ผลต่างระหว่างรุ่นของ "อาณาจักรแฟรงก์ตะวันตก"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Darkydury (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
Horus (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 1:
{{ใช้ปีคศ|width=330px}}
[[ไฟล์:Partage de l'Empire carolingien au Traité de Verdun en 843.JPG|thumb|right|330px|ราชอาณาจักรแฟรงค์ตะวันตกทางซ้ายของภาพที่ปัจจุบันคือฝรั่งเศส]]
{{ใช้ปีคศ|width=330px}}
 
'''อาณาจักรแฟรงค์ตะวันตก'''<ref>{{อ้างหนังสือ| ผู้แต่ง = ราชบัณฑิตยสถาน| ชื่อหนังสือ = สารานุกรมประวัติศาสตร์สากลสมัยใหม่ : ยุโรป เล่ม ๓ อักษร E-G ฉบับราชบัณฑิตยสถาน| จังหวัด = พิมพ์ครั้งที่ 2, กรุงเทพฯ| พิมพ์ที่ = ราชบัณฑิตยสถาน| ปี = 2556 | ISBN = 978-616-7073-55-2| จำนวนหน้า = 527| หน้า = 189}}</ref> ({{lang-en|West Francia หรือ West Frankish Kingdom}}) เป็น[[ราชอาณาจักร]]ที่รุ่งเรืองอยู่เพียงระยะเวลาอันสั้น ตั้งอยู่ทางตะวันตกของ[[จักรวรรดิการอแล็งเฌียง]] ได้ตกมาเป็นของ[[จักรพรรดิคาร์ลที่ 2 แห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์|จักรพรรดิคาร์ลพระเศียรล้าน]]<ref>[[สารานุกรมคาทอลิก]]: [http://www.newadvent.org/cathen/03610c.htm Charlemagne]</ref>ตาม[[สนธิสัญญาแวร์เดิง]]ปี [[ค.ศ. 843]]
 
เส้น 6 ⟶ 7:
 
== การก่อตัวและชายแดน ==
ในเดือนกันยายน ค.ศ. 843 สามปีหลังสงครามกลางเมืองที่ตามมาหลังการสิ้นพระชนม์ของพระเจ้าหลุยส์ผู้ศรัทธาเมื่อ 20 มิถุนายน ค.ศ. 840 สนธิสัญญาแวร์เดิงถูกลงนามโดยพระโอรสและทายาททั้งสาม คนเล็กสุด ชาร์ลผู้หัวล้าน ได้รับเวสต์ฟรังเกีย
 
นับแต่การสิ้นพระชนม์ของพระเจ้าปิปปินที่ 1 แห่งอากีแตนในเดือนธันวาคม ค.ศ. 838 พระโอรสของพระองค์ได้รับการยอมรับจากขุนนางอากีแตนให้เป็นพระเจ้าปิปปินที่ 2 แห่งอากีแตน แม้การสืบทอดต่อจะไม่ได้รับการยอมรับจากจักรพรรดิก็ตาม ชาร์ลผู้หัวล้านทำสงครามกับปิปปินที่ 2 ตั้งแต่เริ่มต้นรัชสมัยใน ค.ศ. 840 และสนธิสัญญาแวร์เดิงปฏิเสธการอ้างสิทธิ์และการยกอากีแตนให้แก่ชาร์ล ดังนั้น ในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 845 หลังความพ่ายแพ้ทางทหารหลายครั้ง ชาร์ลลงนามในสนธิสัญญาเบอร์นัวต์-ซูร์-ลัวร์และยอมรับการปกครองของพระนัดดา ข้อตกลงนี้คงอยู่มาจนถึง 25 มีนาคม ค.ศ. 848 เมื่อบารอนอากีแตนยอมรับชาร์ลเป็นกษัตริย์ หลังจากนั้นกองทัพของชาร์ลกุมความได้เปรียบ และใน ค.ศ. 849 ก็รักษาอากีแตนเอาไว้ได้ ในเดือนพฤษภาคม ชาร์ลสวมมงกุฎให้ตนเองเป็น "กษัตริย์ของชาวแฟรงก์และชาวอากีแตน" ในเออร์ลียงส์ อาร์ชบิชอปเวนิโลแห่งซ็องส์เป็นผู้ประกอบพิธีในการราชาภิเษก ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่มีการเจิมน้ำมันหลวงในเวสต์ฟรังเกีย
 
