เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
|
|
'''สงครามจีน-พม่า''' ({{lang-my|တရုတ်-မြန်မာ စစ်}}, {{lang-zh|中緬戰爭, 清緬戰爭}}) หรือ '''การบุกพม่าของราชวงศ์ชิง''' หรือ '''การทัพพม่าแห่งราชวงศ์ชิง''' ({{lang-en|Qing invasions of Burma, Myanmar campaign of the Qing Dynasty}}){{Sfn|Dai|2004|p=145}} เป็น[[การสงคราม]]ระหว่าง[[ราชวงศ์ชิง]]ของจีน กับ[[ราชวงศ์คองบอง]]ของพม่า กินเวลา 4 ปี ระหว่าง พ.ศ. 2308–2312 ตรงกับรัชสมัย[[จักรพรรดิเฉียนหลง]] กับ[[พระเจ้ามังระ]]
การสงครามครั้งนี้เริ่มขึ้นในระหว่างการทำสงครามระหว่าง ของอาณาจักรคองบองกับอาณาจักรอยุธยา และยาวไปจนถึง[[การเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สอง]] ใน พ.ศ. 2310 ที่[[อาณาจักรอยุธยา]]เสียเอกราชแก่ราชวงศ์คองบองของพม่า ในพงศาวดารพม่าระบุว่า พระเจ้ามังระมีพระราชสาส์นให้นายทหารและแม่ทัพในสงครามคราวนี่เร่งรีบกระทำการ และรีบเดินทางกลับพระนคร[[อังวะ]] เพื่อที่จะเตรียมการรับสงครามคราวนี้<ref>เทปสนทนาเรื่อง วาระสุดท้าย...ของ อาณาจักรอยุธยาและราชวงศ์อลองพญา โดย ดร.[[สุเนตร ชุตินธรานนท์]] [[วีระ ธีรภัทร]] (เมษายน พ.ศ. 2544)</ref><ref>ดนัย ไชยโยค. หน้า 87.</ref>
เหตุแห่งสงคราม มาจากความขัดแย้งระหว่างพม่ากับจีนในเรื่องหัวเมืองไทใหญ่ ซึ่งกองทัพพม่าได้ยกเข้าดินแดนไทใหญ่และรุกคืบไปเรื่อยๆ ทำให้พวกเจ้าฟ้าไทใหญ่ได้ไปขอความช่วยเหลือจากจีน ซึ่งทั้ง2สองมีพรมแดนติดต่อกันระหว่างจีนกับพม่าทาง[[มณฑลยูนนาน]]ในปัจจุบัน ซึ่งเคยมีปัญหามาก่อนตั้งแต่ยุค[[พระเจ้าบุเรงนอง]]แห่ง[[ราชวงศ์ตองอู]] โดยในครั้งนี้[[ราชวงศ์ชิง]] ซึ่งปกครองโดย[[จักรพรรดิเฉียนหลง]] ได้ส่งกองทหารจากแปดกองธงอันเกรียงไกรหมายเข้าทำลายพม่าให้สิ้นซากแต่ก็ต้องผิดหวังทุกครั้ง โดยในระหว่างสงคราม หลิวเจ้าแม่ทัพกองธงเขียว (บุกครั้งที่ 1) หยางอิงจวี่แห่งกองธงเขียว (บุกครั้งที่ 2) รวมถึงพระนัดดาหมิงรุ่ยแห่งแปดกองธง แม่ทัพแมนจูผู้เคยมีประสบการณ์สู้รบกับชาวเติร์กในเอเชียกลางมาแล้วอย่างโชกโชน (บุกครั้งที่ 3) ต้องฆ่าตัวตายหนีความอัปยศเพราะความพ่ายแพ้ โดยในการบุกครั้งที่ 4 จักพรรดิเฉียนหลงเรียกตัวองคมนตรีฟู่เหิง ซึ่งเป็นลุงของหมิงรุ่ย