ผลต่างระหว่างรุ่นของ "สโมสรฟุตบอลบีบีซียู"

| league = [[ไทยลีก]]

'''สโมสรฟุตบอลบีบีซียู''' มีชื่อเต็มว่า "สโมสรฟุตบอลบิ๊กแบง จุฬาฯ ยูไนเต็ด" เป็นสโมสรฟุตบอลอาชีพใน[[ประเทศไทย]] เจ้าของคือ สมาคมสโมสรสินธนา เป็นสโมสรที่เคยประสบความสำเร็จในช่วงต้นยุค 40 (พ.ศ.) ภายใต้ชื่อ "สโมสรฟุตบอลสินธนา" โดยสามารถคว้าแชมป์ [[ไทยลีก|ไทยพรีเมียร์ลีก]] 1 ครั้ง แชมป์ [[ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานประเภท ก.|ถ้วยพระราชทานประเภท ก]] 2 ครั้ง และแชมป์ [[ไทยเอฟเอคัพ (ไทย)|เอฟเอคัพ]] 1 ครั้ง นอกจากนี้ ในช่วงที่สโมสรตกชั้นไปจากลีกสูงสุดก็ยังสามารถคว้าแชมป์ [[ไทยลีกภูมิภาค ดิวิชัน 24|ดิวิชัน 2]] ได้อีก 1 ครั้ง

สโมสรฟุตบอลบีบีซียู ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2519 ภายใต้ชื่อ "ทีมฟุตบอลบางเตย" โดย [[มนตรี สุวรรณน้อย]] เด็กหนุ่มวัย 20 ปี ผู้มีความฝันที่จะคว้า[[ไทยพรีเมียร์ลีก|แชมป์ฟุตบอลประเทศไทย]] โดยในช่วงแรกนั้นเป็นเพียงทีมฟุตบอลเล็กๆที่ลงทำการแข่งขันในรายการ "บางกะปิ คัพ" รวมไปถึงรายการระดับสมัครเล่นอื่นๆที่มีการจัดการแข่งขันในย่าน [[บึงกุ่ม]]-[[เขตบางกะปิ|บางกะปิ]] ก่อนที่จะเข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลในระดับ [[ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานประเภท ง.|ถ้วยพระราชทาน ง]] เป็นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2531 และเปลี่ยนชื่อเป็น "สโมสรฟุตบอลบางเตย-สุวรรณน้อย"

บางเตย-สุวรรณน้อย ลงสนามในนัดอย่างเป็นทางการนัดแรกพบกับ [[สโมสรฟุตบอลราชนาวี|ราชนาวีสโมสร]] (ชุด [[ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานประเภท ง.|"ถ้วย ง"]]) ในการแข่งขันฟุตบอล [[ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานประเภท ง.|ถ้วยพระราชทาน ง]] พ.ศ. 2531 โดยในนัดนั้น เสมอกันไป 1-1 และ มนตรี สุวรรณน้อย ในวัย 32 ปี เป็นผู้ยิงประตูแรกในประวัติศาสตร์สโมสรได้สำเร็จ ก่อนที่ทีมจะทำผลงานได้ดีอย่างต่อเนื่องจนได้สิทธิ์เลื่อนชั้นขึ้นสู่ [[ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานประเภท ค.|ถ้วยพระราชทาน ค]] ในทันทีเมื่อสิ้นสุดฤดูกาลแรก โดยผู้เล่นของทีมที่พอจะเป็นที่รู้จักในเวลานั้นคือ [[สมบัติ ลีกำเนิดไทย]] ที่สามารถก้าวขึ้นมาติด[[ฟุตบอลทีมชาติไทย|ทีมชาติไทย]]ชุดเยาวชนเป็นคนแรกของสโมสรได้สำเร็จ

ฤดูกาลต่อมา ใน [[ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานประเภท ค.|ถ้วยพระราชทาน ค]] ทีมก็ยังคงทำผลงานได้ดีอย่างต่อเนื่องและจบฤดูกาลด้วยสิทธ์เลื่อนชั้นขึ้นสู่ [[ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานประเภท ข.|ถ้วยพระราชทาน ข]] นับเป็นการเลื่อนชั้น 2 ปีซ้อน โดยในปีต่อมา ทีมเปลี่ยนชื่ออีกครั้งเป็น "สโมสรฟุตบอลสินธนา" และใช้เวลาสร้างทีมอยู่ใน [[ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานประเภท ข.|"ถ้วย ข"]] เป็นเวลา 3 ปี ก่อนจะก้าวขึ้นสู่ [[ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานประเภท ก.|ถ้วยพระราชทาน ก]] ซึ่งเป็น[[ไทยพรีเมียร์ลีก|การแข่งขันฟุตบอลระดับสูงสุดของประเทศไทย]]ในเวลานั้นได้สำเร็จในปี พ.ศ. 2536

