ผลต่างระหว่างรุ่นของ "จักรพรรดิเถี่ยว จิ"
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
บรรทัด 34:
หลังจากที่พระจักรพรรดิมิญหมั่งเสด็จสวรรคต ชาวกัมพูชาก่อการกบฎต่อต้านการปกครองของเวียดนาม สังหารข้าราชการชาวเวียดนามไปจำนวนมาก องเตียนกุนเจืองมิญสางจึงพยายามที่จะแก้ไขปัญหาโดยการนำกษัตรีองค์มีกลับมาครองกัมพูชาอีกครั้ง แต่ทว่าไม่ทันการฝ่ายกองทัพและฝ่ายการปกครองของเวียดนามไม่อาจตั้งอยู่ในกัมพูชาได้อีกต่อไป ในค.ศ. 1841 เจืองมิญสางจึงนำกองทัพเวียดนามพร้อมทั้งนักองค์มีล่าถอยกลับมายังเมืองโจฏก หรือ เจิวด๊ก (Châu Đốc) ในเวียดนามภาคใต้ เจืองมิญสางเกิดความน้อยเนื้อต่ำใจ ที่ไม่อาจรักษากัมพูชาไว้ได้ จึงกระทำการ[[อัตวินิบาตกรรม]]ดื่มยาพิษเสียชีวิตไปในที่สุด ในโอกาสนี้ [[เจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี)]] ยกทัพฝ่ายสยามเข้าครองนคร[[อุดรมีชัย|อุดงมีชัย]]และนคร[[พนมเปญ]]ได้อย่างรวดเร็ว [[พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว]]มีพระบรมราชโองการให้[[สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ากรมขุนอิศเรศรังสรรค์]] ทรงเป็นแม่ทัพเรือนำทัพเรือสยามเข้าโจมตีเมืองบันทายมาศ และโปรดฯให้เจ้าพระยายมราชพร้อมทั้ง[[นักองค์ด้วง]]นำทัพบกยกไปทางเมืองโจฏก พระจักรพรรดิเถี่ยวจิมีพระราชโองการให้ เหงียนจิเฟือง (Nguyễn Tri Phương, 阮知方) ยกทัพจากเมืองไซ่ง่อนเข้าช่วยเหลือและป้องกันเองบันทายมาศจากการโจมตีของทัพเรือสยาม ฝ่ายทัพเรือสยามเมื่อทราบว่าฝ่ายเวียดนามกำลังจะยกทัพใหญ่มาช่วยเมืองบันทายมาศ และลมมรสุมไม่เอื้ออำนวย จึงยกทัพเรือถอยออกจากเมืองบันทายมาศ<ref>http://vajirayana.org/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%9E%E0%B8%87%E0%B8%A8%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%94%E0%B8%B2%E0%B8%A3-%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B8%87%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%99%E0%B9%82%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B9%8C-%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%8A%E0%B8%8A%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88-%E0%B9%93/%E0%B9%91%E0%B9%98%E0%B9%92-%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%88%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%96%E0%B8%96%E0%B8%B6%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%9A%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%96%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%97%E0%B8%B1%E0%B8%9E%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B8%AD</ref> เหงียนจิเฟืองเมื่อเห็นว่าทัพเรือสยามยกกลับไปแล้ว จึงยกทัพเข้าโจมตีทัพสยามของเจ้าพระยายมราชและนักองค์ด้วงที่เมืองโจฏกแตกพ่ายไป
ใน[[ค.ศ. 1845]] กองทัพฝ่ายเวียดนามยกทัพมายึดเมืองพนมเปญจากสยามกลับไปได้สำเร็จอีกครั้ง และยกทัพเข้ารุกรานเมืองอุดงมีชัย แต่ยังไม่ทันที่กองทัพจะถึงเมืองอุดง