พวกน่านเจ้าเข้ามาทางตอนเหนือของพม่าและทำสงครามกับพวก[[ปยู]] อาณาจักรมอญที่สะเทิมขยายอำนาจขึ้นไปทางภาคกลางของลุ่ม[[แม่น้ำอิรวดี]]ระยะหนึ่ง แต่เมื่อชนชาติพม่ามีอำนาจเหนืออาณาจักรปยู และได้ขยายอำนาจลงมาทางใต้เข้ารุกรานมอญ มอญจึงถอยลงมาดังเดิมและได้สร้างเมืองหลวงขึ้นใหม่ เมื่อปี พ.ศ. 1368 ที่ [[หงสาวดี]]
[[พระเจ้าอโนรธา]] กษัตริย์พม่าแห่ง[[พุกาม]] ยกทัพมาตีอาณาจักรสุธรรมวดีและกวาดต้อนผู้คน ทรัพย์สมบัติ พระสงฆ์ พระไตรปิฎก กลับไปพุกามจำนวนมาก ต่อมาระหว่างปี 1600-1830 กรุงหงสาวดี ตกอยู่ใต้อำนาจพุกาม แต่กระนั้นพม่าก็รับวัฒนธรรมมอญมาด้วย ไม่ว่าจะเป็น[[ภาษามอญ]]ได้แทนที่[[ภาษาบาลี]]และ[[สันสกฤต]]ในจารึกหลวง และพุทธศาสนานิกายเถรวาทได้เป็นศาสนาที่นับถือสูงสุดในพุกาม มอญยังมีความใกล้ชิดกับลังกา ซึ่งขณะนั้นเป็นศูนย์กลางของพุทธศาสนานิกายเถรวาท และนิกายเถรวาทก็แพร่กระจายไปทั่ว[[เอเชียอาคเนย์]]
[[พระเจ้ากยันสิทธะจั่นซิตา]]ทรงดำเนินนโยบายผูกมิตรกับราชตระกูลของพระเจ้ามนูหะ กษัตริย์มอญแห่งสะเทิม โดยยกพระราชธิดาให้กับเจ้าชายมอญ พระนัดดาที่ประสูติจากทั้งสองพระองค์นี้ ก็ขึ้นครองราชย์ต่อจากพระองค์ พระนามว่า [[พระเจ้าอลองสิธู|อลองคะสิทธู]] ในยุคที่พระองค์ปกครองอาณาจักรพุกามได้รวมตัวกันเป็นปึกแผ่นที่สุด นอกจากนี้ในสมัยของ[[พระเจ้ากยันสิทธะ]] ในจั่นซิตามีศิลาจารึกยกย่องไว้ว่า "วัฒนธรรมมอญ"เหนือกว่าวัฒนธรรมพม่าด้วย
ต่อมาในปี [[พ.ศ. 1830]] [[จักรวรรดิมองโกล]]ยกทัพมาตีพม่าพุกาม ทำให้มอญได้รับเอกราชอีกครั้ง มะกะโท หรือ[[พระเจ้าฟ้ารั่ว]] หรือวาเรรุ ราชบุตรเขยของ[[พ่อขุนรามคำแหง]]ได้ทรงกอบกู้เอกราช[[มอญ]]จาก[[พม่า]] และสถาปนา [[ราชอาณาจักรหงสาวดี]] พระองค์มีมเหสีเป็นราชธิดาของ[[พ่อขุนรามคำแหง]] กษัตริย์ของไทย มีศูนย์กลางการปกครองอยู่ที่[[เมืองเมาะตะมะ]] ต่อมาในสมัยพญาอู[[พระยาอู่]] ได้ย้ายราชธานีมาอยู่ ณ เมืองพะโคหรือ[[หงสาวดี]] ราชบุตรของพระองค์คือพญาน้อย ซึ่งต่อมาก็คือ[[พระเจ้าราชาธิราช]] ผู้ทำสงครามยาวนานกับกษัตริย์พม่าอังวะ ในสมัย[[พระเจ้าซวาส่อแกฝรั่งมังศรีชวา|พระเจ้าสวาซอเก]] กับสมัย[[พระเจ้ามีฝรั่งมังฆ้อง|พระเจ้ามิงคอง]] (คนไทยเรียกว่า พระเจ้าฝรั่งมังฆ้อง ในหนังสือเรื่อง [[ราชาธิราช]]) ขุนพลสำคัญของพระเจ้าราชาธิราช ก็คือ [[สมิงพระราม]] [[สมิงนครอินทร์|ละกูนเอง]] และ[[แอมูน-ทยา]] ในสมัยของพระเจ้าราชาธิราชนั้น [[หงสาวดี]]กลายเป็นอาณาจักรที่มีอาณาเขตกว้างใหญ่ ครอบคลุมตั้งแต่ชายฝั่งทะเล[[อ่าวเบงกอล]] จาก[[แม่น้ำอิรวดี]]ขยายลงไปทางตะวันออกถึง[[แม่น้ำสาละวิน]] และเป็นศูนย์กลางทางการค้าที่ใหญ่โตมีเมืองท่าที่สำคัญหลายแห่งในหลายลุ่มน้ำ เช่น [[เมาะตะมะ]] [[แม่น้ำสะโตง|สะโตง]] [[พะโค]] [[พะสิม]] อาณาจักรมอญยุคนี้เจริญสูงสุดในสมัย[[พระนางเชงสอบู]]และสมัย[[พระเจ้าธรรมเจดีย์]] หลังจากนั้นในสมัยพระเจ้าทาคายุพิน[[หงสาวดีพระเจ้าสการะวุตพี]]หงสาวดีก็เสียแก่[[พระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้]] ในปี พ.ศ. 2094 2081
พ.ศ. 2283 [[สมิงทอพุทธกิตติ|สมิงทอพุทธิเกศ]] กู้เอกราชคืนมาจาก[[พม่า]]ได้สำเร็จ และสถาปนา [[ราชอาณาจักรหงสาวดีใหม่]] ทั้งได้ยกทัพไปตี[[อังวะ|เมืองอังวะ]] ในปี พ.ศ. 2290 พระยา[[พญาทะละ ]]ได้ครองอำนาจแทนสมิงทอพุทธิเกศ ขยายอาณาเขตอย่างกว้างขวางทำให้[[อาณาจักรตองอู]]ของพม่าสลายตัวลง จนในปี พ.ศ. 2300 [[พระเจ้าอลองพญา]] ก็กู้อิสรภาพของ[[พม่า]]กลับคืนมาได้ ทั้งยังได้โจมตีมอญ กษัตริย์องค์สุดท้ายของมอญคือ พระเจ้าพญามองธิราชธิราชหรือพญาทะละ<ref>[http://www.monstudies.com/show_content.php?topic_id=135&main_menu_id=1 มอญ : ชนชาติบนแผ่นดินสุวรรณภูมิ]</ref>
== วัฒนธรรม ==
=== ภาษาและอักษรมอญ ===
{{บทความหลัก|อักษรมอญ|ภาษามอญ}}
[[ภาษามอญ]] มีการใช้มานานประมาณ 3,000-4,000 ปี เป็นภาษาในสาขามอญ (Monic) มีผู้ใช้ภาษานี้อยู่ประมาณ 5,000,000 คน ส่วนอักษรมอญ พบหลักฐานในประเทศไทยที่จารึก[[วัดโพธิ์ร้าง]] อายุราวพุทธศตวรรษ 12 เป็นอักษรมอญโบราณที่เก่าแก่ที่สุด ในบรรดาจารึกภาษามอญที่ได้ค้นพบในแถบเอเซียอาคเนย์ เป็นจารึกที่เขียนด้วยตัว[[อักษรปัลลวะ]] ที่ยังไม่ได้ดัดแปลงให้เป็น [[อักษรมอญ]] พบว่ามีการประดิษฐ์อักษรมอญขึ้นเพื่อให้พอกับเสียงในภาษามอญ<ref name="พ"/> และในจารึกเสาแปดเหลี่ยมที่ศาลสูง เมือง[[ลพบุรี]] จารึกในพุทธศตวรรษที่ 14 ราว [[พ.ศ. 1314]] เป็นตัวอักษรมอญโบราณหลังปัลลวะ มีเนื้อหาเกี่ยวกับ[[พระพุทธศาสนา]]<ref>http://www.sac.or.th/databases/inscriptions/inscribe_detail.php?id=921</ref>
หลักฐานจารึกในสมัยกลางประมาณ [[พ.ศ. 1600]] เป็นต้นมา บันทึกทั้งภาษามอญและอักษรมอญ ซึ่งพม่าก็รับอักษรมอญมาใช้เขียน[[ภาษาพม่า]]เป็นครั้งแรก ประมาณพุทธศตวรรษที่ 16-17 ตัวอักษรได้คลี่คลายจากตัวอักษรปัลลวะ เป็นตัวอักษรสี่เหลี่ยมหรืออักษรมอญโบราณ และเปลี่ยนแปลงขนาดเล็กลงในระยะต่อมา จนในพุทธศตวรรษที่ 21 ก็ได้กลายเป็นอักษรมอญปัจจุบัน ที่มีลักษณะกลม สันนิษฐานว่าเกิดจากการจารหนังสือโดยใช้เหล็กจารลงบน[[ใบลาน]] อักษรมอญยุคนี้มีอายุ ประมาณ 400 ปีเศษ<ref>[http://www.monstudies.com/show_content.php?topic_id=68&main_menu_id=3 อักษรมอญ]</ref>