ตั้งแต่ สโมสรสินธนา สามารถก้าวขึ้นสู่การแข่งขันระดับสูงสุดได้สำเร็จ ทีมก็พัฒนาต่อเนื่องเรื่อยมาเพื่อเป้าหมายในการคว้า[[ไทยพรีเมียร์ลีก|แชมป์ประเทศไทย]] หนึ่งในกลยุทธ์ที่สำคัญคือการวางรากฐานระบบทีมเยาวชนของทีม (ที่ริเริ่มมาตั้งแต่สมัยยังอยู่ระดับ [[ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานประเภท ข.|ถ้วย ข]]) เนื่องจาก สินธนา ไม่ใช่ทีมขนาดใหญ่ที่มีเงินจำนวนมากในการทุ่มซื้อและจ่ายค่าเหนื่อยให้กับผู้เล่นระดับแนวหน้า ทีมจึงยึดแนวคิดระบบ "อคาเดมี่" เพื่อสร้างนักเตะของตัวเองขึ้นมาจากระดับเยาวชน (ซึ่งนับเป็นสโมสรแรกๆของเมืองไทยที่มีการสร้างระบบอคาเดมี่ของตัวเอง) โดยในช่วงเริ่มแรกนั้น สโมสรใช้วิธีการสร้างเครือข่ายพันธมิตรกับโรงเรียนมัธยมหลายแห่งเพื่อเป็นฐานในการค้นหานักฟุตบอลอายุน้อย และดึงตัวมาร่วมทีมเพื่อให้เล่นร่วมกันตั้งแต่เด็กๆ ก่อนที่ภายหลัง แนวคิดนี้จะก่อให้เกิดความสำเร็จอย่างงดงามกับสโมสร

พ.ศ. 2539 [[ฟุตบอลไทย]]เกิดการปฏิรูปครั้งใหญ่ด้วยการจัดตั้ง [[ไทยพรีเมียร์ลีก|ไทยแลนด์ซอกเกอร์ลีก]] ([[ไทยพรีเมียร์ลีก|จอห์นนีวอล์กเกอร์ไทยแลนด์ซอกเกอร์ลีก]]) {[[ไทยพรีเมียร์ลีก]] ในปัจจุบัน} ขึ้นเพื่อเปลี่ยน[[ไทยพรีเมียร์ลีก|การแข่งขันฟุตบอลระดับสูงสุดของประเทศไทย]]ให้เป็นระบบลีกแทนที่ [[ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานประเภท ก.|ถ้วยพระราชทาน ก]] ส่วน [[ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานประเภท ก.|"ถ้วย ก"]] ได้ถูกเปลี่ยนรูปแบบการแข่งขันมาเป็นแบบ "แชมป์ชนแชมป์" คือนำเอาแชมป์ [[ไทยพรีเมียร์ลีก|"ไทยลีก"]] มาแข่งขันชิงดำนัดเดียว กับแชมป์ [[ไทยเอฟเอคัพ (ไทย)|เอฟเอคัพ]] ทั้งนี้ก็เพื่อไม่ให้[[ฟุตบอลถ้วยพระราชทาน|ถ้วยใบเก่าแก่ที่สุดขอประเทศไทย]]อย่าง [[ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานประเภท ก.|ถ้วย ก]] ต้องด้อยคุณค่าลงไป แต่ถึงอย่างนั้น แชมป์ [[ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานประเภท ก.|ถ้วยพระราชทาน ก]] ก็ไม่ได้ถูกนับว่าเป็น[[ไทยพรีเมียร์ลีก|แชมป์ประเทศไทย]]อย่างเป็นทางการอีกนับตั้งแต่นั้นมา โดย สินธนา ก็ได้สิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขัน [[ไทยพรีเมียร์ลีก|ไทยแลนด์ซอกเกอร์ลีก]] ด้วย และจบฤดูกาลแรกด้วยอันดับที่ 6

