพระนารายณ์มหาราช]]เสวยราชย์ พระราชกัลยาณีได้รับการสถาปนาขึ้นเป็น'''กรมหลวงโยธาทิพ''' คู่กับเจ้าฟ้าสุดาวดี พระราชธิดา ที่ได้รับการสถาปนาเป็น'''[[กรมหลวงโยธาเทพ]]''' คู่กัน
เหตุการณ์ตอนนี้ เป็นเรื่องราวของอภินิหาร พระราชพงศาวดารกล่าวว่า สมเด็จพระอัคร[[มเหสี]] เจ้าฟ้ากรมหลวงโยธาทิพ เมื่อเจ้าพระขวัญทูลลาไปนั้น กำลังเข้าที่บรรทมอยู่ พอเคลิ้มหลับก็ได้ยินพระราชบุตรมาทูลว่า ข้าพเจ้าขอพระราชทานผลอุลิตหวานซีกซึ่งเหลืออยู่นั้นเสวยต่อไป ก็ตกพระทัยตื่นขึ้นมาทันทีทันใดพอดีกับมหาดเล็กมาทูลว่าเจ้าพระขวัญถูกปลงพระชนม์ เจ้าฟ้ากรมหลวงโยธาทิพได้ฟังก็ตกพระทัย ทรงพระกันแสงถึงพระราชบุตร แล้วเสด็จขึ้นไปเฝ้าพระเพทราชา ซึ่งกำลังทรงพระประชวรหนัก พระเพทราชาได้ทรงฟังก็ทรงเศร้าโศกเสียพระทัยอาลัยในพระราชโอรส จึงตรัสเวนราชสมบัติให้แก่[[เจ้าพระยาพิไชยสุรินทร์]] ราชนิกูล และเสด็จสวรรคตในคืนนั้นเอง แต่เจ้าพระพิไชยสุรินทร์ไม่กล้ารับราชสมบัติ จึงน้อมถวายราชสมบัติแด่พระเจ้าเสือ<ref name="โยธาทิพ" />
 
===ปลายพระชนม์ ===
เมื่อพระเจ้าเสือได้ราชสมบัติแล้ว สมเด็จพระอัคร[[มเหสี]]ฝ่ายขวา กรมหลวงโยธาทิพก็ทูลลาออกไปตั้งพระตำหนักอยู่ที่ใกล้พระอาราม[[วัดพุทไธศวรรย์]] พร้อมกับ[[กรมหลวงโยธาเทพ]] สมเด็จพระอัคร[[มเหสี]]ฝ่ายซ้ายของสมเด็จพระเพทราชา สมเด็จพระอัคร[[มเหสี]] เจ้าฟ้าฯ กรมหลวงโยธาทิพ ได้เสด็จสวรรคต ณ พระตำหนักนั้นเอง<ref name="โยธาทิพ" /> พระองค์เสด็จสวรรคต ณ พระตำหนักใกล้[[วัดพุทไธศวรรย์]] ช่วงปี [[พ.ศ. 2249]]<ref>สมภพ ภิรมย์, ศาสตราจารย์ น.อ.. ''พระเมรุมาศ พระเมรุ และเมรุ สมัยกรุงรัตนโกสินทร์''. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ:อมรินทร์การพิมพ์. 2528, หน้า 63</ref>
''[[พระราชพงศาวดาร ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม)]]'' ว่า[[สมเด็จพระเพทราชา]]ตั้งพระองค์เป็นพระอัครมเหสีซ้าย<ref name="เจิม"/> ส่วน ''[[คำให้การชาวกรุงเก่า]]'' ระบุว่าเป็นพระอัครมเหสีฝ่ายขวา<ref name="กรุงเก่า"/> มีพระราชโอรสเพียงพระองค์เดียวคือ[[เจ้าพระขวัญ]] แต่พระราชโอรสพระองค์นี้ก็อยู่ให้ชื่นชมโสมนัสได้ไม่นาน ก็ถูก[[สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 8|กรมพระราชวังบวรสถานมงคล (เดื่อ)]] ลวงไปสำเร็จโทษ สิ้นพระชนม์ก่อนการเสด็จสวรรคตของสมเด็จพระเพทราชาไม่นานนัก กรมหลวงโยธาทิพคงจะโทมนัสและตรอมพระทัยยิ่งนัก ทรงหันเข้าหาพระศาสนาเป็นที่พึ่ง ทรงทูลลา[[สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 8]] ออกไปตั้งตำหนักใกล้[[วัดพุทไธสวรรย์]]<ref>''พระบรมราชินีและเจ้าจอมมารดาแห่งราชสำนักสยาม'', หน้า 24</ref> และผนวชเป็น[[แม่ชี|รูปชี]]
 