เจ้าพระยาบดินทรเดชานำทัพสยามเข้าโจมตีทัพเวียดนามอย่างไม่ทันรู้ตัวจนแตกพ่ายไป<ref>http://vajirayana.org/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%9E%E0%B8%87%E0%B8%A8%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%94%E0%B8%B2%E0%B8%A3-%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B8%87%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%99%E0%B9%82%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B9%8C-%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%8A%E0%B8%8A%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88-%E0%B9%93/%E0%B9%92%E0%B9%91%E0%B9%94-%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%9A%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B5%E0%B8%97%E0%B8%B1%E0%B8%9E%E0%B8%8D%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%95%E0%B8%81%E0%B8%96%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%84%E0%B8%9B</ref> ฝ่ายเวียดนามจึงตั้งมั่นอยู่ที่นครพนมเปญ เมื่อสงครามระหว่างเวียดนามและสยามดำเนินมาเป็นเวลาหลายสิบปีอย่างไม่ประสบผล ทั้งฝ่ายต่างคุมเชิงกันไม่สามารถเอาชนะซึ่งกันและกันได้ สูญเสียกำลังคนและทรัพยากร การเจรจาจึงเริ่มขึ้นด้วยการราชสำนักเวียดนามมีพระราชสาสน์ไปถึงนักองค์ด้วงว่า หากยอมสวามิภักดิ์ต่อเมืองเว้จะมอบเชื้อพระวงศ์เขมรที่เคยถูกจับไปเป็นองค์ประกันที่เมืองเว้กลับคืนให่แก่นักองค์ด้วง<ref>http://vajirayana.org/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%9E%E0%B8%87%E0%B8%A8%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%94%E0%B8%B2%E0%B8%A3-%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B8%87%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%99%E0%B9%82%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B9%8C-%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%8A%E0%B8%8A%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88-%E0%B9%93/%E0%B9%92%E0%B9%91%E0%B9%98-%E0%B8%8D%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B8%B9%E0%B8%94%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%9A%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B5</ref> ทางฝ่ายสยามส่งราชฑูตไปเจริญสัมพันธไมตรียังเมืองเว้ใน[[ค.ศ. 1846]] แม้ว่าทางราชสำนักเวียดนามจะต้อนรับฑูตสยามอย่างเย็นชาและพระจักรพรรดิเถี่ยวจิทรงไม่ตรัสปราศรัยกับคณะฑูตสยามแต่ประการใดเลยก็ตาม<ref>http://vajirayana.org/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%9E%E0%B8%87%E0%B8%A8%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%94%E0%B8%B2%E0%B8%A3-%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B8%87%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%99%E0%B9%82%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B9%8C-%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%8A%E0%B8%8A%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88-%E0%B9%93/%E0%B9%92%E0%B9%93%E0%B9%91-%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%97%E0%B8%B9%E0%B8%95%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B9%84%E0%B8%9B%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%A7%E0%B9%89%E0%B9%80%E0%B8%9D%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%A7%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%94%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A1</ref>
==== การรุกรานของฝรั่งเศส ====