1 ปีหลังจากการก่อตั้งฟุตบอลลีกของไทย ยุครุ่งเรืองของ สินธนา ก็เริ่มต้นขึ้น เมื่อนักเตะเยาวชนของสโมสรอย่าง [[เศกสรรค์ ปิตุรัตน์]], [[นิเวส ศิริวงศ์]], [[กิตติศักดิ์ ระวังป่า]], [[ธนัญชัย บริบาล]], [[วิรัช วังจันทร์]], [[ธงชัย อัครพงษ์]], [[ศัตรูพ่าย ศรีณรงค์]], [[สันติ ไชยเผือก]], [[ยุทธพงษ์ บุญอำพร]] และ [[ภานุพงศ์ ฉิมผูก]] แข็งแกร่งพอที่จะก้าวขึ้นมาเป็นกำลังหลักของทีมร่วมกับนักเตะรุ่นพี่อย่าง [[สุรชัย จิระศิริโชติ]], [[ประจักษ์ เวียงสงค์]], [[พนิพล เกิดแย้ม]] และกัปตันทีมอย่าง [[อนัน พันแสน]] สินธนา จึงสามารถคว้าแชมป์ [[ไทยเอฟเอคัพ (ไทย)|เอฟเอคัพ]] ในปี พ.ศ. 2540 เป็นแชมป์แรกในประวัติศาสตร์สโมสรได้สำเร็จ และต่อด้วยการคว้าแชมป์ [[ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานประเภท ก.|ถ้วยพระราชทาน ก]] ตามมาติดๆในปีเดียวกัน อย่างไรก็ตาม สโมสรพลาดโอกาสที่จะคว้าทริปเปิลแชมป์เป็นทีมแรกของประเทศไทยไปอย่างน่าเสียดาย เมื่อพลาดท่าแพ้ให้กับ [[สโมสรฟุตบอลธนาคารกรุงเทพ|สโมสรธนาคารกรุงเทพ]] ในนัดสุดท้ายของ [[ไทยพรีเมียร์ลีก|ไทยแลนด์ซอกเกอร์ลีก]] จึงทำให้ถูก [[สโมสรฟุตบอลแอร์ฟอร์ซ ยูไนเต็ดเซ็นทรัล|สโมสรทหารอากาศ]] แซงหน้า ได้เพียงแค่รองแชมป์เท่านั้น ทั้งที่เพียงแค่เสมอก็จะคว้าแชมป์ทันที

ในปีต่อมา พ.ศ. 2541 สินธนา ได้สิทธฺ์ลงแข่งขันในฟุตบอลระดับ[[ทวีปเอเชีย]]เป็นครั้งแรกในรายการ [[เอเชียนคัพวินเนอร์คัพ]] (ปัจจุบันรายการนี้ได้ถูกรวมเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของ [[เอเอฟซีแชมเปียนส์ลีก]] แล้ว) ในฐานะแชมป์ [[ไทยเอฟเอคัพ (ไทย)|เอฟเอคัพ]] ของ[[ประเทศไทย|ไทย]] โดยทีมตกรอบสองจากการพบกับ [[คะชิมะแอนต์เลอส์|คะชิมะ แอนต์เลอร์ส]] ยอดทีมจากญี่ปุ่น ส่วนผลงานในลีก (ซึ่งเปลี่ยนชื่อมาเป็น [[ไทยพรีเมียร์ลีก|"พรีเมียร์ลีก"]] {[[ไทยพรีเมียร์ลีก|คาลเท็กซ์พรีเมียร์ลีก]]}) ก็ยังคงดีอย่างต่อเนื่อง เมื่อทีมสามารถคว้าแชมป์ได้สำเร็จในฤดูกาลที่ต้องขับเขี้ยวกันจนถึงวินาทีสุดท้าย โดย สินธนา ทำแต้มแซงหน้า [[สโมสรฟุตบอลแอร์ฟอร์ซ ยูไนเต็ดเซ็นทรัล|ทหารอากาศ]] ขึ้นคว้าแชมป์ จากประตูชัยในช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีที่ 92 ของ [[เศกสรรค์ ปิตุรัตน์]] ในเกมนัดสุดท้ายของฤดูกาลกับ [[สโมสรฟุตบอลบีอีซีโปลิศ เทโรศาสน|สโมสรบีอีซี เทโรศาสน]] หลังจบเกมในวันนั้น [[มนตรี สุวรรณน้อย]] ผู้ก่อตั้งทีมซึ่งดำรงตำแหน่งประธานสโมสรในขณะนั้น ได้ให้สัมภาษณ์ด้วยความดีใจว่า ความฝันของเขาที่ต้องการจะเป็น[[ไทยพรีเมียร์ลีก|แชมป์ประเทศไทย]]ตั้งแต่ในวันที่ก่อตั้งทีมขึ้นมาได้กลายเป็นความจริงแล้ว นอกจากนั้น ทีมยังสามารถป้องกันแชมป์ [[ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานประเภท ก.|ถ้วย ก]] เอาไว้ได้อีกสมัยในปีเดียวกัน นับเป็นช่วงเวลาที่ สินธนา รุ่งเรืองสุดขีด

