ผลต่างระหว่างรุ่นของ "อาหรับราตรี"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ป้ายระบุ: แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่
ไม่มีความย่อการแก้ไข
ป้ายระบุ: แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่
บรรทัด 74:
* [[ธัญญรัตน์ โลหะนันท์]] รับบท
* [[พงศ์ประยูร ราชอาภัย]] รับบท
 
===เรื่องย่อ==
"ดวงจันทร์ตกถึงยอดโดม นิทานแสนสนุกกำลังจะเริ่มขึ้น" พันหนึ่งราตรี เรื่องราวของ "สุลต่านซาร์เรีย" แห่งกรุงแบกแดด ประเทศเปอร์เซีย สุลต่านชาร์รายามีพระอนุชาที่รักยิ่งนามว่า "สุลต่านซาร์เซนัน" ครองกรุงตาด วันหนึ่ง ขณะที่สุลต่านซาร์เซนันกำลังจะเดินทางไปกรุงแบกแดดตามคำทูลเชิญของราชทูตที่สุลต่านชาร์รายาส่งมาทูลเชิญ ก่อนที่พระองค์จะออกเดินทาง พระองค์ก็ทรงจับได้ว่าสุลตานาของพระองค์ทรงคบกับชายชู้ทาสผิวดำ ด้วยความโกรธ พระองค์จึงหยิบดาบมาฟันคอคนทรยศทั้งสองจนขาด เมื่อพระองค์ได้สติกลับคืนมาแล้วก็มิขาดนำศีรษะของสุลตานาแห่งพระองค์กลับคืนสู่ร่างเดิมพร้อมชีวิตของนาง...เมื่อถึงกรุงแบกแดด สุลต่านซาร์เซนันแทบไม่มีชีวิตจิตใจในการรื่นเริงไปกับความสุขในวัง กินไม่ได้นอนไม่หลับ...จนกระทั่งคืนหนึ่งพระองค์ก็ทรงทอดพระเนตรเห็นสุลตานาเอย่า พี่สะใภ้ของพระองค์และนางสนมอีก 10 คนของพระเชษฐาของพระองค์นัดพบปะเจอกับชายชู้ทาสผิวดำเช่นเดียวกับที่พระองค์ทรงพบเจอมา รุ่งเช้าพระองค์จึงนำเรื่องราวทั้งหมดเล่าให้พระเชษฐาของพระองค์จนหมดสิ้น สุชต่านซาร์เรียผู้เป็นพระเชษฐาของสุลต่านซาร์เซนันทรงกริ้วมาก...แต่พระอนุชาของพระองค์ทรงค่อยๆปลอบโยนให้พระองค์มีพระทัยสงบลงบ้าง...ไม่ควรที่จะมาเสียพระทัยเรื่องความไม่ซื่อสัตย์จริงใจของอิสสตรีทั้งหลาย...เมื่อได้ทรงสดับแล้ว สุลต่านซาร์เรียจึงคิดสละราชบัลลังก์ พระองค์จึงทรงขี่ม้าออกไปนอกเมืองพร้อมกับพระอนุชาเพียงสองพระองค์...ซึ่งทั้งสองตกลงกันว่าหากเดินทางไปพบชายผู้ที่พบกับเหตุการณ์ครั้งนี้และร้ายแรงกว่าที่พระองค์ทั้งสองทรงประสบพบเจอมาก็จะทรงกลับเข้าวังเช่นเดิม...ซึ่งเหตุการณ์ก็เป็นไปตามนั้น ทั้งสองต้องพบกับสตรีที่หักหลังชายสามีของตน ซึ่งเป็นถึงกระทั่งรากษส ยักษ์ผู้มีอิทธิฤทธิ์แก่กล้าแต่ไม่อาจหยั่งรู้ถึงจิตใจของหญิงผู้เป็นภรรยาของเขาได้เลย พี่น้องกษัตริย์ทั้งสองจึงตัดสินใจกลับเข้าวัง...ในวันรุ่งขึ้น สุลต่านซาร์เรียก็รับสั่งให้นำตัวสุลตานาแห่งพระองค์ไปประหารโดยไม่รับฟังเหตุผลใดๆทั้งสิ้น หล้งจากนั้น พระองค์ทรงเกิดความคิดอย่างแรงกล้าว่า สิ่งที่จะทำให้สตรีซื่อสัตย์ต่อพระองค์คือฆ่านางเสีย พระองค์ทรงให้อำมาตย์แกรนด์วิเชียร หัวหน้าอำมาตย์ใหญ่ทรงจัดหาหญิงสาวพรหมจรรย์มาร่วมหอกับสุลต่านซาร์เรียทุกคืนและในรุ่งเช้า พระองค์ก็จะทรงประหารพวกนางเสีย...