ผลต่างระหว่างรุ่นของ "มาร์โกส โรโฆ"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Potapt (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
Potapt (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 20:
 
}}
'''เฟาส์ตีโน มาร์โกส อัลเบร์โต โรโฮโค''' ({{lang-es|Faustino Marcos Alberto Rojo}}) เกิดเมื่อวันที่ 20 มีนาคม ค.ศ. 1990 [[นักฟุตบอล]][[ชาวอาร์เจนตินา]] ปัจจุบันเล่นกับ[[สโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด]] เล่นตำแหน่ง[[กองหลัง]] เป็นกองหลังดาวรุ่งจากฟุตบอลโลก 2014 โดยเล่นให้กับทีมชาติอาร์เจนตินา โรโฮโคเริ่มอาชีพนักฟุตบอลที่สโมสรท้องถิ่นเอสตูเดียนเตสเดลาปลาตา และคว้าแชมป์[[โกปาลีเบร์ตาโดเรส]]ในปี ค.ศ. 2009 หลังจากนั้นเขาย้ายไปที่สโมสรสปาร์ตัคมอสโกและ[[สปอร์ติงลิสบอน]] หลังจากทำผลงานใน[[ฟุตบอลโลก 2014]] สโมสรแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดก็ซื้อตัวเขาไปในราคา 16 ล้านปอนด์
 
== ประวัติการค้าแข้ง ==
มาร์กอส โรโฮโค เป็นกองหลังที่ดุดันตามแบบฉบับแข้งชาว[[ประเทศอาร์เจนตินา|อาร์เจนไตน์อาร์เจนตินา]] โดยมีสไตล์รูปแบบการเข้าสกัดที่รุนแรงซึ่งเป็นคุณสมบัติที่แฟนบอลชื่นชอบในถิ่น[[โอลด์แทรฟฟอร์ด|โอลด์ แทรฟฟอร์ด]] นักเตะจาก[[ทวีปอเมริกาใต้]] มีความชื่นชอบการปะทะทางร่างกายเหมือนกับที่มีให้รอยสัก โดยคำว่า '''''<nowiki/>'"Pride'<nowiki/>'''''" และ '''<nowiki/>'<nowiki/>''"Glory''<nowiki/>''''" ถูกสลักลงบนต้นขาของเขา เพื่อส่งคำเตือนไปยังกองหน้ารายใดก็ตาม
 
โรโฮโคโชว์ผลงานโดดเด่นที่สุดตลอดช่วงเวลาสามปีกับ[[สโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด|แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด]]ใน[[พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2016–17|ฤดูกาล 2016/172017]] ก่อนที่อาการบาดเจ็บเอ็นไขว้หน้าข้อเข่าฉีกขาดจะทำให้เขาต้องปิดเทอม ตำแหน่งปราการหลังตัวกลางเป็นจุดที่เปิดโอกาสให้ทุกคนตอนซีซั่นเริ่มต้นขึ้น และเขาก็คว้าเอาไว้ได้ โดยเป็นกำลังสำคัญในแผงแบ็คโฟร์ที่เหนียวแน่นที่สุดของลีก ทั้งความโหดเหี้ยมในจังหวะเข้าสกัดและความแข็งแกร่งในลูกกลางอากาศ โรโฮกโคกลายเป็นกำลังสำคัญของทีมโดยพาต้นสังกัดคว้าแชมป์[[อีเอฟแอลคัพ|ลีก คัพ]]และ[[ยูฟ่ายูโรปาลีก|ยูโรป้า ปาลีก]]มาครอง
 
ฤดูกาลที่ประเดิมสนามกับ[[สโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด|แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด]]ของเขาต้องเผชิญกับอาการบาดเจ็บ รวมทั้งอาการไหล่หลุดในศึก[[แมนเชสเตอร์ดาร์บี|แมนเชสเตอร์ ดาร์บี้]] แมทช์ - โรโฮลงโคลงเล่นไปแค่ 26 นัด จากทุกรายการ แต่ก็ยิงประตูได้ในการแข่งขัน[[เอฟเอคัพ|เอฟเอ คัพ]] ที่เอาชนะ[[สโมสรฟุตบอลเคมบริดจ์ ยูไนเต็ด|แคมบริดจ์ เคมบริดจ์ยูไนเต็ด]] 3-0 ปราการหลังสารพัดประโยชน์ของยูไนเต็ด ปิดฉาก[[พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2015–16|ฤดูกาล 2015/162016]] ด้วยการรับใช้ทีมชาติในการแข่งขัน[[โคปาอเมริกา|โคปา อเมริกา]] จัดขึ้นที่ประเทศ[[สหรัฐ|สหรัฐอเมริกา]] แต่ต้องพบกับความผิดหวังในรอบชิงชนะเลิศเพราะ[[ฟุตบอลทีมชาติอาร์เจนตินา|ทีมชาติอาร์เจนติน่าอาร์เจนตินา]]พ่ายการดวลจุดโทษให้กับ[[ฟุตบอลทีมชาติชิลี|ทีมชาติชิลี]] ซึ่งถือเป็นเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในรอบชิงดำ ปี 2015
 