หลังจากคว้า[[ไทยพรีเมียร์ลีก|แชมป์ประเทศไทย]]ได้แล้ว เป้าหมายต่อไปของ สโมสรสินธนา คือการพิสูจน์ตัวเองในการแข่งขันระดับที่สูงกว่าอย่าง[[ทวีปเอเชีย]] หลังทำได้เพียงตกรอบสอง [[เอเชียนคัพวินเนอร์คัพ|คัพวินเนอร์คัพ]] ในปีที่แล้ว ทำให้ในปีต่อมา พ.ศ. 2542 สโมสรมุ่งเน้นเป็นอย่างมากที่จะทำผลงานให้ดีใน[[เอเอฟซีแชมเปียนส์ลีก|การแข่งขันฟุตบอลรายการใหญ่ที่สุดของเอเชีย]]อย่าง [[เอเอฟซีแชมเปียนส์ลีก|เอเชียนคลับแชมเปียนชิพ]] ([[เอเอฟซีแชมเปียนส์ลีก]] ในปัจจุบัน) ที่ สินธนา ได้สิทธฺ์เข้าร่วมการแข่งขันในฐานะแชมป์ [[ไทยพรีเมียร์ลีก|พรีเมียร์ลีก]] ของ[[ประเทศไทย|ไทย]] โดยทีมสามารถผ่านเข้าไปถึงรอบก่อนรองชนะเลิศในการแข่งขันฟุตบอล[[เอเอฟซีแชมเปียนส์ลีก|ถ้วยใหญ่ของเอเชีย]]ในปีนั้น

พิษจากภาวะเศรษฐกิจฟองสบู่ในประเทศไทยช่วงต้นยุค 40 เริ่มส่งผลกระทบกับ สโมสรสินธนา ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2542 เป็นต้นมา โดยหลังจากการแข่งขันฟุตบอล[[เอเอฟซีแชมเปียนส์ลีก|ถ้วยใหญ่ของเอเชีย]]สิ้นสุดลง สโมสรต้องยอมปล่อยผู้เล่นตัวหลักออกจากทีมหลายรายในปีต่อมาเพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายของทีม อย่างไรก็ตาม นักเตะเยาวชนชุดใหม่ที่ถูกดันขึ้นมาทดแทนก็ยังมีดีพอที่จะนำทีมเข้าชิงชนะเลิศในฟุตบอลถ้วยเล็กอย่าง [[ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน ควีนสคัพ (ฟุตบอล)|ควีนส์คัพ]] ได้อีก 2 ครั้งในปี พ.ศ. 2543 และ 2545 หลังจากที่ก่อนหน้านี้เคยทำได้ 1 ครั้งในปี พ.ศ. 2539 โดยทั้ง 3 ครั้งนั้น สินธนา พลาดท่าทำได้เพียงแค่ตำแหน่งรองแชมป์ทั้งหมด ส่วนผลงานในลีกในช่วงหลายปีนี้ นับเป็นช่วงที่ทีมขาดความคงเส้นคงวา โดยทำผลงานอยู่ในกลุ่มกลางตารางสลับกับต้องหนีตกชั้นในบางฤดูกาล จนกระทั่งมาถึงฤดูกาล 2546/47 สโมสรสินธนาประสบกับปัญหาทางการเงินอย่างหนักจนทำให้ทีมจบฤดูกาลด้วยอันดับสุดท้ายของตาราง และต้องตกชั้นลงไปเล่นในระดับ [[ไทยลีกดิวิชั่น 12|ดิวิชัน 1]] เป็นครั้งแรกในปีนั้น