กรมหลวงโยธาทิพเสด็จสวรรคตในรูปชี (ในพงศาวดารใช้คำว่า ''เสด็จ[[นิพพาน]]'') [[สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระ]]ทรงโปรดเกล้าฯ ให้ทำ[[พระเมรุมาศ]] ให้เชิญพระศพขึ้น[[พระมหาพิชัยราชรถ]]แห่แหนด้วยดุริยางคดนตรีไปถึงพระเมรุมาศ มีการทิ้งทานต้นกัลปพฤกษ์และมีการเล่นมหรสพ พระสงฆ์สดัปกรณ์ 10,000 คำรบสามวัน แล้วถวายพระเพลิง ครั้นดับพระเพลิงแล้วจึงแจงพระรูป พระสงฆ์สดัปกรณ์อีก 100 รูป เก็บพระอัฐิในพระโกศน้อย แห่เข้ามาบรรจุไว้ท้ายจระนำในวิหารใหญ่[[วัดพระศรีสรรเพชญ์]]<ref>''พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม) และเอกสารอื่น'', หน้า 351</ref>
== พระราชตระกูล ==
 
<center>
== อ้างอิง ==
'''พระตระกูลในสมเด็จเจ้าฟ้าศรีสุพรรณ กรมหลวงโยธาทิพ (โดยสมมติฐาน)'''
; เชิงอรรถ
</center>
{{รายการอ้างอิง|2}}
<center>
; บรรณานุกรม
{{ahnentafel-compact5
{{เริ่มอ้างอิง}}
|style=font-size: 90%; line-height: 110%;
* {{อ้างหนังสือ | ผู้แต่ง = ส. พลายน้อย | ชื่อหนังสือ = พระบรมราชินีและเจ้าจอมมารดาแห่งราชสำนักสยาม | URL =| พิมพ์ที่ = ฐานบุ๊คส์ | จังหวัด = กรุงเทพฯ | ปี = 2554 | ISBN = 978-616-7058-58-0| จำนวนหน้า = 368}}
|border=1
* {{อ้างหนังสือ | ผู้แต่ง =| ชื่อหนังสือ = ประชุมคำให้การกรุงศรีอยุธยา รวม 3 เรื่อง | URL =| พิมพ์ที่ = แสงดาว | จังหวัด = กรุงเทพฯ | ปี = 2553 | ISBN = 978-616-508-073-6| จำนวนหน้า =536}}
|boxstyle=padding-top: 0; padding-bottom: 0;
* {{อ้างหนังสือ| ผู้แต่ง = | ชื่อหนังสือ = พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม) และเอกสารอื่น| จังหวัด = นนทบุรี| พิมพ์ที่ = ศรีปัญญา| ปี = 2553| ISBN = 978-616-7146-08-9| จำนวนหน้า = 800}}
|boxstyle_1=background-color: #fcc;
{{จบอ้างอิง}}
|boxstyle_2=background-color: #fb9;
|boxstyle_3=background-color: #ffc;
|boxstyle_4=background-color: #bfc;
|boxstyle_5=background-color: #9fe;
|1= '''สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมหลวงโยธาทิพ'''
|2= [[สมเด็จพระเจ้าปราสาททอง]]
|3= [[พระราชเทวี สิริกัลยาณี]]
|4= [[สมเด็จพระเอกาทศรถ]]
|5= [[นางอิน]]
|6= [[สมเด็จพระเจ้าทรงธรรม]]
|7= ''ไม่ปรากฏพระนาม''
|8= [[สมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราช]]
|9= [[พระวิสุทธิกษัตริย์]]
|10=
|11=
|12=[[สมเด็จพระเอกาทศรถ]]
|13=พระสนมไม่ปรากฏพระนาม
|14=
|15=
|16= ''ไม่ปรากฏพระนาม''<br>สืบเชื้อสายจาก[[ราชวงศ์พระร่วง]]
|17= ''ไม่ปรากฏพระนาม''<br>ราชนิกูลใน[[ราชวงศ์สุพรรณภูมิ]]
|18= [[สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ]]
|19= [[สมเด็จพระศรีสุริโยทัย]]
|24= [[สมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราช]]
|25= [[พระวิสุทธิกษัตริย์]]
}}</center>
 
== อ้างอิง ==
{{รายการอ้างอิง}}
{{เจ้านายทรงกรมสมัยกรุงศรีอยุธยา}}
 
{{เรียงลำดับ|ศรีสุพรรณโยธาทิพ}}
{{เกิดปี|2179}}
{{ตายปี|2249}}
[[หมวดหมู่:มเหสี]]
[[หมวดหมู่:เจ้าฟ้า]]
[[หมวดหมู่:กรมหลวง|โยธาทิพ]]
[[หมวดหมู่:ราชวงศ์ปราสาททอง]]
[[หมวดหมู่:เจ้านายทรงกรมสมัยกรุงศรีอยุธยา]]
[[หมวดหมู่:พระราชบุตรในสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง]]
{{เกิดปี|2179}}
{{ตายปี|2249}}
{{โครงชีวประวัติ}}