ผลต่างระหว่างรุ่นของ "กรมขุนวิมลพัตร"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ไม่มีความย่อการแก้ไข
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 10:
| พระราชบิดา = [[สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ]]
| พระราชมารดา = เจ้าจอมมารดาศรี
| พระราชสวามี = {{nowrap|[[สมเด็จพระที่นั่งสุริยาศน์อัมรินทร์ยาศน์อมรินทร์]]}}
| พระราชโอรส/ธิดา = เจ้าฟ้าสิริจันทรเทวี
| ราชวงศ์ = [[ราชวงศ์บ้านพลูหลวง|บ้านพลูหลวง]]
บรรทัด 20:
กรมขุนวิมลพัตรมีพระนามเดิมว่า'''พระองค์เจ้าแมงเม่า''' บางแห่งออกพระนามว่า '''เม้า''' หรือ'''เมาฬี'''<ref name="พม่า"/> เป็นพระราชธิดาใน[[สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ]] ประสูติแต่เจ้าจอมมารดาศรี มีพระเชษฐาและพระภคินีร่วมพระชนกชนนีคือ พระองค์เจ้าหญิงผอบ, พระองค์เจ้าชายสถิต, พระองค์เจ้าชายพงศ์ และพระองค์เจ้าชายแตง<ref>''ประชุมคำให้การกรุงศรีอยุธยา รวม 3 เรื่อง'', หน้า 176</ref>
 
เมื่อ[[สมเด็จพระที่นั่งสุริยาศน์อัมรินทร์ยาศน์อมรินทร์]]เสวยราชย์ ทรงยกเจ้าแมงเม่าพระภคินีต่างพระชนนีเป็นพระอัครมเหสี<ref name="กรุงเก่า1">''ประชุมคำให้การกรุงศรีอยุธยา รวม 3 เรื่อง'', หน้า 129</ref> ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าสถาปนาขึ้นเป็น'''กรมขุนวิมลพัตร'''<ref name="กรุงเก่า"/> และทรงให้มเหสีอื่น ๆ มียศฐาบรรดาศักดิ์เสมอกัน<ref name="หาวัด">''ประชุมคำให้การกรุงศรีอยุธยา รวม 3 เรื่อง'', หน้า 494</ref> พระนางมีบทบาททางการเมืองระดับหนึ่ง ดังที่บาทหลวงฝรั่งเศสได้เขียนจดหมายเหตุบันทึกไว้ว่า: ''"... บ้านเมืองแปรปรวน เพราะฝ่ายใน [พระราชชายา] ได้มีอำนาจเท่ากับพระเจ้าแผ่นดินผู้มีความผิดฐานกบฏ ฆ่าคนตายเอาไฟเผาบ้านเรือนจะต้องได้รับโทษถึงประหารชีวิต แต่ความโลภของฝ่ายในให้เปลี่ยนเป็นริบทรัพย์สิน ริบได้ก็ตกเป็นของฝ่ายในทั้งสิ้น พวกข้าราชการเห็นความโลภของฝ่ายใน ก็แสวงหาผลประโยชน์กับผู้ต้องหาคดีให้ได้มากที่สุดที่จะหาได้ จะได้แบ่งเอาบ้าง ความเดือดร้อนลำเค็ญก็ยิ่งทับถมราษฎรมากขึ้น..."''<ref>ขจร สุขพานิช. ''ข้อมูลประวัติศาสตร์ : สมัยบางกอก''. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว, 2531. หน้า 269.</ref>
 
กรมขุนวิมลพัตรมีพระราชธิดาเพียงพระองค์เดียวคือเจ้าฟ้าหญิงสิริจันทรวดีทรเทวี บางแห่งออกพระนามเป็นศรีจันทเทวี ([[คำให้การขุนหลวงหาวัด]])<ref name="หาวัด"/> หรือเจ้าฟ้าน้อย ([[คำให้การชาวกรุงเก่า]])<ref name="กรุงเก่า"/> หลังประสูติกาลมีการประโคมดนตรีสามครั้งตามโบราณราชประเพณี<ref name="กรุงเก่า1"/>
 
หลัง[[การเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สอง]] สมเด็จพระที่นั่งสุริยาศน์อมรินทร์, กรมขุนวิมลพัตรถูก และเจ้านายพระองค์อื่น ๆ ต่างพากันหลบหนีพม่า สมเด็จพระที่นั่งสุริยาศน์อมรินทร์เสด็จสวรรคต พม่าตามจับกรมขุนวิมลพัตรพระมเหสี พระราชบุตร และพระบรมวงศานุวงศ์อื่น ๆ กวาดต้อนไปยัง[[ประเทศพม่า]]<ref name="พม่า"/><ref>''ประชุมคำให้การกรุงศรีอยุธยา รวม 3 เรื่อง'', หน้า 136</ref> โดยพระมหากษัตริย์พม่าได้พระราชทานให้พระองค์รวมทั้งเจ้านายฝ่ายในพระองค์อื่นประทับอยู่ภายในพระราชวังหลวงอังวะ<ref>ศานติ ภักดีคำ, รศ. ดร. (5 มีนาคม 2561). "ตามรอยสมเด็จพระเจ้าอุทุมพร หรือขุนหลวงหาวัด: จากกรุงศรีอยุธยาสู่กรุงอมรปุระ". ''ศิลปวัฒนธรรม''. (39:5), หน้า 72-92</ref> พระองค์ประทับอยู่ที่นั่นจนกระทั่งเสด็จสวรรคต
 
==อ้างอิง==