หลังจากที่ สินธนา ตกชั้นจาก[[ไทยพรีเมียร์ลีก|ลีกสูงสุด]]ในปี พ.ศ. 2547 สโมสรก็ได้ปล่อยผู้เล่นชุดใหญ่ออกจากทีมไปแบบยกชุด และเตรียมที่จะใช้นักฟุตบอลเยาวชนลงแข่งขันในฟุตบอล [[ไทยลีกดิวิชั่น 12|ดิวิชัน 1]] ฤดูกาล 2547/48 เนื่องจากสโมสรจำเป็นต้องประหยัดค่าใช้จ่ายในการทำทีม แต่ก่อนที่การแข่งขันจะเริ่มขึ้น [[จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย]] ได้ยื่นมือเข้ามาเป็นพันธมิตรกับสโมสร ทีมจึงมีการปรับเปลี่ยนให้ทีมงานของ [[จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย|จุฬาฯ]] เข้ามาช่วยในการบริหารทีม และเปลี่ยนชื่อทีมเป็น "สโมสรฟุตบอลจุฬาฯ-สินธนา" อย่างไรก็ตาม ทีมต้องพบกับผลการแข่งขันที่ล้มเหลวและตกชั้นลงสู่ [[ไทยลีกภูมิภาค ดิวิชัน 24|ดิวิชัน 2]] (ต่อมาได้พัฒนาเป็น [[ไทยลีกภูมิภาค ดิวิชัน 24]] ในปัจจุบัน) เมื่อจบฤดูกาล

ในปีต่อมา พ.ศ. 2549 จุฬาฯ-สินธนา ได้สร้างทีมขึ้นมาใหม่อีกครั้งโดยมีเป้าหมายเพื่อกลับไปเล่นใน[[ไทยพรีเมียร์ลีก|ลีกสูงสุดของเมืองไทย]]ให้ได้ใน 2 ฤดูกาล โดยทีมสามารถคว้าแชมป์ [[ไทยลีกภูมิภาค ดิวิชั่น 24|ดิวิชัน 2]] ในปีนั้น (ซึ่งเป็นปีแรกที่จัดการแข่งขัน) ได้สำเร็จ พร้อมกับได้สิทธ์เลื่อนชั้นกลับขึ้นมาเล่นใน [[ไทยลีกดิวิชัน 12|ดิวิชัน 1]] อีกครั้งในปีต่อมา และจากผลงานที่ดีอย่างต่อเนื่องของทีมชุดใหม่ที่มีนักเตะอย่าง [[กิตติพล ปาภูงา]], [[วุฒิชัย ทาทอง]] และ [[ปิยะชาติ ถามะพันธ์]] เป็นแกนหลัก สโมสรก็สามารถคว้าตำแหน่งรองแชมป์ [[ไทยลีกดิวิชัน 12|ดิวิชัน 1]] ฤดูกาล 2550 และได้เลื่อนชั้นกลับขึ้นสู่[[ไทยพรีเมียร์ลีก|ลีกสูงสุด]]ได้สำเร็จตามเป้าหมาย

พ.ศ. 2551 สโมสรได้จดทะเบียนเพื่อดำเนินกิจการในรูปแบบ[[บริษัทจำกัด]] และเปลี่ยนชื่อเป็น "สโมสรฟุตบอลจุฬาฯ ยูไนเต็ด" โดยทีมได้ลงเล่นอยู่ใน [[ไทยลีก|ไทยพรีเมียร์ลีก]] 2 ปี ก็ต้องตกชั้นสู่ [[ไทยลีก 2|ไทยลีกดิวิชัน 1]] อีกครั้ง

ในฤดูกาล 2554 ทีมได้มีการเปลี่ยนชื่ออีกครั้งเป็น "สโมสรฟุตบอลบีบีซียู" และสามารถคว้าอันดับ 3 ฟุตบอล [[ไทยลีก 2|ไทยลีกดิวิชัน 1]] พร้อมกับได้สิทธฺ์เลื่อนชั้นกลับขึ้นสู่ [[ไทยลีก|ไทยพรีเมียร์ลีก]] ในฤดูกาล 2555

