ผลต่างระหว่างรุ่นของ "เทศบาลเมืองอุทัยธานี"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Love Krittaya (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
ป้ายระบุ: ทำกลับ
บรรทัด 63:
{{เริ่มอ้างอิง}}
* กองวิชาการและแผนงาน เทศบาลเมืองอุทัยธานี
* '''''ข้อความตัวหนา''หมู๋บ้านลับแล'''
หมู่บ้านลับแล(คนเมืองบังบด)ในจังหวัดอุทัยธานี'''กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วมีชายหนุ่มหน้าตาดี เดินทางมาจากกรุงเทพ เพื่อจะเสาะแสวงหาที่อันเป็นสัปปายะ สงบเงียบจากผู้คน พักผ่อนหย่อนใจ
ยามว่างจากงานเมื่อมาถึงจังหวัดอุทัยธานี เขาก็ไปหาเพื่อนเก่าที่รู้จักที่ทำอุตสาหกรรมเกี่ยวกับอาวุธปืนเถื่อน แต่ปัจจุบันทั้งหมดได้เปลี่ยนอาชีพไปเป็นเกษตรอุตสาหกรรมทำเคียว ทำกรรไกรตัดกิ่งไม้
มีดพร้า ไปหมดแล้วเขาได้ชวนเพื่อนประมาณสามสี่คนออกเดินป่าล่าสัตว์ แต่เขากลับพลัดหลงกับเพื่อนกลางป่าหายไปท่ามกลางสายตาเพื่อนร่วมเดินทาง มาพลุบๆโพล่ๆอยู่อีก ณ.สถานที่แห่งหนึ่งซึ่งเขา
ไม่คุ้นเคยและไม่รู้จักมาก่อน ชายหนุ่มหมุนมองดูรอบด้านแล้วร้องอุทานออกมาดังๆว่า "เอ๊.....ที่นี่มัมที่ไหนกันเนี่ย" เพราะที่ด้านหน้าเขามีกระท่อมมุงจากหลังน้อยๆขนาดสามคูณห้าเมตรอยู่ตรงหน้า
ทันใดนั้นก็มีหญิงวัยกลางคนหน้าตาเรียบร้อย สูงประมาณร้อยห้าสิบเซ้นต์โพล่ออกมา ถามว่า "เธอเข้ามาที่นี่ได้ยังไง" ชายหนุ่มก็ตอบไปแบบซื่อๆว่า "ก็เดินตรงตามทางเข้ามาสิครับ"แล้วหญิงวัยกลางคน
นั้นก็ถามอีกว่า"ไม่รู้หรือที่นี่เมืองลับแล(เมืองบังบด)" ชายหนุ่มผู้นั้นเมื่อได้ยินคำบอกกล่าวดังนั้นจึงอุทานออกมาอีกเป็นครั้งที่สองว่า "เอ๊.....ถ้าผมรู้ผมก็คงไม่เดินเข้ามาหลอกเพราะกำลังล่าสัตว์อยู่กับ
เพื่อน" แล้วชายหนุ่มก็มองไปรอบตัวอีกครั้งซึ่งก็ไม่มีทางเดินเข้ามา พร้อมกับเพื่อนร่วมทางก็ไม่ได้ยินเสียงเรียกตอบ สรุปชายหนุ่มผู้นี้กำลังหลงเข้ามาในเมืองบังบดซะแล้วหลังจากที่เขายืนงงกับคำพูด
ของหญิงวับกลางคนและสถานที่ชั่วครูหนึ่ง แล้วชายผู้นั้นได้ถามย้อนกลับไปยังหญิงวัยกลางคนนั้นทันทีว่า "แล้วผมจะออกจากที่นีได้ยังไง"หญิงวัยกลางคนบอกว่า "ถ้าออกจากที่นี่แล้วอายุจะไม่ยืนยาว