พระจักรพรรดิเถี่ยวจิทรงยืดถือหลักการลัทธิขงจื้อให้เป็นศาสนาประจำชาติเวียดนาม เฉกเช่นเดียวกับพระจักรพรรดิมิญหมั่งพระราชชนก นับตั้งแต่รัชสมัยของพระจักรพรรดิมิญหมั่ง มิชชันนารีชาวตะวันตกได้เข้ามาเผยแพ่หลักคำสอนของ[[ศาสนาคริสต์]]นิกาย[[โรมันคาทอลิก]] ราชสำนักเวียดนามมองว่าศาสนาคริสต์เป็นลัทธินอกรีต พระจักรพรรดิมิญหมั่งทรงมีพระราชโองการห้ามมิให้มิชชันนารีชาวตะวันตกเข้ามาเผยแพร่ศาสนาคริสต์ตั้งแต่ค.ศ. 1825 แต่ทว่าพระราชโองการนั้นถูกบังคับใช้อย่างไม่เต็มที่และยังคงมีมิชชันนารีชาวตะวันตกเข้ามาในเวียดนามอยู่เป็นจำนวนมาก ในช่วงปลายรัชสมัยมิญหมั่งจึงมีการกดขี่เข่มเหงประหารชาวคริสเตียนจำนวนมาก การประทุษร้ายชาวคริสเตียนในเวียดนามทั้งชาวตะวันตกและชาวเวียดนามนั้น เปิดโอกาสให้มหาอำนาจตะวันตกคือฝรั่งเศสใช้เป็นข้ออ้างในการเข้ายึดดินแดนเวียดนาม มิชชันนารีดอมีนิก เลอแฟบฟวร์ (Dominique Lefèbvre) ได้ลักลอบเดินทางเข้ามายังอาณาจักรดั่ยเหวียดเพื่อเผยแพร่ศาสนาในค.ศ. 1838 รัชกาลพระเจ้ามิญหมั่ง
[[ไฟล์:Gold lang Thieu Tri CdM.jpg|thumb|left|100px|เหรียญที่ใช้ในรัชสมัยของพระองค์]]
ใน[[ค.ศ. 1843]] ฝรั่งเศสได้นำเรือรบชื่อว่า เอรวน (''Héroine'') มาปิดล้องเมืองท่า[[ดานัง]] หรือที่ฝรั่งเศสเรียกว่า[[ดานัง|ตูราน]] (Tourane) เพื่อกดดันให้ราชสำนักเวียดนามปล่อยตัวมิชชันนารีห้าคนซึ่งถูกจองจำไว้ในเมืองเว้ ทางราชสำนักเวียดนามจึงยอมปล่อยตัวมิชชันนารีทั้งห้าคนโดยดี<ref>Jacob Ramsay Mandarins and Martyrs: The Church and the Nguyen Dynasty 2008 "The start of Thiệu Trị's reign saw, for example, an immediate revival of Buddhism at court. A devout Buddhist, Thiệu Trị ordered elaborate mourning rites for his father's funeral."</ref><ref>Nghia M. Vo Saigon: A History -2011 Page 59 "In March 1843, the Heroine arrived in Đà Nẳng harbor, asking for the release of five imprisoned missionaries. King Thiệu Trị complied."</ref> ในค.ศ. 1845 มิชชันนารี ดอมีนิก เลอแฟบฟวร์ ถูกจับตัวได้และได้รับการตัดสินโทษประหารชีวิต ทางการฝรั่งเศสจึงร้องขอต่อราชสำนักเมืองเว้ ผ่านทางเรือรบของสหรัฐอเมริกาที่ชื่อว่า ยูเอสเอส คอนสติทิวชั่น (USS ''Constitution'') ซึ่งนำโดยกัปตันจอห์น เพอร์ซิวัล (John Percival) การเจรจาของนายจอห์นเพอร์ซิวัลกับราชสำนักเวียดนามในการปล่อยตัวมิชชันนารีไม่เป็นผล ประกอบกับการที่สหราชอาณาจักรเพิ่งจะได้รับชัยชนะเหนือจักรวรรดิจีน[[ราชวงศ์ชิง]]ใน[[สงครามฝิ่นครั้งที่หนึ่ง]] รัฐบาลฝรั่งเศสเกรงว่าสหราชอาณาจักรจะแผ่ขยายอิทธิพลในเอเชียตะวันออกแต่เพียงผู้เดียว จึงส่งแม่ทัพเรือ ฌ็ฮง- บาติสต์ เซซีย์ (Jean-Baptiste Cécille) นำทัพเรือฝรั่งเศสเข้ามาในทะเลจีนใต้เพื่อจัดการเรื่องจีนและเวียดนาม ราชสำนักเมืองเว้ยินยอมปล่อยตัวมิชชันนารีเลอแฟบฟวร์แต่โดยดี
แต่ทว่ามิชชันนารีเลอแฟบฟวร์ได้ลักลอบเดินทางเข้าไปในเวียดนามอีกครั้งใน[[ค.ศ. 1847]] และถูกจับได้พร้อมกับมิชชันนารีอีคนหนึ่งชื่อว่าดูโกล (Duclos) ฝ่ายแม่ทัพฝรั่งเศสเซซีย์เมื่อทราบว่ามิชชันนารีเลอแฟบฟวร์ถูกทางการเวียดนามจับกุมตัวอีกครั้ง จึงนำเรือรบสองลำชื่อว่า กลัวร์ (''Gloire'') และ วิกโตรืส (''Victorieuse'') เข้าปิดล้อมเมืองท่าดานังในวันที่ 23 มีนาคม ค.ศ. 1847 เพื่อกดดันให้ทางการเวียดนามปล่อยตัวมิชชันนารีทั้งสองคน และเรียกร้องให้พระจักรพรรดิเถี่ยวจิพระราชทานเสรีภาพในการนับถือศาสนาให้แก่ชาวคริสเตียนในเวียดนาม แต่ทว่าราชสำนักเวียดนามปฏิเสธการเจรจาใดๆ และส่งเรือรบเวียดนามหกลำเข้าโจมตีเรือกลัวร์และวิกโตรืส เรืองทั้งสองฝรั่งเศสจึงตอบโต้ด้วยการยิงปืนใหญ่เข้าทำลายเรือรบของเวียดนามไปสี่ลำ และสังหารทหารเวียดนามไปประมาณหนึ่งพันสองร้อยคน เมื่อเสร็จสิ้นการโจมตีแล้วแม่ทัพเซซีย์ได้นำเรืองฝรั่งเศสทั้งสองออกไปจากดานังทันที เมื่อประสบกับความพ่ายแพ้ราชสำนักเวียดนามจึงยินยอมปล่อยตัวมิชชันนารีทั้งสองแต่โดยดี
== อ้างอิง ==
|