ไฟล์:BBCUlogo.jpg|ฤดูกาลปัจจุบัน 2554-60

* ตราสโมสรสินธนา เดิมนั้นระบุปีที่ก่อตั้งเอาไว้เป็น ค.ศ. 1987 (พ.ศ. 2530) แต่หลังจากที่มีการสำรวจประวัติการก่อตั้งสโมสรใหม่ พบว่ามีกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับสโมสรเกิดขึ้นก่อนหน้านั้นถึง 11 ปี คือตั้งแต่ พ.ศ. 2519 โดยปี ค.ศ. 1987 นั้นเป็นเพียงปีที่สโมสรกำลังเตรียมทีมเพื่อส่งเข้าแข่งขัน [[ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานประเภท ง.|ถ้วยพระราชทาน ง]] ฤดูกาลแรกเท่านั้น

* สโมสรเปลี่ยนชื่อทีมจาก จุฬาฯ-สินธนา เป็น จุฬาฯ ยูไนเต็ด ระหว่างการแข่งขัน [[ไทยลีก|ไทยพรีเมียร์ลีก]] ฤดูกาล 2551 แต่เปลี่ยนเพียงแค่ชื่อ ยังคงใช้ตราสโมสรรูปพระเกี้ยวตามเดิมจนจบฤดูกาลจึงเปลี่ยนเป็นแบบใหม่

นับตั้งแต่มีการก่อตั้ง ทีมฟุตบอลบางเตย (บีบีซียู) ขึ้นในปี พ.ศ. 2519 เพื่อลงแข่งขันรายการ "บางกะปิ คัพ" ทีมใช้เวลากว่าสิบปีลงแข่งขันในรายการระดับสมัครเล่นต่างๆ ก่อนจะส่งทีมเข้าร่วมการแข่งขันของ [[สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์|สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย]] เป็นฤดูกาลแรกใน [[ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานประเภท ง.|ถ้วยพระราชทาน ง]] ฤดูกาล 2531

|'''[[ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานประเภท ง.|ถ้วยพระราชทาน ง]]'''

| align = left| - เลื่อนชั้นขึ้นสู่ [[ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานประเภท ค.|ถ้วยพระราชทาน ค]] ฤดูกาล 2532

|'''[[ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานประเภท ค.|ถ้วยพระราชทาน ค]]'''

| align = left| - เลื่อนชั้นขึ้นสู่ [[ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานประเภท ข.|ถ้วยพระราชทาน ข]] ฤดูกาล 2533

| rowspan = "3"|'''[[ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานประเภท ข.|ถ้วยพระราชทาน ข]]'''

| align = left| - เลื่อนชั้นขึ้นสู่ [[ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานประเภท ก.|ถ้วยพระราชทาน ก]] ฤดูกาล 2536

| rowspan = "3"|'''[[ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานประเภท ก.|ถ้วยพระราชทาน ก]]'''

| align = left| - เป็นฤดูกาลสุดท้ายที่ [[ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานประเภท ก.|ถ้วยพระราชทาน ก]] จัดการแข่งขันในฐานะฟุตบอลระดับสูงสุดของเมืองไทย

| rowspan = "2"| (จอห์นนีวอล์กเกอร์)<br />'''[[ไทยพรีเมียร์ลีก|ไทยแลนด์ซอกเกอร์ลีก]]'''

| align = left| - ประเทศไทยจัดการแข่งขันระบบลีกขึ้นเป็นครั้งแรก<br />- สโมสรได้ตำแหน่งรองชนะเลิศ [[ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน ควีนสคัพ (ฟุตบอล)|ควีนส์คัพ]]

| align = left| - ชนะเลิศ [[ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานประเภท ก.|ถ้วยพระราชทาน ก]]<br />- ชนะเลิศ [[ไทยเอฟเอคัพ (ไทย)|เอฟเอคัพ]] (ได้สิทธ์ลงแข่งขัน [[เอเชียนคัพวินเนอร์คัพ]] ฤดูกาล 1998/99 (ค.ศ.))

| rowspan = "3"| (คาลเท็กซ์)<br />'''[[ไทยพรีเมียร์ลีก|พรีเมียร์ลีก]]'''

| align = left| - ได้สิทธ์ลงแข่งขัน [[เอเอฟซีแชมเปียนส์ลีก|เอเชียนคลับแชมเปียนชิพ]] ฤดูกาล 1999/2000 (ค.ศ.) [ในฐานะแชมป์ลีก]<br />- ชนะเลิศ [[ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานประเภท ก.|ถ้วยพระราชทาน ก]]

| align = left| - เพล์ออฟหนีตกชั้นกับ [[สโมสรฟุตบอลกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย|สโมสรกรุงเทพคริสเตียน]] และชนะด้วยสกอร์รวม 2 นัด 3-2 ประตู<br />- รองชนะเลิศ [[ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน ควีนสคัพ (ฟุตบอล)|ควีนส์คัพ]]