ถึงสี่ร้อยปีแล้วก็ไม่มีทางออกด้วยเพราะเจ้าป่าเจ้าเขา เขาสกดไว้" หลังจากหญิงวัยกลางคนกล่าวจบ ชายผู้นั้นก็อุทานขิ้นมาอีกครั้งว่า "เอ๊....ตูออกจากเมืองบังบดไม่ได้แล้ว"แล้วหญิงวัยกลางคนนั้นก็
บอกว่าจะพาชายหนุ่มผู้นั้นไปหาเจ้าป่าเจ้าเขา จากนั้นเขาก็พากันไปหาเจ้าป่าเจ้าเขาพร้อมกับบริวารในหมู่บ้านจำนวนหนึ่ง เมื่อไปถึงปากถ้ำแห่งหนึ่งก็ทำพิธีกรรมจุดธูปบวงสรวงเซ่นไหว้บอกกล่าวเจ้าที่เจ้าทาง
สักอึดใจก็มีเสียงออกมาจากถ้ำเป็นเสียงชายชราอายุประมาณเจ็ดสิบปีแต่ฟังดูน่าเกรงขาม กล่าวถามออกมาว่า มีเรื่องสำคัญอันใดจึงหา หญิงวัยกลางคนกล่าวว่า มีผู้ชายหนุ่มน้อยหลุดทะลุมิติเข้ามาเขาอยากจะกลับออกไป
เสียงชายชราจากภายในถ้ำตอบออกมาว่า ออกไปไม่ได้หรอกเมื่อเข้ามาแล้วต้องอยู่ชั่วชีวิต รักษาศีลห้าศีลแปดตลอดไป ทันใดนั้นชายหนุ่มผู้หลุดหลงมิติมาก็แสดงสีหน้าวิตกกังวล เพราะบอกทางบ้านว่าจะไปเที่ยวไม่กีวัน และอีกอย่างที่นี่ไม่มีไฟฟ้าใช้เลย โทรทัศน์ก็ไม่มีดู วิทยุก็ไม่มีฟังพังเลยชีวิตนี้ยิ่งกว่าติดคุกเสียอีก(ติดยี่สิบปีจบ)ติดอยู่ในเมืองบังบด(สี่ร้อยปีจบ) เรียกว่าถ้าออกมาได้ไม่ต้องตามหาญาตืกันเลยทีเดียว หลังจากชายหนุ่มครุ่นคิดอยู่สักพัก ก็มีเสียงชายชราจากภายในถ้ำซึ่งมองไม่เห็นตัวตนบอกว่าให้กลับกันได้แล้ว หลังจากนั้นมาชายหนุ่มผู้นั้นก็อาศัยอยู่ในเมืองบังบดนานนับเดือนซึ่งก็จะมีพระอาทิตย์ขึ้น/ลง พระจันทร์ขึ้น/ลงเหมือนเมืองมนุษย์ เขาเฝ้านับวันโดยการเขียนเป็นเส้นสี่เส้นขีดขวางหนึ่งเส้นเป็นห้าวัน เขาทำอยู่เช่นนี้นานนับเดือนระหว่างนั้นหญิงวัยกลางคนนั้นก็มาชอบชายหนุ่มผู้หลงมิติแต่ทว่าชายหนุ่มผู้นั้นไม่สนใจและหมายปอง เพราะหน้าตาและหุ่นของเธอไม่ถูกสเปก เพราะมีสาวที่หมายตาเอาไว้แล้วเพียงรอจังหวะสพโอกาส ซึ่งก็เป็นดังคาดที่ชายหนุ่มผู้นี้คิดแผนไว้ในใจนานแล้วเพราะอยู่ในเมืองบังบดมีแต่ตะเกียงน้ำมันกาด กินแต่ผักแต่ปลาและกล้วยเป็นหลัก เป็ดไก่ไม่ได้แดกเลี้ยงไว้ดูเล่นแบบหมา ชายหนุ่มผู้นั้นได้ใช้ความ