== รัชสมัยของชาร์ลผู้อ้วนท้วน ==
หลังการสิ้นพระชนม์ของพระนัดดาของชาร์ล แกร์โลม็องที่ 2 เมื่อ 12 ธันวาคม ค.ศ. 884 ขุนนางเวสต์ฟังเกียเลือกพระปิตุลาของพระองค์ ชาร์ลผู้อ้วนท้วน ที่เป็นกษัตริย์ในอีสต์ฟังเกียกับราชอาณาจักรอิตาลีอยู๋แล้ว เป็นกษัตริย์ของตน พระองค์อาจได้รับการสวมมงกุฎ "กษัตริย์แห่งกอล" (''เร็กซ์ อิน อัลเลีย'') เมื่อ 20 พฤษภาคม ค.ศ. 885 ที่กร็องด์ รัชสมัยของพระองค์เป็นช่วงเวลาเดียวหลังการสิ้นพระชนม์ของหลุยส์ผู้ศรัทธาที่ฟรังเกียทั้งหมดจะถูกรวมเป็นหนึ่งเดียวอีกครั้งภายใต้ผู้ปกครองคนเดียว ในพระปรีชาสามารถในฐานะกษัตริย์แห่งเวสต์ฟรังเกีย ดูเหมือนพระองค์จะได้มอบยศตำแหน่งและเครื่องราชกกุธภัณฑ์ให้แก่ผู้ปกครองกึ่งเอกเทศแห่งบริททาเนีย อลันที่ 1 การรับมือกับไวกิ้งที่ปิดล้อมปารีสใน ค.ศ. 885-86 ลดเกียรติภูมิของพระองค์ลงอย่างมาก ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 887 พระนัดดาของพระองค์ อาร์นูล์ฟแห่งคารินเธียก่อการปฏิวัติและยึดเอาตำแหน่งกษัตริย์แห่งอีสต์ฟรังเกียไป ชาร์ลเกษียณตัวเองและสิ้นพระชนม์หลังจากนั้นไม่นาน เมื่อ 13 มกราคม ค.ศ. 888
 
ในอากีแตน ดยุครานูล์ฟที่ 2 อาจยอมรับตนเองเป็นกษัตริย์ แต่พระองค์มีชีวิตอยู่อีกเพียงสองปี แม้อากีแตนจะไม่ได้กลายเป็นราชอาณาจักรที่แยกออกมา แต่ก็อยู่นอกเหนือการควบคุมของกษัตริย์เวสต์ฟรังเกียอย่างมาก
เส้น 18 ⟶ 19:
 
== การขึ้นมาของชาวโรแบเตียง ==
หลังยุค 860 ขุนนางโลธาริงเกีย โรแบต์ผู้แข็งแรง เริ่มมีอำนาจมากขึ้นในฐานะเคานต์แห่งอ็องฌู, ตูแรน และเมน พี่น้องชายของโรแบต์ ฮิวจ์ พระอธิการแห่งแซ็งต์-เดอนีส์ ได้รับอำนาจควบคุมออสเตรเชียจากชาร์ลผู้หัวล้าน บุตรชายของโรแบต์ โอโด ได้รับเลือกเป็นกษัตริย์ในค.ศ. 888 พี่น้องชายของโอโด โรแบต์ที่ 1 ปกครองในช่วง ค.ศ.922 ถึง ค.ศ.923 และตามมาด้วยรูดอล์ฟ ตั้งแต่ ค.ศ.923 จนถึง ค.ศ.936 ฮิวจ์ผู้ยิ่งใหญ่ บุตรชายของโรแบต์ที่ 1 ได้รับเลือกเป็น "ดยุคของชาวแฟรงก์) โดยพระเจ้าหลุยส์ที่ 4 ใน ค.ศ.987 บุตรชายของเขา ฮิวจ์ คาเปต์ ได้รับเลือกเป็นกษัตริย์และเริ่มต้นราชวงศ์คาเปเตียง ถึงตอนนี้พวกเขาควบคุมดินแดนเล็กมากๆเหนืออิล-เดอ-ฟร็องซ์
 
