ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ฟินเซนต์ ฟัน โคค"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Miwako Sato (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
Miwako Sato (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 26:
เขาเกิดในครอบครัวชนชั้นกลางค่อนไปทางชั้นสูง เขาเป็นเด็กที่เคร่งขรึม พูดน้อย แต่คิดมาก เมื่อโตเป็นหนุ่ม เขาทำงานเป็นนายหน้าขายศิลปกรรม จึงเดินทางบ่อย แต่เมื่อต้องย้ายบ้านไปอยู่ลอนดอน เขาก็ตกอยู่ใน[[ภาวะซึมเศร้า]] จึงหันไปหาศาสนา ปฏิบัติศาสนกิจในฐานะ[[มิชชันนารี]]แห่ง[[โปรเตสแตนต์]]ทางภาคใต้ของเบลเยียม ชีวิตเขาล่องลอยไปมาระหว่างสุขภาพอันทรุดโทรมกับความโดดเดี่ยวอ้างว้าง กระทั่งมาจับงานวาดเขียนเอาใน ค.ศ. 1881 หลังย้ายกลับไปอยู่บ้านเกิดเมืองนอนกับบิดามารดา เขาได้ [[Theo van Gogh (art dealer)|Theo]] น้องชาย คอยสนับสนุนทางการเงิน เขากับน้องติดต่อมาเสมอด้วย[[The Letters of Vincent van Gogh|จดหมายโต้ตอบ]] ผลงานชิ้นแรก ๆ ของเขาส่วนใหญ่เป็น[[Still life paintings by Vincent van Gogh (Netherlands)|ภาพนิ่ง]]และภาพแสดง[[Peasant Character Studies (Van Gogh series)|ชนชั้นกรรมกร]]มีไม่มากที่ใช้สีสันสดใสต่างจากผลงานชิ้นหลัง ๆ ครั้น ค.ศ. 1886 เขาย้ายไปอยู่ปารีส ได้พบเจอกับบรรดาสมาชิก[[กลุ่มล้ำยุค]] เช่น [[Émile Bernard (painter)|Émile Bernard]] กับ[[ปอล โกแก็ง]] ที่กำลังมีปฏิกิริยาตอบโต้ประเด็นอ่อนไหวเรื่อง[[ลัทธิประทับใจ]] เมื่องานของเขาก้าวไปยิ่งขึ้น เขาก็สร้างรูปโฉมใหม่ให้แก่งานภาพนิ่งและ[[Montmartre (Van Gogh series)|ภาพภูมิประเทศท้องถิ่น]] โดยให้มีสีสันกระจ่างใสขึ้น เป็นรูปแบบที่ใช้งานจริงอย่างเต็มที่ในช่วงที่เขาพำนักอยู่ ณ [[Arles]] ทางภาคใต้ของฝรั่งเศสเมื่อ ค.ศ. 1888 ช่วงนี้เองที่เขาขยายหัวเรื่องสำหรับงานของตนออกไปเป็นภาพชุด[[Olive Trees (Van Gogh series)|ต้นมะกอก]] [[Wheat Fields (Van Gogh series)|ทุ่งสาลี]] และ[[Sunflowers (Van Gogh series)|ทานตะวัน]]
 
เขาประสบปัญหาทางใจอยู่หลายช่วง และแม้จะกังวลเรื่องเสถียรภาพทางจิตใจของเขายิ่งนัก เขากลับละเลยสุขภาพทางกายไปเสียสิ้น ไม่กินไม่นอนตามสมควร ทั้งยังร่ำสุราอย่างหนัก ครั้งหนึ่ง เขามีปากเสียงกับโกแก็ง แล้วคว้ามีดโกนไล่ตามโกแก็ง ก่อนเฉือนหูซ้ายของตัว ความปั่นป่วนทางใจทำให้เขาต้องอยู่ในโรงพยาบาลจิตเวชหลายครั้ง เช่นครั้งที่เขาพักอยู่ใน[[แซ็ง-เรมี-เดอ-พรอว็องส์]] เมื่อออกโรงพยาบาลแล้ว เขาย้ายไปอยู่ [[Auberge Ravoux]] ที่[[โอแวร์ซูว์รวซ]]ใกล้กับปารีส และอยู่ในการดูแลรักษาของแพทย์แผน[[โฮมีโอพาธี]]นาม [[Paul Gachet]] ภาวะซึมเศร้าของเขาดำเนินต่อมาจนกระทั่งวันที่ 27 กรกฎาคม ค.ศ. 1890 เขาตัดสินใจใช้[[ปืนลูกโม่]]ยิงเข้าที่อกของตนเอง บาดแผลครั้งนี้ทำให้เขาเสียชีวิตในอีกสองวันถัดมา
 
ตอนมีชีวิตอยู่ เขาไม่ประสบความสำเร็จ และถูกมองเป็นคนบ้า คนล้มเหลว แต่พอเสียชีวิตเพราะอัตวินิบาตกรรมแล้ว เขากลับโด่งดัง สถิตอยู่ในภาพจำของสาธารณชนในฐานะอัจฉริยบุคคลผู้ถูกมองข้าม ถึงกลับมีคำกล่าวว่า เขาเป็น ศิลปิน "ผู้ซึ่งวาทกรรมเรื่องความบ้าคลั่งและความสร้างสรรค์มีเส้นคั่นอยู่บาง ๆ" (where discourses on madness and creativity converge){{sfnp|McQuillan|1989|loc= 9}} เกียรติยศเริ่มหลั่งไหลมาหาเขาในต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 เนื่องจากองค์ประกอบในรูปแบบงานวาดเขียนของเขากลายเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาเพราะ[[คติโฟวิสต์]]และ[[ลัทธิสำแดงพลังอารมณ์แบบเยอรมัน]] หลายสิบปีให้หลัง ผลงานของเขาประสบความสำเร็จทางการค้าพาณิชย์อย่างกว้างขวาง ทุกวันนี้ เขาเป็นจดจำในฐานะจิตรกรคนสำคัญผู้มีชีวิตอันชวนสลด บุคลิกภาพที่เป็นปัญหาของเขากลายเป็นสัญลักษณ์ของ[[ศิลปินระทม]] (tortured artist) ในอุดมคติแนว[[สุขนาฏกรรม]]