ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ผู้ใช้:Thomson Walt/กระบะทราย 2"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Thomson Walt (คุย | ส่วนร่วม)
Thomson Walt (คุย | ส่วนร่วม)
บรรทัด 4:
ด้วยความก้าวหน้าทาง[[เภสัชเคมี]] ทำให้ยาปฏิชีวนะที่มีใช้อยู่ทุกวันนี้สามารถผลิตได้จากวิธีการกึ่งสังเคราะห์ โดยการดัดแปลงสูตรโครงสร้างของสารประกอบจากธรรมชาติที่มีฤทธิ์ต้าน[[แบคทีเรีย]]ให้มีความเหมาะสมในการใช้กับมนุษย์มากขึ้น<ref name="Nussbaum2006">{{cite journal|last1=von Nussbaum|first1=Franz|last2=Brands|first2=Michael|last3=Hinzen|first3=Berthold|last4=Weigand|first4=Stefan|last5=Häbich|first5=Dieter|title=Antibacterial Natural Products in Medicinal Chemistry—Exodus or Revival?|journal=Angewandte Chemie International Edition|date=4 August 2006|volume=45|issue=31|pages=5072–5129|doi=10.1002/anie.200600350|url=http://onlinelibrary.wiley.com/doi/10.1002/anie.200600350/abstract;jsessionid=1D843B672707790C436223082CDC24FC.f04t02|accessdate=3 August 2016|language=en|issn=1521-3773|pmid=16881035}}</ref> ตัวอย่างที่เห็นได้อย่างชัดเจนคือ ยาปฏิชีวนะจำพวก[[บีตา-แลคแตม]] ซึ่งกลุ่ม[[เพนิซิลลิน]] (ผลิตจาก[[รา]]ใน[[Penicillium|สกุลเพนิซิลเลียม]]), กลุ่ม[[เซฟาโลสปอริน]], และกลุ่ม[[คาร์บาพีแนม]] ก็ล้วนแต่ถูกจัดอยู่ในยาปฏิชีวนะจำพวกนี้ ส่วนยาปฏิชีวนะที่ใช้ในปัจจุบันที่ต้องสกัดจาก[[จุลชีพ]]ที่มีชีวิตเท่านั้น คือ ยาปฏิชีวนะในกลุ่ม[[อะมิโนไกลโคไซด์]] ส่วนกลุ่มอื่นๆนั้นล้วนได้มาจากการสังเคราะห์ใน[[ห้องปฏิบัติการ]] เช่น [[ซัลโฟนาไมด์]], [[ควิโนโลน]], [[ออกซาโซลิไดโอน]] เป็นต้น<ref name="Nussbaum2006"/> ยาปฏิชีวนะโดยส่วนใหญ่มักมีขนาด[[โมเลกุล]]ที่ค่อนข้างเล็กและมี[[มวลโมเลกุล]]น้อยกว่า 1000 [[ดาลตัน]]<ref>{{cite book|url=https://books.google.com/books?id=av5SHPiHVcsC&lpg=PA800&ots=Poh9XTWpBC&dq=oral%20drug%20molecular%20weight%20distribution%20antibiotics&pg=PA800#v=onepage&q&f=false |title=Antibiotic Discovery and Development |author1=Dougherty TJ |author2=Pucci MJ |publisher=Springer |date=18 December 2011 |page=800}}</ref>
 
การที่[[เอินซต์ เชน]]และ[[ฮาเวิร์ด ฟลอเรย์]]สามารถสกัด[[เพนิซิลลิน]]บริสุทธิ์เพื่อใช้ในมนุษย์ได้สำเร็จใน ค.ศ. 1941<ref name="ucsusa.org">{{cite book | url=http://www.ucsusa.org/assets/documents/food_and_agriculture/cafos-uncovered.pdf | author=Doug Gurian-Sherman |month=April|year=2008 |title=CAFOs Uncovered: The Untold Costs of Confined Animal Feeding Operations |editor= Union of Concerned Scientists |publisher= Cambridge, MA|language=English}}</ref> ทำให้ยาดังกล่าวถูกผลิตขึ้นให้กับกองทัพเพื่อใช้รักษาผู้บาดเจ็บ[[ฝ่ายสัมพันธมิตรในสงครามโลกครั้งที่สอง|ฝ่ายสัมพันธมิตร]]ในระหว่างการทำ[[สงครามโลกครั้งที่ 2]] เป็นจำนวนมาก จนทำให้การผลิตที่[[ประเทศอังกฤษ]]นั้นไม่สามารถสนับสนุนความต้องการในการใช้ยานี้ได้อย่างเพียงพอ จึงได้มีการย้ายฐานการผลิตไปยัง[[สหรัฐอเมริกา]] ซึ่งมีกำลังการผลิตที่มากกว่า จนกระทั่ง[[สงครามโลกครั้งที่ 2]] สิ้นสุดลง จึงได้มีการผลิต[[เพนิซิลลิน]]ออกสู่ตลาดยาสาธารณะ อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่ายาปฏิชีวนะที่มีอยู่ในตลาดยาทุกวันนี้ส่วนใหญ่จะได้มาจากการสังเคราะห์ของจุลชีพ (เช่น [[เพนิซิลลิน]]) แต่ด้วยความก้าวหน้าของ[[เทคโนโลยีชีวภาพ]]ทำให้สามารถเพิ่มศักยภาพการผลิตได้มากขึ้น จนสามารถผลิตในเชิงการค้าได้ในที่สุด ด้วยความก้าวนี้ทำให้สามารถผลิต[[เพนิซิลลิน]]ได้มากกว่าวิธีการสกัดแรกเริ่มของ[[อเล็กซานเดอร์ เฟลมมิง|เฟลมมิง]]ถึง 40000 เท่า<ref>{{cite journal|author=Shu-Jen Chiang |year=2004 |url=http://www.springerlink.com/content/p8cu7jgktnq7w41w/ |title=Strain improvement for fermentation and biocatalysis processes by genetic engineering technology |journal= Journal of Industrial Microbiology and Biotechnology |doi=10.1007/s10295-004-0131-z |volume= 31 |issue=3 |page=99-108 }}</ref> ต่อมาในช่วงปลายทศวรรษที่ 1960 นักวิจัยพบว่า[[แบคทีเรีย]]ที่ผลิต[[เพนิซิลลิน]]นั้นสามารถเจริญได้ดีในสภาวะที่ไม่มีออกซิเจน การค้นพบนี้ทำให้ศักยภาพการผลิต[[เพนิซิลลิน]]เพิ่มขึ้นอีกถึง 200{{nbsp}}%<ref name="nasa">{{cite web | author=Karen Miller, Dr. Tony Phillips |month=March|year=2002 |url=http://ciencia.nasa.gov/science-at-nasa/2002/29mar_antibiotics/ |title=Antibióticos del Espacio |editorialeditor=NASA: Desarrollo de Productos Espaciales - Centro Marshall para Vuelos Espaciales |accessdate=4 September, 2008}}</ref>
 
หลังจากการค้นพบ[[เพนิซิลลิน]]เพียงไม่กี่ปี พบว่ายาดังกล่าวเป็นที่นิยมและแพร่หลายเป็นอย่างมาก โดยในปี ค.ศ. 1945 มีการผลิต[[เพนิซิลลิน]]ขึ้นมากถึง 646 พันล้านยูนิต แต่ต่อมาหลังมีการพัฒนายากลุ่มดังกล่าวจนได้เป็น[[เซฟาโลสปอริน|ยากลุ่มเซฟาโลสปอริน]] ทำให้แนวโน้มการใช้ยาปฏิชีวนะนั้นโน้มเอียงมาทางยากลุ่มนี้มากขึ้น โดยในปี ค.ศ. 1980 [[เซฟาโลสปอริน|ยากลุ่มเซฟาโลสปอริน]]เป็นยาปฏิชีวนะที่ถูกผลิตขึ้นเชิงการค้ามากที่สุด ตามมาด้วย[[แอมพิซิลลิน]] และ[[เตตราไซคลีน]] ตามลำดับ เป็นที่คาดการณ์กันว่าในปีนั้นมีการผลิตยาปฏิชีวนะในปริมาณรวมมากถึง 100 [[ล้าน]][[กิโลกรัม]] มูลค่าการซื้อขายเฉพาะยาปฏิชีวนะใน[[สหรัฐอเมริกา]]ในปีนั้นมีมากถึง 1000 [[ล้าน]][[ดอลลาร์สหรัฐ]] ส่วนมูลค่าทางการตลาดของยาปฏิชีวนะทั้งหมดในปัจจุบันนั้นมีมูลค่าประมาณ 20000 [[ล้าน]][[ดอลลาร์สหรัฐ]]<ref