จนทุกบ้านเรือนที่มีบุตรสาวต่างได้รับความเดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้า....จนกระทั่งเซเฮอร์ซาเด ลูกสาวของท่านแกรนด์วิเชียรทนไม่ไหวจึงขอเสนอเป็นคนต่อไป โดยนางเซเฮอร์ซาเดเป็นคนฉลาด มีไหวพริบนางจึงออกอุบายในคืนที่นางเข้าหอถวายตัวโดยนางทูลขออนุญาติให้ดีนาซาเดน้องสาวคนเดียวที่รักยิ่งของนางให้มาพักอยู่ที่ห้องข้างๆ ซึ่งสุลต่านซาร์เรียก็ทรงอนุญาติ ตกกลางดึกสงัดดวงจันทร์ตกถึงยอดโดม ภายนอกเงียบสงัดไปทั่วบริเวณ ดีนาซาเดก็เข้ามาหาพี่สาวของนางพร้อมกับร้องไห้ฟูมฟายเพราะนอนไม่หลับที่เหลืออีกไม่กี่ชั่วโมงที่พี่สาวของนางจะถูกประหาร นางจึงให้เซเฮอร์ซาเด พี่สาวของนางเล่านิทานให้ฟัง นางจึงเล่านิทานให้ฟัง ซึ่งสุลต่านซาร์เรียก็ทรงตื่นมาฟังเช่นกัน นิทานของนางช่างสนุกและน่าติดตาม แต่เช่นกันเวลาแห่งความสนุกมักผ่านไปอย่างรวดเร็ว เสียงไก่ขันพร้อมกับแสงตะวันที่ส่องผ่านเข้ามาในม่านหน้าต่างทำให้สุลต่านซาร์เรียทรงตัดใจที่จะประหารนางไม่ได้ จึงละเว้นโทษประหารไปเรื่อยๆและมาฟังต่อในคืนถัดๆไป ซึ่งเหตุการณ์ก็เป็นเช่นนี้ตลอด ซึ่งนางเซเฮอร์ซาเดออกอุบายเล่านิทานซ้อนนิทาน นิทานของนางไม่มีวันจบ แม้จะเล่าถึงพันหนึ่งราตรีก็ตาม แต่หากวันไหนสุลต่านซาร์เรียทรง "เบื่อ" ที่จะฟังนิทานของนาง หรือ นางหมดนิทานที่จะแล้ว เซเฮอร์ซาเดจะใช้อะไรยึดพระทัยของพระองค์ต่อไป จนกระทั่งหลังคืนที่ 999 เซเฮอร์ซาเดก็ตั้งครรภ์ สุลต่านซาร์เรียทรงดีใจมาก ตกกลางคืนยามราตรีสงัด (คืนที่ 1000) พระองค์ก็ทรงฝันนิมิตถึงนิทานเรื่องสุดท้าย ที่ทำให้พระองค์ตระหนักได้ถึงสิ่งที่พระองค์ได้ทำลงไป โดยในนิทานสุลต่านได้ทรงเหมือนเข้าไปร่วมแสดงด้วย รุ่งเช้าพระองค์ได้ทรงเล่าเรื่องทั้งหมดให้พระอนุชาฟัง พร้อมทั้งจัดงานอภิเษกได้พระอนุชากับดีนาซาเด น้องสาวของเซเฮอร์ซาเด หลังจากพระอนุชากลับไปครองเมืองตาดพร้อมสุลตานาของพระองค์แล้ว สุลต่านซาร์เรียก็ทรงยกเลิกโทษประหารเซเฮอร์ซาเดพร้อมทั้งแต่งตั้งขึ้นเป็นสุลตานาแห่งพระองค์ และในราตรีนั้นเอง พระองค์ก็ทรงสวมกอดสุลตานาอันเป็นที่รักของพระองค์ไว้อย่างมีความสุขท่ามกลางแสงจันทร์อันสวยงามและลมพัดเย็นสบาย จึงกล่าวได้ว่า "หนึ่งพันคืนที่เล่านิทานให้เขาเชื่อในรัก ไม่มีค่าเท่าหนึ่งคืนที่เขายอมเชื่อในรักเรา" เป็นที่มาของ "พันหนึ่งราตรี" นั่นเอง
 
== แหล่งข้อมูลอื่น ==