== การขึ้นมาของเหล่าดยุค ==
นอกอาณาเขตเดิมของชาวแฟรงก์และในตอนใต้ หลัง ค.ศ. 887 ขุนนางท้องถิ่นได้ตั้งตนเป็นดัชชีกึ่งเอกเทศ - เบอร์กันดี, อากีแตน, บริททานี, แกสโคนี, นอร์ม็องดี, ช็อมปาญ และเคานตี้ฟลานเดอส์
 
อำนาจของกษัตริย์ถูกปฏิเสธต่อไป ทั้งด้วยความไร้พระปรีชาสามารถในการต่อต้านชาวไวกิ้ง และการต่อต้านของขุนนางประจำแคว้นที่ไม่ได้ถูกแต่งตั้งโดยกษัตริย์อีกต่อไป แต่กลายเป็นดยุคท้องถิ่นที่สืบทอดตำแหน่งทางสายเลือด ใน ค.ศ. 877 โบโซแห่งโพรว็องซ์พระอนุชาของพระมเหสีของชาร์ลผู้หัวล้าน สวมมงกุฎให้ตัวเองเป็นกษัตริย์แห่งกษัตริย์แห่งเบอร์กันดีและโพรว็องซ์ พระโอรสของพระองค์ หลุยส์ผู้ตาบอด เป็นกษัตริย์แห่งโพรว็องซ์ตั้งแต่ ค.ศ. 890 และจักรพรรดิในช่วง ค.ศ.901 ถึง ค.ศ.905 รูดอล์ฟที่ 2 แห่งเบอร์กันดีสถาปนาราชอาณาจักรอาร์ลส์ขึ้นมาใน ค.ศ.933
 
== ชาร์ลผู้เรียบง่าย ==
หลังการสิ้นพระชนม์ของกษัตริย์การอแล็งเฌียงคนสุดท้ายของอีสต์ฟรังเกีย พระเจ้าหลุยส์ผู้เป็นเด็กน้อย โลธาริงเกียเปลี่ยนมาเป็นพันธมิตรกับกษัตริย์แห่งเวสต์ฟรังเกีย ชาร์ลผู้เรียบง่าย หลัง ค.ศ.911 ดัชชีชวาเบียขยายไปทางตะวันออกและได้ดินแดนอัลซาสมาเพิ่ม บาลด์วินที่ 2 แห่งฟลานเดอส์เริ่มมีอำนาจมากขึ้นหลังการตายของโอโดใน ค.ศ. 898 ได้โบโลญและแทร์นัวส์มาจากชาร์ล อาณาเขตที่อยู่ภายใต้การปกครองของกษัตริย์อย่างแท้จริงลดลงอย่างมาก และถูกตัดทอนดินแดนที่อยู่ระหว่างนอร์ม็องดีกับแม่น้ำลัวร์ ราชสำนักมักอยู่ในไรม์หรือไม่ก็ล็อง
 
ชาวนอร์สเริ่มตั้งถิ่นฐานในนอร์ม็องดี และตั้งแต่ ค.ศ.919 ชาวมักยาร์รุกรานครั้งแล้วครั้งเล่า ในการขาดหายไปของพระราชอำนาจที่แข็งแกร่ง ผู้รุกรานถูกสู้รบและปราบโดยเหล่าขุนนางท้องถิ่น อาทิเช่น ริชาร์ดแห่งเบอร์กันดีกับโรแบต์แห่งนิวสเตีย ที่ปราบผู้นำไวกิ้ง รอลโล ใน ค.ศ.911 ที่ชาร์ตส์ ท้ายที่สุดการคุกคามของชาวนอร์มันก็สิ้นสุดลง พร้อมกับการจ่ายเดนเกลด์ก้อนสุดท้ายใน ค.ศ.924 และ ค.ศ.926 เหล่าขุนนางทั้งต่อต้านชาร์ลมากขึ้นและใน ค.ศ.922 ได้ปลดพระองค์ออกจากตำแหน่งและเลือก โรแบต์ที่ 1 เป็นกษัตริย์คนใหม่ หลังการสิ้นพระชนม์ของโรแบต์ใน ค.ศ.923 เหล่าขุนนางเลือกรูดอล์ฟเป็นกษัตริย์ และยังคงคุมขังชาร์ลจนกระทั้งสิ้นพระชนม์ใน ค.ศ.929 หลังการปกครองของพระเจ้าชาร์ลผู้เรียบง่าย ดยุคท้องถิ่นเริ่มออกเงินตราของตนเอง