name="nasa"/> ทั้งนี้ ในการคิดค้นและพัฒนายาปฏิชีวนะชนิดใหม่เข้าสู่ตลาดยาในปัจจุบันนั้นต้องใช้งบประมาณประมาณ 1200 [[ล้าน]][[ดอลลาร์สหรัฐ]]<ref name="scielocuba">{{cite journal | author=Fresno Chavez, Caridad |title=El diseño de nuevos antibióticos |journal=Revista Cubana de Medicina General Integral |year=2001|volume=17 |issue=2 |page=196-199 |url=http://scielo.sld.cu/pdf/mgi/v17n2/mgi15201.pdf |issn=0864-2125|language=Spanish}}</ref> แต่ด้วยมูลค่าทางการตลาดที่มหาศาลของยาปฏิชีวนะชนิดหนึ่งๆ ทำให้ธุรกิจด้านการคิดค้นพัฒนายาชนิดนี้ออกจำหน่ายในตลาดยานั้นมีการแข่งขันกันเป็นอย่างมาก โดยการดำเนินงานวิจัยเพื่อคิดค้นและพัฒนายาใหม่ในปัจจุบันมักเป็นการดำเนินงานโดยบริษัทที่เน้นการดำเนินธุรกิจจัดจำหน่ายเคมีภัณฑ์และโภคภัณฑ์ (Commodity chemical) เป็นส่วนมาก<ref>{{cite book |author=Allen I. Laskin, Geoffrey M. Gadd, Sima Sariaslani |year=2008 |url=http://books.google.com/books?id=g63vQEExc8QC&dq=penicillin+commodity&lr=&hl=es&source=gbs_summary_s&cad=0 |title=Advances in Applied Microbiology |editor= Academic Press |isbn= 0-444-53191-2 |language=English}}</ref>
 
ความสำคัญทางการแพทย์ของ[[ยาต้านจุลชีพ]] ซึ่งรวมไปถึงยาปฏิชีวนะนั้น ได้นำมาซึ่งการค้นคว้าวิจัยเพื่อคิดค้นพัฒนายาปฏิชีวนะชนิดใหม่อย่างกว้างขวางและเข้มข้น จากนั้นก็ตามมาด้วยการพยายามคิดค้นพัฒนายาปฏิชีวนะชนิดใหม่ที่สามารถออกฤทธิ์ครอบคลุมเชื้อก่อโรคได้เป็นวงกว้าง, มีการผลิตยาปฏิชีวนะโดยใช้กระบวนการหมักเชื้อในเชิงอุตสาหกรรม ซึ่งใช้แบคทีเรียกลุ่ม[[สิ่งมีชีวิตที่ไม่ต้องการออกซิเจน|ที่ไม่ใช้ออกซิเจน]]เป็นหลัก<ref name="nasa"/> จนทำให้จำนวนยาปฏิชีวนะที่ถูกค้นพบมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจาก 500 ชนิดในทศวรรษที่ 1960 เป็นมากกว่า 11000 ชนิดในปี ค.ศ. 1994 โดยกว่าร้อยละ 50 ของยาปฏิชีวนะเหล่านี้ได้มาจากการสังเคราะห์ของ[[แบคทีเรีย]][[Streptomyces|สกุลสเตรปโตมัยซิส]]<ref name="def">{{cite book|author=Strohl W. R.|url=http://books.google.com/books?id=rDFIGohu4doC&pg=PA1&dq=antibiotic&hl=es&sig=ACfU3U2fnFfLI7ZHHpCfVcDJw6YoGPeb6g#PPA1,M1 |title=Biotechnology of Antibiotics |language=English|work= Informa Health Care|year= 1997 |isbn=0-8247-9867-8}}</ref> ส่วนจุลชีพสายพันธุ์อื่นที่มีความสำคัญในการผลิตยาปฏิชีวนะ ได้แก่ [[ราเส้นใย]] และ[[แอคติโนมัยสีท]]สายพันธุ์อื่นที่นอกเหนือจาก[[Streptomyces|สกุลสเตรปโตมัยซิส]]<ref>{{cite journal | last1 = Mahajan | first1 = GB | year = 2012 | title = Antibacterial agents from actinomycetes - a review | url = | journal = Frontiers in Bioscience | volume = 4 | issue = | pages = 240–53 | doi = 10.2741/e373 }}</ref>