ผู้เคยมีประสบการณ์ในการรบกับมองโกล พร้อมด้วยแม่ทัพแมนจูอีกหลายนาย เช่น เสนาบดีกรมกลาโหม อากุ้ย แม่ทัพอาหลีกุ่น รวมทั้งเอ้อหนิง สมุหเทศาภิบาลมณฑลยูนนานและกุ้ยโจว ให้เตรียมการยกทัพเข้าโจมตีพม่าเป็นครั้งที่สี่ 4 โดยอาศัยกำลังทั้งจากทัพแปดกองธงและกองธงเขียว กองทัพต้าชิงสามารถรุกเข้าไปในดินแดนของพม่าได้ลึกพอสมควร แต่กองทัพของ [[เนเมียวสีหบดี]] ก็กลับมาได้ทัน สงครามเป็นไปอย่างดุเดือด กองทัพพม่าสามารถล้อมกองทัพต้าชิงเอาไว้ได้ แต่[[อะแซหวุ่นกี้]]ได้ตัดสินใจยุติสงครามที่ปล่าวประโยชน์ครั้งนี้ลง ด้วยการบีบให้กองทัพต้าชิงซึ่งติดอยู่ในวงล้อมตัดสินใจเจรจา
สงครามสิ้นสุดลงด้วยการเจรจาและบรรลุ[[สนธิสัญญากองตน]] โดยยึดเอาแนวเขตพรมแดนเดิม{{Sfn|Woodside|2002|pp= 256–262}} โดยทั้ง2สองฝ่ายต่างอ้างชัยชนะในสงครามครั้งนี้ และในสงครามครั้งนี้ยังทำให้พระเกียรติยศของ[[พระเจ้ามังระ]]เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด หลังจากก่อนหน้านี้กองทัพของพระองค์ก็สามารถพิชิตกรุงศรีอยุธยาได้ในเวลาไล่เลี่ยกัน รวมถึง[[อะแซหวุ่นกี้]] แม่ทัพฝ่ายพม่ามีชื่อเสียงขึ้นมา ก่อนจะมีบทบาทสำคัญต่อมาอีกหลายครั้งในภายหลังทั้งทางด้านการเมือง และการศึกสงคราม
== การบุกทั้ง 4 ครั้งของต้าชิง ==
* '''การบุกครั้งที่ 1''' ต้าชิงเลือกใช้กองธงเขียวของมณฑลหยุนหนาน ผสมกับกองกำลังไทใหญ่โดยมีหลิวเจ้าเป็นแม่ทัพ ซึ่งหลิวเจ้าถูก[[เนเมียวสีหตู]] แสร้งทำเป็นแพ้ หลิวเจ้าหลงกลตามไป ถูกกองทัพของเนเมียวสีหตูซุ่มโจมตีจนพ่ายแพ้
* '''การบุกครั้งที่ 2''' ต้าชิงยังเลือกส่งหยางอิงจวี่แห่งกองธงเขียวมา มาผสมกับกองกำลังไทใหญ่เช่นเดิมหมายพิชิตพม่าให้จงได้ แต่[[บาลามินดิน]]สามารถต้านทานการบุกของต้าชิงที่เมืองกองตนได้อย่างเด็ดขาด ประกอบกับการดักซุ่มโจมตีตัดเสบียงของพม่า ทำให้กองทัพต้าชิงพ่ายแพ้เป็นครั้งที่ 2
* '''การบุกครั้งที่ 3''' [[จักรพรรดิเฉียนหลง]] เห็นแล้วว่ากองธงเขียวไม่สามารถเอาชนะพม่าได้ จึงได้ส่งกองทัพที่ดีที่สุดของราชวงค์ชิงในยุคนั้นอย่าง[[กองทัพแปดกองธง|แปดกองธงอันเลื่องลือ]] และยังส่งแม่ทัพที่เก่งกาจที่สุดคนหนึ่งของราชวงค์ชิงอย่าง หมิงรุ่ยแห่งกองธงเหลือง ผู้พิชิตมองโกลและซินเจียงมาแล้ว