ผลต่างระหว่างรุ่นของ "จักรพรรดิเถี่ยว จิ"
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ลไม่มีความย่อการแก้ไข |
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
บรรทัด 21:
| signature = Nguyen Imperial Pennon (m1).png}}
'''สมเด็จพระจักรพรรดิเถี่ยว จิ''' ({{lang-vi|Thiệu Trị, 紹治}} ; 6 มิถุนายน ค.ศ. 1807 - 4 พฤศจิกายน ค.ศ. 1847)
==พระประวัติ==
=== ทรงพระเยาว์ ===
สมเด็จพระจักรพรรดิเถี่ยว จิ มีพระนามเดิมว่า '''เจ้าชายเหงียน ฟุก เมียน ตง''' ({{lang|vi|Nguyễn Phúc Miên Tông, 阮福綿宗}}) ประสูติเมื่อ[[ค.ศ. 1807]] เป็นพระราชโอรสองค์โตของเจ้าชาย เหงียน ฟุก ด๋าม (Nguyễn Phúc Đảm, 阮福膽) ที่ประสูติกับพระนางโห่ถิฮวา (Hồ Thị Hoa, 胡氏華) หลังจากที่เจ้าชายเหงียนฟุกเมียงตงประสูติได้สิบสามวัน พระนางโห่ถิฮวาพระมารดาประชวรสิ้นพระชนม์ เจ้าชายเหงียนฟุกด๋ามพระราชบิดาขึ้นครองราชสมบัติเป็น[[สมเด็จพระจักรพรรดิมิญ หมั่ง]]ใน[[ค.ศ. 1820]] เมื่อพระราชบิดาพระจักรพรรดิมิญหมั่งเสด็จสวรรคตเมื่อ[[ค.ศ. 1841]] เจ้าชายเหงียนฟุกเมียนตงในฐานะที่ทรงเป็นพระโอรสองค์โตจึงขึ้นครองราชสมบัติต่อมา ขณะนั้นพระชนมายุ 34 ชันษา ประกาศใช้รัชศก "'''เถี่ยว จิ'''" (Thiệu Trị, 紹治) แปลว่า "การปกครองที่ต่อเนื่อง"
=== รัชสมัย ===
==== อานามสยามยุทธ ====
พระจักรพรรดิเถี่ยวจิทรงรับช่วงต่อสงคราม[[อานัมสยามยุทธ|อานามสยามยุทธ]]มาจากรัชสมัยของพระราชบิดาพระจักรพรรดิมิญหมั่ง เวียดนามเข้าครอบครองอาณาจักรกัมพูชาไว้ตั้งแต่ปี[[ค.ศ. 1834]] โดยตั้งนักองค์มี ขึ้นเป็นกษัตรีองค์มีเป็นกษัตริย์หุ่นเชิดของราชสำนักเวียดนามในการปกครองกัมพูชา ผนวกกัมพูชาเข้าเป็นมณฑลหนึ่งของเวียดนามมีชื่อว่า เจิ๊นเต็ย (Trấn Tây, 鎮西) และมีเจืองมิญสาง (Trương Minh Giảng, 張明講) หรือที่รู้จักในพงศาวดารไทยว่า องเตียนกุน เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระจักรพรรดิมีอำนาจเหนือกัมพูชา นโยบายการกลืนชาติของพระจักรพรรดิมิญหมั่งสร้างความไม่พอใจให้แก่ชาวเขมร ชาวเขมรถูกบังคับให้นับถือ[[ลัทธิขงจื๊อ|ลัทธิขงจื้อ]]และแต่งกายแบบเวียดนาม ในค.ศ. 1841 พระจักรพรรดิมิญหมั่งทรงปลดกษัตรีองค์มีออกจากราชบัลลังก์เขมร ทำให้อาณาจักรเขมรปราศจากเจ้าปกครอง บรรดาขุนนางเขมรต่างตั้งตนเป็นอิสระ
หลังจากที่พระจักรพรรดิมิญหมั่งเสด็จสวรรคต ชาวกัมพูชาก่อการกบฎต่อต้านการปกครองของเวียดนาม สังหารข้าราชการชาวเวียดนามไปจำนวนมาก องเตียนกุนเจืองมิญสางจึงพยายามที่จะแก้ไขปัญหาโดยการนำกษัตรีองค์มีกลับมาครองกัมพูชาอีกครั้ง แต่ทว่าไม่ทันการฝ่ายกองทัพและฝ่ายการปกครองของเวียดนามไม่อาจตั้งอยู่ในกัมพูชาได้อีกต่อไป ในค.ศ. 1841 เจืองมิญสางจึงนำกองทัพเวียดนามพร้อมทั้งนักองค์มีล่าถอยกลับมายังเมืองโจฏก หรือ เจิวด๊ก (Châu Đốc) ในเวียดนามภาคใต้ เจืองมิญสางเกิดความน้อยเนื้อต่ำใจ ที่ไม่อาจรักษากัมพูชาไว้ได้ จึงกระทำการ[[อัตวินิบาตกรรม]]ดื่มยาพิษเสียชีวิตไปในที่สุด ในโอกาสนี้ [[เจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี)]] ยกทัพฝ่ายสยามเข้าครองนคร[[อุดรมีชัย|อุดงมีชัย]]และนคร[[พนมเปญ]]ได้อย่างรวดเร็ว [[พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว]]มีพระบรมราชโองการให้[[สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ากรมขุนอิศเรศรังสรรค์]] ทรงเป็นแม่ทัพเรือนำทัพเรือสยามเข้าโจมตีเมืองบันทายมาศ และโปรดฯให้เจ้าพระยายมราชพร้อมทั้ง[[นักองค์ด้วง]]นำทัพบกยกไปทางเมืองโจฏก พระจักรพรรดิเถี่ยวจิมีพระราชโองการให้ เหงียนจิเฟือง (Nguyễn Tri Phương, 阮知方) ยกทัพจากเมืองไซ่ง่อนเข้าช่วยเหลือและป้องกันเองบันทายมาศจากการโจมตีของทัพเรือสยาม ฝ่ายทัพเรือสยามเมื่อทราบว่าฝ่ายเวียดนามกำลังจะยกทัพใหญ่มาช่วยเมืองบันทายมาศ และลมมรสุมไม่เอื้ออำนวย จึงยกทัพเรือถอยออกจากเมืองบันทายมาศ<ref>http://vajirayana.org/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%9E%E0%B8%87%E0%B8%A8%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%94%E0%B8%B2%E0%B8%A3-%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B8%87%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%99%E0%B9%82%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B9%8C-%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%8A%E0%B8%8A%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88-%E0%B9%93/%E0%B9%91%E0%B9%98%E0%B9%92-%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%88%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%96%E0%B8%96%E0%B8%B6%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%9A%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%96%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%97%E0%B8%B1%E0%B8%9E%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B8%AD</ref> เหงียนจิเฟืองเมื่อเห็นว่าทัพเรือสยามยกกลับไปแล้ว จึงยกทัพเข้าโจมตีทัพสยามของเจ้าพระยายมราชและนักองค์ด้วงที่เมืองโจฏกแตกพ่ายไป
==== การรุกรานของฝรั่งเศส ====
สมเด็จพระจักรพรรดิเถี่ยว จิ ทรงเหมือนกับสมเด็จพระจักรพรรดิมิญ หมั่ง (พระราชชนกของพระองค์) และทรงยึดมั่นในนโยบายโดดเดี่ยวตัวเองและหลักการของ[[ลัทธิขงจื๊อ]] แม้พระองค์จะทรงได้รับการอบรมในลัทธิขงจื๊อมาอย่างสูง แต่พระองค์ก็มีพระประสงค์ที่จะรู้เรื่องของชาวตะวันตกอยู่บ้าง แต่ก็เช่นเดียวกับพระราชชนก คือ ยังคงไม่ไว้วางพระทัยชาวต่างชาติที่ไม่ใช่ชาวจีน ในเวลาเดียวกัน ทั้ง[[ฝรั่งเศส]]และ[[สหราชอาณาจักร]]ต่างพยายามแข่งกันล่าอาณานิคมและสร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งกับอินโดจีน และก็เช่นเดียวกับยุคสมัยของพระราชชนก พฤติการณ์ดังกล่าวได้ส่งผลให้[[มิชชันนารี]]ชาวสเปนและฝรั่งเศสที่ไม่สนใจการห้ามเผยแพร่ศาสนากลับเข้ามาในเวียดนามอีก เมื่อพระองค์ทรงสั่งจับกุมคุมขังมิชชันนารีเหล่านั้น ฝรั่งเศสจึงทำการตอบโต้ทันที ในปี ค.ศ. 1843 รัฐบาลฝรั่งเศสส่งทหารให้เดินทัพสู่อินโดจีน พร้อมคำสั่งให้ป้องกันและปกป้องผลประโยชน์ของฝรั่งเศส และขอให้ปล่อยมิชชันนารีโดยไม่ให้เกิดการกระทบกระทั่งความสัมพันธ์ระหว่างประเทศถ้าเป็นไปได้<ref>Jacob Ramsay Mandarins and Martyrs: The Church and the Nguyen Dynasty 2008 "The start of Thiệu Trị's reign saw, for example, an immediate revival of Buddhism at court. A devout Buddhist, Thiệu Trị ordered elaborate mourning rites for his father's funeral."</ref><ref>Nghia M. Vo Saigon: A History -2011 Page 59 "In March 1843, the Heroine arrived in Đà Nẳng harbor, asking for the release of five imprisoned missionaries. King Thiệu Trị complied."</ref>
|