ภาษามอญจัดอยู่ใน[[ตระกูลภาษาออสโตรเอเชียติก]] (Austroasiatic Languages) ซึ่งเป็นภาษาที่ใช้กันอยู่ในแถบ[[อินโดจีน]]และทางตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดีย และเมื่อพิจารณาลักษณะทาง[[ไวยากรณ์]] ภาษามอญจัดอยู่ในประเภท[[ภาษาคำติดต่อ]] (Agglutinative) อยู่ในกลุ่มภาษาตะวันออกเฉียงใต้ (South Eastern Flank Group) นักภาษาศาสตร์ที่ชื่อ [[วิลเฮมวิลเฮล์ม สชมิตชมิดท์]] (Willhelm Schmidt) ได้จัดให้อยู่ในตระกูลภาษาสายใต้ (Austric Southern family)
[[พระยาอนุมานราชธน]] ได้กล่าวถึงภาษามอญไว้ว่า "ภาษามอญ นั้นมีลักษณะเป็นภาษาคำโดด ซึ่งมีรูปภาษาคำติดต่อปน ลักษณะคำมอญ จะมีลักษณะเป็นคำพยางค์เดียว หรือสองพยางค์ ส่วนคำหลายพยางค์ เป็นคำที่ได้รับอิทธิพลจากภาษาต่างประเทศ เช่น [[ภาษาบาลี]]และ[[สันสกฤต]] และคำที่เกิดจากการเติมหน่วยคำผสาน กล่าวคือ การออกเสียงของคำซึ่งไม่เน้นการออกเสียงใน[[พยางค์]]แรก จะสร้างคำโดยการใช้การผสานคำ (affixation) กับคำพยางค์แรก เพื่อให้มีหน้าที่ทางไวยากรณ์ อีกทั้งการใช้หน่วยผสานกลางศัพท์ และการใช้สระต่าง ๆ กับพยางค์แรก ในคำสองพยางค์ ก็จะเป็นการช่วยเน้นให้พยางค์แรกเด่นชัดขึ้นด้วย แต่พยางค์หลังเป็นส่วนที่มีความหมายเดิม"
สรุปคือ ภาษามอญเป็นภาษาที่มีโครงสร้างไม่ซับซ้อน ไม่มีการผัน[[คำนาม]] [[คำกริยา]] ตามกฎบังคับทางไวยากรณ์ ประโยคประกอบด้วยคำที่ทำหน้าประธาน กริยา และกรรม ส่วนขยายอยู่หลังคำที่ถูกขยาย<ref>[http://www.monstudies.com/show_content.php?topic_id=158&main_menu_id=3 ภาษามอญ]</ref>
ในปัจจุบันชาวมอญรุ่นหลังหันมาใช้ภาษาพม่ากันมาก และมีจำนวนมากที่เลิกใช้[[ภาษามอญ]] จนคิดว่าตนเป็นพม่า อีกทั้งไม่ทราบว่าตนมีเชื้อสายมอญ จากการสำรวจประชากรมอญในปี ค.ศ. 1931 พบว่ามีจำนวนแค่ 3 แสน 5 หมื่นคน ต่อมาในปี ค.ศ. 1939 ได้มีการก่อตั้งสมาคมชาวมอญและมีการสำรวจประชากรมอญอีกครั้ง พบว่ามีราว 6 แสนกว่าคน พอต้นสมัยสังคมนิยมสำรวจได้ว่ามีชาวมอญราว 1 ล้านกว่าคน ชาวมอญที่ยังพูดภาษามอญในชีวิตประจำวันส่วนใหญ่อาศัยอยู่ใน [[รัฐมอญ]] แต่ในเขตเมืองก็จะพบแต่ชาวมอญที่พูดภาษาพม่าเป็นส่วนมาก<ref name="วิรัช นิยมธรรม">วิรัช นิยมธรรม, [http://www.monstudies.com/show_content.php?topic_id=149&main_menu_id=1 มอญ : ต้นตออารยธรรมอุษาคเนย์] เรียบเรียงจากข้อเขียนของนายปันหละ พิมพ์ในสารานุกรมพม่า ฉบับที่ 10 </ref>
