Thomson Walt
เข้าร่วมเมื่อ 15 มกราคม 2559
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Thomson Walt (คุย | ส่วนร่วม) |
Thomson Walt (คุย | ส่วนร่วม) ล บ |
||
บรรทัด 200:
===เศรษฐกิจ===
{{further|เภสัชเศรษฐศาสตร์|การชี้วัดภาวะโรค}}
ในปี ค.ศ. 2009 ไลเนโซลิดจัดเป็น[[ยาปฏิชีวนะ]]ที่มีราคาค่อนข้างสูง โดยการรักษาในรอบหนึ่งๆ อาจมีใช้ค่าใช้จ่ายเฉพาะค่ายาชนิดนี้มากถึง 1000 – 2000 [[ดอลลาร์สหรัฐ]]<ref name=Lexi-Comp/> ซึ่งยังไม่รวมค่าใช้จ่ายอื่นๆ (อาทิ ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวเนื่องกับการเข้าพักรักษาในโรงพยาบาล) อย่างไรก็ดี เมื่อยานี้มีการใช้ในวงกว้างมากขึ้น ทำให้ค่าใช้จ่ายด้านยาในการรักษารอบหนึ่งๆ ในสหรัฐอเมริกาลดลงเป็นอย่างมาจาก โดยในปี ค.ศ. 2016 ค่าใช้จ่ายดังกล่าวอยู่ที่ประมาณ 137.90 [[ดอลลาร์สหรัฐ]]<ref name=Medi2016/> ในประเทศอินเดีย จากข้อมูลปี ค.ศ. 2015 การได้รับการรักษาด้วยไลเนโวลิด ซึ่งส่วนใหญ่ใช้สำหรับการรักษา[[วัณโรค]] เป็นระยะเวลา 1 เดือนจะมีค่าใช้จ่ายเฉพาะยานี้เพียง 137.90 [[ดอลลาร์สหรัฐ]]<ref name=WHO2015Use/> นอกจากนี้แล้ว เนื่องจากการบริหารยาไลเนโซลิดนั้นสามารถปรับเปลี่ยนวิธีการบริหารยาจากการฉีดเข้าหลอดเลือดดำเป็นการรับประทานทั้งในรูปแบบยาเม็ดหรือยาน้ำได้โดยไม่มีผลต่อประสิทธิภาพการรักษา ทำให้ผู้ป่วยอาจออกจากโรงพยาบาลได้เร็วขึ้นและทำการรักษาต่อที่บ้านโดยการใช้ยาในรูปแบบรับประทาน<ref name=Grau2008/> ซึ่งการลดระยะเวลาการพักรักษาในโรงพยาบาลเช่นนี้ก็ช่วยลดค่าใช้จ่ายรวมของการรักษาแม้ไลนีโซลิดจะมีราคาสูงก็ตามเมื่อเปรียบเทียบกับยาปฏิชีวนะขนานอื่นๆก็ตาม
ทั้งนี้ การศึกษาวิจัยในหลายประเทศพบว่า มีความแตกต่างของระบบที่ใช้ในการประเมินต้นทุน – ประสิทธิผล (cost-effectiveness analysis) ของไลเนโซลิดเทียบกับ[[ไกลโคเปปไทด์|ยากลุ่มไกลโคเปปไทด์]] เช่น [[แวนโคมัยซิน]] หรือ[[ไทโคพลานิน]] ผลการวิเคราะห์พบว่า ในการรักษา[[ปอดบวม|โรคปอดอักเสบชุมชน]] และ การติดเชื้อแบคทีเรียที่ผิวหนังและโครงสร้างผิวหนังแบบซับซ้อน (complicated skin and skin structure infection) ส่วนมากไลเนโซลิดจะมีความคุ้มค่าในเชิงต้นทุน – ประสิทธิผลมากกว่ายาปฏิชีวนะอื่นข้างต้น ซึ่งอาจเป็นผลมาจากทั้งอัตราการรักษาหายขาดและอัตราการรอดชีวิตที่สูงกว่า และค่ารักษาพยาบาลรวมทั้งหมดที่ต่ำกว่า<ref name=Grau2008/>
ในปี ค.ศ. 2009 [[ไฟเซอร์]]ได้จ่ายเงิน 2.3 พันล้าน[[ดอลลาร์สหรัฐ]] เพื่อคลี่คลายข้อกล่าวหาทางแพ่งและทางอาญาที่เกิดขึ้นเนื่องจากการส่งเสริมการขายที่ขัดต่อข้อตกลงเกี่ยวกับความมีคุณธรรมขององค์กร (Corporate Integrity Agreement; CIA) ของสำนักงานผู้ตรวจการสูงสุดของกระทรวงบริการเกี่ยวกับสุขภาพและมนุษย์แห่งสหรัฐอเมริกา (U.S. Office of Inspector General of
the Department of Health and Human Services; OIG) โดย[[ไฟเซอร์]]ได้ถูกกล่าวหาว่ามีเจตนาหลอกลวงให้เกิดความเข้าใจผิดในยาที่ต่างชนิดกัน, ส่งเสริมการขายยาที่มีขนาดสูงเกินไป รวมไปถึงมีการส่งเสริมการขายยาอื่นอย่างผิดกฎหมาย จำนวนทั้งสิ้น 4 ขนาน ซึ่ง 1 ในนั้นคือยาไลเนโซลิด<ref>{{cite news |url=http://news.bbc.co.uk/2/hi/business/8234533.stm |title=Pfizer agrees record fraud fine |publisher=BBC News |date=September 2, 2009 |accessdate=2009-09-12}}</ref> โดยในเงินจำนวนนี้ 1.3 พันล้าน[[ดอลลาร์สหรัฐ]] เป็นค่าปรับข้อหาเจตนาหลอกลวงให้เกิดความเข้าใจผิดในยาชื่อการค้า '''Bextra''' (ชื่อสามัญทางยาคือ [[วาลดีคอกซิบ]]) ในขณะที่ 1 พันล้านเหรียญสหรัฐเป็นค่าปรับในการส่งเสริมการขายยาที่ผิดกฏหมายจำนวน 3 รายการที่เหลือ โดยหนึ่งในนั้นคือ '''Zyvox''' ซึ่งเป็นชื่อการค้าของไลเนโซลิด<ref>{{cite news |url=https://www.nytimes.com/2009/09/03/business/03health.html |title=Pfizer pays $2.3 billion to settle marketing case |last=Harris |first=Gardiner |date=September 2, 2009 |work=[[The New York Times]] |accessdate=2009-09-12 |deadurl=no |archiveurl=https://web.archive.org/web/20110822013720/http://www.nytimes.com/2009/09/03/business/03health.html |archivedate=August 22, 2011 |df= }}</ref>
===ชื่อการค้า===
|