อาการบาดเจ็บบริเวณหัวไหล่ที่เคยเกิดขึ้นไปแล้วและอาการบาดเจ็บในส่วนอื่นทำให้ฤดูกาลที่สองของโรโฮโคกับปีศาจแดงต้องหยุดชะงัก แต่เขาได้ลงสนามมากขึ้นเป็น 28 นัด และคว้าเหรียญรางวัลแรกจากชัยชนะในศึกเอฟเอ คัพ รอบชิงชนะเลิศเหนือ[[สโมสรฟุตบอลคริสตัลพาเลซ|คริสตัล พาเลซ]]ที่[[สนามกีฬาเวมบลีย์|สนามเวมบลีย์]]
 
โรโฮโคได้รับความสนใจจากยูไนเต็ดตอนโชว์ฟอร์มโดดเด่นในการแข่งขันฟุตบอลโลก 2014 ซึ่งเขามีส่วนร่วมรับใช้ชาติ 6 จาก 7 นัด พลาดไปเพียงเกมเดียวในรอบก่อนรองชนะเลิศที่พบ[[ฟุตบอลทีมชาติเบลเยียม|ทีมชาติเบลเยี่ยมเบลเยียม]]เนื่องจากติดโทษแบน กองหลังรายนี้ยังสามารถยิงประตูแรกให้กับอาร์เจนติน่าอาร์เจนตินาระหว่างการแข่งขันรอบแบ่งกลุ่มที่เอาชนะ[[ฟุตบอลทีมชาติไนจีเรีย|ทีมชาติไนจีเรีย]] 3-2 โดยนักวิเคราะห์ของ [[Castrol performance index|Castrol Index]] ยังได้เลือกให้เขาติดทีมยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเม้นต์ทัวร์นาเมนต์ด้วยผลงานเฉลี่ย 9.5 เต็ม 10 คะแนนอีกด้วย
 
อเลฮานโดรอาเลคันโดร ซาเบลล่าเบลา กุนซือ[[ฟุตบอลทีมชาติอาร์เจนตินา|ทีมฟ้าขาว]] ณ เวลานั้น เคยร่วมงานกับโรโฮโคสมัยอยู่ด้วยกันที่เอสตูดิอานเตสเดียนเตส โดยเถลิงแชมป์[[โกปาลีเบร์ตาโดเรส|โคปา ลิเบอตาดอเรส]]ในปี 2009 และรับใช้ตอร์เนโอ้ อาแปร์ตอร์เนโออาเปร์ตูร่าราหนึ่งปีหลังจากนั้น ถัดมาเขาได้ย้ายมาค้าแข้งที่ยุโรปกับสปาร์ตัก มอสโกว์สปาร์ตัคมอสโก แต่ก็ไม่สามารถปรับตัวกับการใช้ชีวิตในรัสเซียให้อดีตต้นสังกัดของ[[เนมันยา วีดิช|เนมันย่า วิดิช]] อย่างไรก็แล้วแต่ โอกาสในการติดทีมชาติอาร์เจนติน่าอาร์เจนตินายังไม่หายไป และเขาก็ได้มีส่วนร่วมลงแข่งขันโคปา อเมริกา ซึ่งก็ยังสามารถพิสูจน์คุณค่าในเวทีระดับสูงสุด
 
การย้ายไปค้าแข้งให้กับ[[สปอร์ติ้งติง ลิสบอน|สปอร์ติ้งติง]]เกิดขึ้นในช่วงซัมเมอร์ ปี 2012 ด้วยค่าตัวประมาณ 3.5 ล้านปอนด์ และหลังจากที่ปรับตัวเข้ากับชีวิตในลีกโปรตุเกส เขาสามารถโชว์ผลงานที่โดดเด่นตลอดฤดูกาล 2013/14 ช่วยให้ทีมจบในตำแหน่งรองแชมป์ตามหลัง[[สปอร์ลิชบัวอีไบฟีกา|เบนฟิก้าไบฟีกา]] แม้ว่าจะลงประจำการในตำแหน่งแบ็ค-แบ็กซ้ายให้กับอาร์เจนติน่าอาร์เจนตินาเป็นส่วนใหญ่ แต่โรโฮโคมักถูกจับมายืนเป็นกองหลังตัวกลางในแนวรับของสปอร์ติ้งติงซึ่งถือว่าเหมาะสมกับแผงหลังสามคน ส่งผลประโยชน์ต่อมายังระบบการเล่น 3-5-2 ของ[[ลูวี ฟัน คาล|หลุยส์ ฟาน กัล]] ที่แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด จึงได้ดึงเข้าร่วมทีม
 
'''''โรโฮโค''''' - มีความหมายในภาษาสเปน แปลว่า '''<nowiki/>'<nowiki/>''สี"แดง''<nowiki/>''''" ซึ่งโรโฮกโคกลายเป็นผู้เล่นชาวอาร์เจนไตน์อาร์เจนตินาคนที่สี่ซึ่งย้ายมาอยู่กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตามหลังถัดจาก[[ฮวนควน เซบาสเตียนเซบัสเตียน เวรอนเบรอน]] อดีตเพื่อนร่วมทีมเอสตูดิอานเตสเดียนเตส, [[กาเบรียล ไฮน์เซ่ไอน์เซ]] และ[[การ์โลส เตเบซ|คาร์ลอส เตเบซ]]
 
== อ้างอิง ==