เฉลียวฉลาดหลักแหลมและแสนเจ้าเล่ห์เพื่อจะแก้แค้นเอาคืนซึ่งความเป็นมนุษย์กลับคืนมา หรือพูดอีกอย่างง่ายๆว่าทีใครทีมัน จากนั้นชายหนุ่มก็พูดบ่ายเบี่ยงแบบมีเชิงว่ามีหญิงสาวที่ต้องตาแล้ว หยิงวัยกลางคนนั้นก็มีทีท่าเสียใจอยู่ไม่น้อยแบบว่าตบมือข้างเดียวมันไม่ดัง ก็เลยต้องตกกะไดพลอยโจนไปกลับแผนการณ์อันดีของชายหนุ่มผู้นั้น หลังจากวันนั้นชายผู้หลงมิติก็ได้เมียจากเมืองบังบดสมใจหมายปองไปโลดเลย หลังจากนั้นเขาก็ดำเนินการตามผน มุ่งหน้าสู่ใต้สุดหมู่บ้านได้เมียอีกหนึ่ง มุ่งหน้าทางทิศตะวันออกเมียอีกหนึ่งคน และท้ายสุดทิศตะวันตกเอาเมียอีกหนึ่งคนซึ่งชายหนุ่มผู้นี้ใช้ความฉลาดหลักแหลมวนเวียนอยู่กินกับเมียสีคน คนละสองวัน อยู่นานนับเดือนซึ่งมันก็จะความแตกเพราะมีอยู่วันหนึงที่ชายหนุ่มผู้นี้ไม่อยู่สองวันอย่างเดิมกลับอยู่กับเมียคนแรกสามวัน เมียคนที่สองมาตามถึงหน้ากระตอบชายหนุ่มผู้นั้นถึงกับตกตะลึง เอ่ยท้าวความเดิมที่หญิงวัยกลางคนมาหลงชอบชายหนุ่มผู้นั้นแต่ไม่สมหวังกลับตกเป็นเครื่องมือให้ชายหนุ่มใช้สปายสายลับ แล้วก็รู้เรื่องของชายหนุ่มผู้นั้นที่มีเมียในเมืองบังบดถึงสี่คนเก็บไว้เป็นความลับอย่างดีและไม่ให้แพร่งภายบอกกล่าวคนในหมู่บ้านแต่ก็มีจำนวนไม่น้อยนับร้อยเลยทีเดียวที่รับรู้เรื่องราวเหล่านั้เพราะความลับไม่มีในโลกและในเมืองบังบดลับแล กลับมาสู่ความเดิมเมื่อสองนางมาปะจันหน้ากันจะๆก็เกิดการโต้เถียงกันเป็นพันลวัลย์ว่าใครเป็นเมียที่แท้จริงใครเป็นกิ๊ก จนเรื่องเข้าถึงหูของเมียอีกสองคน ทันใดนั้นชายหนุ่มผู้หลงมิติก็ได้เข้าห้าปรามเมียคู่แรกที่ทะเลาะกันอยู่แต่ก็ไม่เป็นผลสำเร็จ จนชายหนุ่มผู้นั้นเหลือที่จะอดกลั้นอารมณ์เอาไว้อยู่กำลังจะเอ่ยปากอยู่พอดี ลมเจ้ากรรมในท้องมันก็ตีกลับลงล่างเปลี่ยนเป็นเสียงตด...ปู๊ดๆๆ (ชายผู้นี้เขาอั้นขี้มาหลายวัน)พร้อมกับกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ตลบอบอวนไปทั่วบริเวร ออกมาดังสั่นหวั่นไหวกลบเสียงของเมียสาวทั้งคู่ที่ทะเลาะกันอยู่(พระเจ้าช่วยกล้วยทอดเป็นไปได้ไงเนี่ย ในใจของชายหนุ่มผู้นั้นนีก)จนเมียสาวทั้งสองหยุดทะเลาะกันหันหน้ามาทางเจ้าของเสียง