| rowspan = "23" | (จีเอสเอ็ม)<br />'''[[ไทยพรีเมียร์ลีก|ไทยลีก]]'''

| align = left| - รองชนะเลิศ [[ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน ควีนสคัพ (ฟุตบอล)|ควีนส์คัพ]]

| align = left| - ตกชั้นลงสู่ [[ไทยลีกดิวิชัน 12|ไทยแลนด์ดิวิชัน 1]] ฤดูกาล 2547/482548

|'''[[ไทยลีกดิวิชัน 12|ไทยแลนด์ดิวิชัน 1]]'''

| align = left| - ตกชั้นลงสู่ [[ไทยลีกภูมิภาค ดิวิชัน 24|ไทยแลนด์ดิวิชัน 2]] ฤดูกาล 2549

|'''[[ไทยลีกภูมิภาค ดิวิชัน 24|ไทยแลนด์ดิวิชัน 2]]'''

| align = left| - เลื่อนชั้นขึ้นสู่ [[ไทยลีกดิวิชัน 12|ไทยแลนด์ดิวิชัน 1]] ฤดูกาล 2550

|'''[[ไทยลีกดิวิชัน 12|ไทยแลนด์ดิวิชัน 1]]'''

| align = left| - เลื่อนชั้นขึ้นสู่ [[ไทยพรีเมียร์ลีก|ไทยแลนด์พรีเมียร์ลีก]] ฤดูกาล 2551

|'''[[ไทยลีก|ไทยพรีเมียร์ลีก]]'''

| align = left| - ตกชั้นลงสู่ [[ไทยลีก 2|ไทยลีกดิวิชัน 1]] ฤดูกาล 2553

| rowspan = "2"|'''[[ไทยลีก 2|ไทยลีกดิวิชัน 1]]'''

| align = left| - เลื่อนชั้นขึ้นสู่ [[ไทยลีก|ไทยพรีเมียร์ลีก]] ฤดูกาล 2555

|(สปอนเซอร์)<br />'''[[ไทยลีก|ไทยพรีเมียร์ลีก]]'''

| align = left|- กำลังเตรียมตกชั้นลงทำการแข่งขันในสู่ [[ไทยลีก 2]] ฤดูกาลใหม่ 2560

** ระดับ 1 : (จอห์นนีวอล์กเกอร์) [[ไทยพรีเมียร์ลีก|ไทยแลนด์ซอกเกอร์ลีก]], (คาลเท็กซ์) [[ไทยพรีเมียร์ลีก|พรีเมียร์ลีก]], (จีเอสเอ็ม) [[ไทยพรีเมียร์ลีก|]], [[ไทยลีก|ไทยแลนด์พรีเมียร์ลีก]], (สปอนเซอร์) [[ไทยพรีเมียร์ลีก|ไทยแลนด์ไทยพรีเมียร์ลีก]], และ (สปอนเซอร์โตโยต้า) [[ไทยพรีเมียร์ลีก]]

** ระดับ 2 : [[ไทยลีก 2|ไทยแลนด์ดิวิชัน 1]], [[ไทยลีก 2|ไทยแลนด์ไทยลีกดิวิชัน 1]], และ [[ไทยลีกดิวิชัน 12]]

* '''[[ไทยลีกดิวิชั่น 12|ดิวิชัน'''ไทยลีก 1]]2''']] (ดิวิชัน 1 เดิม)

* '''[[ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานประเภท ก.|ถ้วยพระราชทาน ก]]'''

* '''[[ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานประเภท ก.|ถ้วยพระราชทาน ก (เดิม)]]''' {ในฐานะการแข่งขันระดับสูงสุดของเมืองไทย}

* '''[[ไทยเอฟเอคัพ (ไทย)|เอฟเอคัพ]]'''

* '''[[ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน ควีนสคัพ (ฟุตบอล)|ควีนส์คัพ]]'''

* '''[[ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานประเภท ข.|ถ้วยพระราชทาน ข (เดิม)]]''' {ในฐานะการแข่งขันระดับ 2 ของเมืองไทย}

* '''[[ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานประเภท ค.|ถ้วยพระราชทาน ง (เดิม)]]''' {ในฐานะการแข่งขันระดับ 4 ของเมืองไทย}