ใน[[ประเทศไทย]]เอง ก็มีการใช้[[ภาษามอญ]]ในการสื่อสารในตามชุมชนมอญแต่ละชุมชนในจังหวัดต่าง ๆ และในแต่ละชุมชนนั้นเองก็มีสำเนียงเฉพาะที่แตกต่างกันไปในชุมชนตามที่อาศัย ซึ่งอาจได้รับอิทธิพลจากชุมชนอื่นที่ไม่ใช่ชาวมอญซึ่งอยู่ใกล้เคียงกัน โดยในบางชุมชนยังคงมีการสอนลูกหลานให้พูดภาษามอญกัน แต่บางชุมชนภาษามอญก็มีการใช้สื่อสารน้อยลง แต่อย่างไรก็ตามใน[[จังหวัดสมุทรสาคร]] ก็มีชาวมอญจาก[[ประเทศพม่า]] ที่อพยพเข้ามาเป็นแรงงานต่างด้าวในจังหวัด ซึ่งได้นำภาษาพูดและภาษาเขียนกลับเข้ามาในชุมชนมอญแถบมหาชัยอีกครั้งหนึ่ง ทำให้มีการใช้ภาษามอญรวมไปถึงป้ายข้อความภาษามอญให้พบเห็นโดยทั่วไป<ref>สุกัญญา เบาเนิด [http://www.muangboranjournal.com/modules.php?name=Sections&op=printpage&artid=173 ว่าด้วยตัวตนคนมอญย้ายถิ่นในมหาชัย]. วารสารเมืองโบราณ</ref>
=== ศิลปะ ===
ขนบธรรมเนียมประเพณีของชาวมอญนั้น มีวัฒนธรรมเป็นแบบฉบับมายาวนาน บางอย่างมีอิทธิพลให้กับชนชาติใกล้เคียง เช่น [[ประเพณีสงกรานต์]] [[ข้าวแช่]] ฯลฯ บางอย่างก็ถือปฏิบัติกันแต่เฉพาะในหมู่ชนมอญเท่านั้น ชาวมอญมีเลื่อมใสใน[[พระพุทธศาสนา]]อย่างลึกซึ้ง ขณะเดียวกันก็นับถือผีบรรพบุรุษกับผีอื่น ๆ ที่มีอิทธิฤทธิ์ รวมทั้ง[[เทวดา]]องครักษ์<ref>http://www.thaiws.com/pmch/monstudies.htm</ref>
ประเพณีแห่หงส์ ธงตะขาบ ของภาคกลางที่เรียกว่า ประเพณีแห่หงส์ ธงตะขาบ กำเนิดขึ้นใน [[จ.จังหวัดสมุทรปราการ]] โดยชาวพระประแดง (มอญปาก-ลัด) ปกติมักจัดขึ้นในช่วงเวลา วันที่ 13 เมษายนของทุกปี หรือตรงกับวันสงกรานต์นั่นเอง ความเป็นมาหรือสาระสำคัญของประเพณีแห่หงส์ ธงตะขาบ ก็เพื่อเป็นการระลึกถึงและเป็นการบูชา รวมไปถึงการเฉลิมฉลองให้กับครั้งที่ พระพุทธเจ้าเสด็จกลับลงจากจากชั้นภพ [[ดาวดึงส์]] นั่นเอง เป็นการถือปฏิบัติสืบทอดกันมาจนถึงปัจจุบัน โดยผู้คนต่างมักจะนำเสาหงส์ และ ธงตะขาบ มาใช้คู่กัน
== มอญในประเทศไทย ==
=== หลักฐานทางประวัติศาสตร์ ===