โดยแบ่งกำลังเป็น 2 ส่วน แต่ครั้งนี้กองทัพต้าชิงก็ต้องมาเจอกับแม่ทัพที่ฝีมือดีที่สุดคนหนึ่งแห่งยุคอย่าง[[อะแซหวุ่นกี้]] ที่สามารถวางแผนล่อกองทัพต้าชิงมายังจุดที่ต้องการได้ โดยแสร้งทำเป็นแพ้ให้กองทัพต้าชิงบุกลึกเข้ามาเผชิญหน้ากับ[[พระเจ้ามังระ]] หมิ่งรุ่ยไม่สามารถเอาชนะได้ทำให้กองทัพถูกตรึงเอาไว้แถบชานเมืองอังวะนี้เอง ส่วนอะแซหวุ่นกี้ก็นำทัพกลับมาตีตลบหลังสามารถยึดเมืองต่างๆกลับคืนมาได้หมด ทำให้เส้นทางเสบียงของหมิ่งรุ่ยถูกตัดขาด อีกทาง[[บาลามินดิน]]ก็สามารถใช้กำลังทหาร 70007,000 นาย ต้านทานกองทัพต้าชิง20000 20,000 นาย เอาไว้ได้ที่เมืองกองตน สุดท้ายกองทัพต้าชิงที่บุกทางเส้นนี้ต้องถอยเนื่องจากเสียหายอย่างหนัก เมื่อกองหนุนพ่ายแพ้ไม่สามารถยึดเมืองกองตนได้ กองทัพหลักของหมิงรุ่ยที่บุกลึกเข้ามาก็ถูกล้อมและแทบไม่เหลือเสบียงแล้ว หมิงรุ่ยรู้จุดจบของศึกครั้งนี้ทันที และเลือกที่จะจบชีวิตตนอย่างมีเกียรติในแผ่นดินอังวะนี้เอง
* '''การบุกครั้งที่ 4''' จักรพรรดิเฉียนหลง ทรงตกพระทัยเป็นอย่างยิ่งต่อความพ่ายแพ้ของหมิ่งรุ่ยยอดแม่ทัพแห่งราชวงค์ชิง ครั้งนี้พระองค์ทรงเรียกองค์มนตรีฟู่เหิงนักการทหารผู้ยิ่งใหญ่แห่งต้าชิง กลับมารับตำแหน่งผู้บัญชาการ รวมถึงเสนาบดีกลาโหมอากุ้ย แม่ทัพใหญ่อาหลีกุน และเอ้อหนิง ซึ่งล้วนแต่เจนจบในพิชัยสงครามให้มารวมตัวกันเพื่อหวังพิชิตพม่าเป็นครั้งที่ 4 โดยคุมกองทัพที่ดีที่สุดของราชวงค์ชิงอย่างแปดกองธงมาอีกครั้งเพื่อจะสยบ[[พระเจ้ามังระ]]ให้จงได้ แต่ก็เป็นอีกครั้งที่ต้าชิงต้องมาเจอกับยอดแม่ทัพของ[[พระเจ้ามังระ]]อย่าง [[อะแซหวุ่นกี้]] [[บาลามินดิน]] [[เนเมียวสีหตู]] รวมถึง[[เนเมียวสีหบดี]]ที่กลับมาจากการศึกกับอยุธยา ซึ่งทั้งสี่คนนับเป็นหัวใจหลักที่สามารถต้านทานการบุกทั้งทางบก และทางทะเลของต้าชิงเอาไว้ได้ โดยครั้งนี้เป็นการออกไปรบป้องกันแถบชายแดน การสู้รบเป็นไปอย่างดุเดือดสุดท้ายกองทัพต้าชิงถูกกองทัพของพม่าล้อมเอาไว้ได้ แต่อะแซหวุ่นกี้ก็เลือกจบสงครามครั้งนี้ด้วยการเจรจา เกิดเป็น[[สนธิสัญญากองตน]] เป็นการจบสงครามระหว่าง [[พระเจ้ามังระ]] กับ [[จักรพรรดิเฉียนหลง]] ลงในวันที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2312
== ต่างอ้างชัยชนะ ==
|