ที่ปล่อยออกมาแล้วเอ่ยปากแทบจะเป็นเสียงเดียวกันถามว่าใครผายลม(ตด) ก็เลยเข้ามุขเด็ดสุดท้ายตามแผนของชายหนุ่มที่วางไว้ เพราะที่นี่เขารักษาศีลห้า/ศีลแปดในวันพระ แต่นี่ชายหนุ่มผู้หลุดมิติมีเมียถึงสี่คนผิดศีลไปแล้วหนึ่งข้อ(กาเมสุมิท) และก็จะผิดศีลอีกหนึ่งข้อ(มุสวาทา) แล้วชายหนุ่มผู้นั้นที่ตดกลับพูดว่าไม่ได้ตด(ปล่าวตด) จึงเกิดการโต้เถียงกันขึ้นแบบเราสามคน แบบไม่มีทางออกเพราะไม่มีใครรับเป็นเจ้าของเสียงปริศนา จนกระทั่งหญิงวัยกลางคนและเมียที่เหลืออีกสองคนพร้อมทั้งชาวบ้านจำนวนหนึ่งที่ชอบทำตัวเป็นไทยมุงและที่รับรู้เรื่องราวแล้วก็ตามมาสมทบ ในทันใดนั้นเองลมเจ้ากรรมในท้องก็คำราม ออกอาก
แล้วก็ตามมาด้วยเสียงตด ปูดๆอีกครา ในครั้งนี้สักขีพยานมีถ้วนทั่วหน้าล้อมหน้าล้อมหลังหันหน้าโดยพร้อมเพรียงมายังต้นเสียง แต่ก็ได้รับคำตอบเหมือนเดิมพร้อมทั้งยืนทำหน้าตาเฉยแบบไม่รู้เรื่อง แต่ก็ไม่มีใครเชื่อเพราะเขาเห็นและได้กลิ่นกันทั่วหน้า สรุปเรื่องก็เลยไปถึงหูของเจ้าป่าเจ้าเขาให้เป็นผู้ตัดสิน และคำตัดสินก็คือให้ออกจากเมืองบังบด และใครก็ตามที่รับรู้เรื่องนี้จะออกจากเมืองบังบดก็ได้หรือจะอยู่ต่อก็ได้ แต่ก่อนจะออกจากเมืองบังบดท่านเจ้าป่าเจ้าเขา ได้มอบของที่ระลึกในฐานะที่หลุดทะลุมิติเข้ามาเที่ยวเล่นเป็นเวลาหลายเดือนนั้นก็คือก้อนทองคำบริสุทธิ์99.99%ถึงสามก้อน ก้อนละประมาณยี่สิบบาท
สรุปว่าชายหนุ่มผู้หลงมิติได้กลับออกมาดูโลกภายนอกอีกครั้ง พร้อมทั้งหญิงวัยกลางคนและเมียอีกสี่คนแล้วเหล่าบริวารอีกจำนวนหนึ่ง(นับร้อย)ที่ยังมีกิเลสหนาปัญญาทึบพากันเดินทางออกมาจากเมืองบังบดเมื่อเจ้าป่าเจ้าเขาเปิดทางและอวยชัยให้พรในสิ่งที่ดีแล้วท้ายสุด เขาเรียกว่าบุญมีแต่กรรมบัง เมื่อชายหนุ่มผู้นั้นเดินพันออกมาจากเขตเมืองบังบด แล้วหยิบทองที่ซ่อนไว้อยู่ในกระเป๋าเสื้อ แต่ทว่าทองที่หยิบออกมานั้นกลับกลายเป็นขี้หมาสามก้อน แล้วชายผู้นั้นก็อุทานขึ้นมาอีกครั้ง เอ๊....แบบนี้เขาเรียกว่ากำขี้ดีกว่ากำตดหรือเปล่าเนี่ย (กูซึ้งซาบซึ้งใจจริงๆเจ้าป่าเจ้าเขาเอ้ย)ซึ่งก็มีชายชาวเมืองบังบดคอยซุ่มดูอยู่เป็นระยะๆกลัวว่าจะเชิดทองหนีไปคนเดียว แล้วชายผู้นั้นก็ตะโกนออกไปว่าทีใครทีมันจริงๆพร้อมทั้งเหวี่ยงก้อนขี้สามก้อนนั้นกลับเข้าไปในเมืองบังบดเหมือนเดิมซึ่งก็มีชาวเมืองบังบดยืนตกตะลึงกันทั่วหน้าที่เห็นทองกลับกลายเป็นขี้ สุดท้ายชายหนุ่มผู้หลุดมิติและชาวเมืองบังบดที่ออกมาพร้อมกับชายหนุ่ม ไม่ได้อะไรเลย ไม่มีอะไรแบ่งกันเลย จึงต้องแยกย้ายทางใครทางมัน เป็นอันจบ
 
{{จบอ้างอิง}}