หลักฐานทางโบราณคดีที่พบในสมัยพุทธศตวรรษที่ 11–13 คือเหรียญเงินเส้นผ่าศูนย์กลาง 19 ม.ม. พบที่[[นครปฐม]]และ[[อู่ทอง]]นั้น พบว่ามีอักษรจารึกไว้ว่า “ศรีทวารวดีศวร” และ มีรูปหม้อน้ำกลศอยู่อีกด้านหนึ่ง ทำให้เชื่อได้ว่า ชนชาติมอญโบราณ ได้ตั้ง[[อาณาจักรทวารวดี]] (บางแห่งเรียกทวาราวดี) ขึ้นในภาคกลางของ[[ดินแดนสุวรรณภูมิ]] มีศูนย์กลางที่เมืองนครปฐมโบราณ (ลุ่ม[[แม่น้ำท่าจีน]] หรือ [[นครชัยศรี]]) กับเมืองอู่ทองและเมืองละโว้ (ลพบุรี) ต่อมาได้ขยายอำนาจขึ้นไป ถึงเมือง[[อาณาจักรหริภุญชัย|หริภุญชัย]]หรือ[[ลำพูน]] มีหลักฐานเล่าไว้ว่า ราว พ.ศ. 1100 [[พระนางจามเทวี]] ราชธิดาของเจ้าเมืองลวปุระหรือละโว้ลพบุรี ได้อพยพผู้คนขึ้นไปตั้งเมืองหริภุญชัยที่ลำพูน
เมืองนครปฐมบริเวณ[[พระปฐมเจดีย์]] และใกล้เคียงมีการพบจารึก[[อักษรปัลลวะ]] [[บาลี]] [[สันสกฤต]] และ อักษรมอญโบราณ บันทึกเรื่องการสร้างพระพุทธรูป เสาหงส์ วิหาร และแนวต้นมะพร้าวเป็นอาณาเขตพระอารามที่วัดโพธิ์ร้าง [[จังหวัดนครปฐม]] อายุราวพุทธศตวรรษที่ 12 (ปัจจุบันอยู่ที่พิพิธภัณฑ์พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระปฐมเจดีย์)<ref name="พ">[http://www.sac.or.th/databases/inscriptions/inscribe_detail.php?id=271 จารึกวัดโพธิ์ร้าง]</ref> และพบจารึกอักษรมอญโบราณ สมัยหริภุญไชย[[อาณาจักรหริภุญชัย|หริภุญชัย]] ราวพุทธศตวรรษที่ 17 จำนวน 7 หลัก ที่ลำพูน (ปัจจุบันอยู่ที่พิพิธภัณฑ์สถานพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติหริภุญไชย จังหวัดลำพูน)<ref>http://www.finearts.go.th/hariphunchaimuseum/นิทรรศการถาวร/item/การจัดแสดงศิลปะโบราณวัตถุ-ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ-หริภุญไชย</ref>
ต่อมา[[อาณาจักรขอม]]หลังจาก[[พระเจ้าชัยวรมันที่ 7]] สวรรคตใน พ.ศ. 1732 อำนาจขอมก็เริ่มเสื่อมลง [[พ่อขุนบางกลางหาว]] ที่สถาปนาเป็น [[พ่อขุนศรีอินทราทิตย์]] ประกาศตั้ง[[อาณาจักรสุโขทัย]] เป็นอิสระจากการปกครองของ[[ขอม]] [[พ่อขุนรามคำแหง]] พระราชโอรสของขุนพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ ที่ได้ครองราชย์และสืบต่อมา ทรงดัดแปลง[[อักษรขอม]] และ [[อักษรมอญ]] มาประดิษฐ์เป็นลายสือไทย
ด้านจารึก[[ภาษามอญ]]บนใบลานนั้น พบมากมายตามหมู่บ้านมอญใน[[ประเทศไทย]] ส่วนที่[[ประเทศพม่า]]พบมากตามหมู่บ้านมอญในเมืองสะเทิมและเมืองไจก์ขมีเทิมและเมืองไจก์ขมีใน[[รัฐมอญ]] ซึ่งมีการคัดลอกและรวบรวมนำมาเก็บไว้ที่หอสมุดแห่งชาติเมือง[[ย่างกุ้ง]] และที่ห้องสมุดมอญเมือง[[เมาะลำเลิง]] นอกจากนี้กองโบราณคดีและกองวัฒนธรรม ยังได้จัดพิมพ์วรรณกรรม ชาดก ตำรามอญ และเคยมีการริเริ่มจัดพิมพ์พจนานุกรมมอญ-พม่าอีกด้วย
=== มอญอพยพ ===
|