ผลต่างระหว่างรุ่นของ "แวร์เนอร์ ฟ็อน บล็อมแบร์ค"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Setawut (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
Setawut (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 21:
|laterwork=}}
 
'''แวร์เนอร์ เอดวร์ด ฟริทซ์ ฟอน บลอมแบร์ก''' ({{lang-de|Werner Eduard Fritz von Blomberg}}) เป็น[[จอมพล]]เยอรมัน รัฐมนตรีว่าการสงครามแห่งไรช์และผู้บัญชาการกองทัพทหารเหล่าทัพเยอรมันจนถึงค.ศ. 1938
 
เขาเข้าร่วมกองทัพเยอรมันในปี 1897 หลังจบหลักสูตรจากวิทยาลัยการทหารปรัสเซียในปี 1907 เขาก็ได้ขึ้นเป็นนายพลในปี 1908 และได้เข้าร่วมแนวรบด้านตะวันตกในช่วง[[สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง]]และได้รับเหรียญ[[Pour le Mérite|ปัวร์เลอแมริท]] เขาได้ไปเยือนสหภาพโซเวียตในปี 1928 และมีความประทับใจในศักยภาพของ[[กองทัพแดง]]อย่างมาก เขาเริ่มมีความเชื่อในระบอบเผด็จการเบ็ดเสร็จว่าจะนำมาซึ่งแสนยานุภาพทางการทหารที่แข็งแกร่ง<ref>{{cite book |last=Wheeler-Bennett |first=John |year=1967 |title=The Nemesis of Power: The German Army in Politics 1918–1945 |location=London |publisher=Macmillan |pp=295–6 |ref=harv }}</ref> เขาเชื่อว่าสงครามโลกครั้งต่อไปจะเป็น[[สงครามเบ็ดเสร็จ]] และระบอบเผด็จการเบ็ดเสร็จคือทางออกที่ทรงประสิทธิภาพที่สุดในเตรียมพร้อมด้านการทหาร เศรษฐกิจ และสังคมเยอรมันในยามก่อนสงครามปะทุ<ref name="Paehler 2009">{{cite web | last = Paehler | first = Katrin| title = General ohne Eigenschaften? | work =| publisher = H-Net Online|date=June 2009| url = http://www.h-net.org/reviews/showrev.php?id=24691 | doi = | accessdate = 2013-05-05}}</ref>
บรรทัด 27:
ในปี 1933 เขาได้แต่งตั้งให้เป็นรัฐมนตรี[[กระทรวงไรชส์เวร์]]ในคณะรัฐมนตรี[[ฮิตเลอร์]]และกลายเป็นหนึ่งในบุคคลที่อุทิศตัวให้ฮิตเลอร์มากที่สุด เขาเสริมสร้างและขยายกองทัพเยอรมัน เขาเป็นนายทหารที่ประธานาธิบดี[[เพาล์ ฟอน ฮินเดนบูร์ก|ฮินเดนบูร์ก]]ไว้วางใจให้ดูแลงานด้านกลาโหมและฮินเดนบูร์กหวังว่าเขาจะเข้ากันได้ดีกับฮิตเลอร์{{sfn|Wheeler-Bennett|1967|p=297}}
 
ในปี 1935 กระทรวงกลาโหมไรชส์เวร์ถูกเปลี่ยนชื่อเป็นกระทรวงการสงคราม และได้ควบตำแหน่งผู้บัญชาการทหารเหล่าทัพ[[เวร์มัคท์]] (''Oberbefehl über die gesamte Wehrmacht'') และในปี 1936 บลอมแบร์กเป็นนายทหารคนแรกที่ฮิตเลอร์แต่งตั้งให้เป็นจอมพล อย่างไรก็ตาม ในปี 1937 เขาเป็นหนึ่งในนายทหารไม่กี่คนที่วิจารณ์แผนการทำสงครามฮิตเลอร์ว่าไม่ควรจะเลยไปจากปี 1942 ทำให้ฮิตเลอร์เริ่มไม่พอใจในตัวบลอมแบร์ก ซึ่งทำให้สองคนสนิทของฮิตเลอร์อย่าง [[แฮร์มันน์ เกอริง]] ซึ่งเป็นผู้บัญชาการ[[ลุฟท์วัฟเฟอ]] กับ[[ไฮน์ริช ฮิมม์เลอร์]] ซึ่งเป็นหัวหน้าหน่วย[[ชุทซ์ชทัฟเฟิล|เอ็สเอ็ส]]และตำรวจเยอรมัน ได้ใช้โอกาสนี้เพื่อขจัดบลอมแบร์กให้พ้นทาง ในงานแต่งของบลอมแบร์กกับแฟนสาว เกอริงได้บอกกับฮิตเลอร์ในงานแต่งว่า แฟนสาวของบลอมแบร์กและมารดาของเธอนั้นมีประวัติเป็นหญิงขายบริการ ฮิตเลอร์ขอร้องบลอมแบร์กล้มเลิกการแต่งงานเพื่อรักษาหน้าของกองทัพ บลอมแบร์กปฏิเสธที่จะหย่ากับเธอ เกอริงจึงปูดประวัติของภรรยาบลอมแบร์กให้สาธารณะรับรู้ บลอมแบร์กถูกกดดันให้ลาออกจากทุกตำแหน่งในกองทัพ และฮิตเลอร์ก็แต่งตั้งให้เกอริงให้เป็นผู้บัญชาการดูแลการทหารทั้งหมดในไรช์ในปี 1938
 
หลังลาออก บลอมแบร์กได้ไปฮันนีมูนกับภรรยาใหม่ที่เกาะ[[กาปรี]]ในอิตาลี แต่พลเรือเอก[[แอริช แรเดอร์]] มองว่าบลอมแบร์กควรจะฆ่าตัวตายเพื่อเป็นการชดใช้การแต่งงานของเขา แรดเดอร์ส่งผู้พันวันเกนไฮม์ (Wangenheim) ไปอิตาลีเพื่อกดดันให้บลอมแบร์กฆ่าตัวตายแต่ก็ไม่สำเร็จ วันเกนไฮม์ถึงขนาดยัดปืนใส่มือของบลอมแบร์กแต่บลอมแบร์กก็ปฏิเสธที่จะฆ่าตัวตายและขอใช้ชีวิตอย่างสงบ<ref>Shirer, William ''The Rise and Fall of the Third Reich'', New York: Simon & Schuster, 1960, p. 314.</ref>
บรรทัด 38:
{{เริ่มกล่อง}}
{{สืบตำแหน่ง
|ตำแหน่ง = [[เวร์มัคท์#โครงสร้าง|ผู้บัญชาการทหารสูงสุดแห่งเหล่าทัพเวร์มัคท์]]
|จำนวนตำแหน่ง =
|ก่อนหน้า = [[ฟือเรอร์|ฟือเรอร์และนายกรัฐมนตรี]] [[อดอล์ฟ ฮิตเลอร์]]