ผลต่างระหว่างรุ่นของ "มาร์โกส โรโฆ"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Jmanuandi (คุย | ส่วนร่วม)
แก้ไขชื่อสโมสร
ป้ายระบุ: การแก้ไขแบบเห็นภาพ แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่
Jmanuandi (คุย | ส่วนร่วม)
เพิ่มข้อมูลนักเตะ
บรรทัด 15:
| years2 = 2011–2012 |clubs2 = [[สปาร์ตัคมอสโก]] |caps2 = 8 |goals2 = 0
| years3 = 2012–2014 |clubs3 = [[สปอร์ติกกลูบีดีปูร์ตูกาล|สปอร์ติงลิสบอน]] |caps3 = 49 |goals3 = 5
| years4 = 2014– |clubs4 = [[สโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด|แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด]] |caps4 = 5995 |goals4 = 12 <!-- LEAGUE STATS ONLY -->
| nationalyears1 = 2011– |nationalteam1 = [[ฟุตบอลทีมชาติอาร์เจนตินา|อาร์เจนตินา]] |nationalcaps1 = 54 |nationalgoals1 = 2
| pcupdate = 28 กุมภาพันธ์ 2015
 
}}
'''เฟาส์ตีโน มาร์โกส อัลเบร์โต โรโคโฮ''' ({{lang-es|Faustino Marcos Alberto Rojo}}) หรือที่รู้จักในชื่อ '''มาร์โกส โรโคโฮ''' เกิดเมื่อวันที่ 20 มีนาคม ค.ศ. 1990 [[นักฟุตบอล]][[ชาวอาร์เจนตินา]] ปัจจุบันเล่นกับ[[สโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด]] เล่นตำแหน่ง[[กองหลัง]] เป็นกองหลังดาวรุ่งจาก[[ฟุตบอลโลก 2014]] โดยเล่นให้กับทีมชาติอาร์เจนตินา โรโคโฮเริ่มอาชีพ[[นักฟุตบอล]]ที่สโมสรท้องถิ่น[[เอสตูเดียนเตสเดลาปลาตา]] และคว้าแชมป์[[โกปาลีเบร์ตาโดเรส]]ในปี ค.ศ. 2009 หลังจากนั้นเขาย้ายไปที่สโมสรสปาร์ตัคมอสโกและ[[สปาร์ตัคมอสโก]]และ[[สปอร์ติกกลูบีดีปูร์ตูกาล|สปอร์ติงลิสบอน]] หลังจากทำผลงานใน[[ฟุตบอลโลก 2014]] สโมสร[[สโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด|แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด]]ก็ซื้อตัวเขาไปในราคา 16 ล้านปอนด์
 
== ประวัติการค้าแข้ง ==
มาร์กอส โรโฮ เป็นกองหลังที่ดุดันตามแบบฉบับแข้งชาว[[ประเทศอาร์เจนตินา|อาร์เจนไตน์]] โดยมีสไตล์การเข้าสกัดที่รุนแรงซึ่งเป็นคุณสมบัติที่แฟนบอลชื่นชอบในถิ่น[[โอลด์แทรฟฟอร์ด|โอลด์ แทรฟฟอร์ด]] นักเตะจาก[[ทวีปอเมริกาใต้]] มีความชื่นชอบการปะทะทางร่างกายเหมือนกับที่มีให้รอยสัก โดยคำว่า '''''<nowiki/>'Pride'<nowiki/>''''' และ '''<nowiki/>'<nowiki/>''Glory''<nowiki/>'''' ถูกสลักลงบนต้นขาของเขา เพื่อส่งคำเตือนไปยังกองหน้ารายใดก็ตาม
 
โรโฮโชว์ผลงานโดดเด่นที่สุดตลอดช่วงเวลาสามปีกับ[[สโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด|แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด]]ใน[[พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2016–17|ฤดูกาล 2016/17]] ก่อนที่อาการบาดเจ็บเอ็นไขว้หน้าข้อเข่าฉีกขาดจะทำให้เขาต้องปิดเทอม ตำแหน่งปราการหลังตัวกลางเป็นจุดที่เปิดโอกาสให้ทุกคนตอนซีซั่นเริ่มต้นขึ้น และเขาก็คว้าเอาไว้ได้ โดยเป็นกำลังสำคัญในแผงแบ็คโฟร์ที่เหนียวแน่นที่สุดของลีก ทั้งความโหดเหี้ยมในจังหวะเข้าสกัดและความแข็งแกร่งในลูกกลางอากาศ โรโฮกลายเป็นกำลังสำคัญของทีมโดยพาต้นสังกัดคว้าแชมป์[[อีเอฟแอลคัพ|ลีก คัพ]]และ[[ยูฟ่ายูโรปาลีก|ยูโรป้า ลีก]]มาครอง
 
ฤดูกาลที่ประเดิมสนามกับ[[สโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด|แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด]]ของเขาต้องเผชิญกับอาการบาดเจ็บ รวมทั้งอาการไหล่หลุดในศึก[[แมนเชสเตอร์ดาร์บี|แมนเชสเตอร์ ดาร์บี้]] แมทช์ - โรโฮลงเล่นไปแค่ 26 นัด จากทุกรายการ แต่ก็ยิงประตูได้ในการแข่งขัน[[เอฟเอคัพ|เอฟเอ คัพ]] ที่เอาชนะ[[สโมสรฟุตบอลเคมบริดจ์ ยูไนเต็ด|แคมบริดจ์ ยูไนเต็ด]] 3-0 ปราการหลังสารพัดประโยชน์ของยูไนเต็ด ปิดฉาก[[พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2015–16|ฤดูกาล 2015/16]] ด้วยการรับใช้ทีมชาติในการแข่งขัน[[โคปาอเมริกา|โคปา อเมริกา]] จัดขึ้นที่ประเทศ[[สหรัฐ|สหรัฐอเมริกา]] แต่ต้องพบกับความผิดหวังในรอบชิงชนะเลิศเพราะ[[ฟุตบอลทีมชาติอาร์เจนตินา|ทีมชาติอาร์เจนติน่า]]พ่ายการดวลจุดโทษให้กับ[[ฟุตบอลทีมชาติชิลี|ทีมชาติชิลี]] ซึ่งถือเป็นเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในรอบชิงดำ ปี 2015
 
อาการบาดเจ็บบริเวณหัวไหล่ที่เคยเกิดขึ้นไปแล้วและอาการบาดเจ็บในส่วนอื่นทำให้ฤดูกาลที่สองของโรโฮกับปีศาจแดงต้องหยุดชะงัก แต่เขาได้ลงสนามมากขึ้นเป็น 28 นัด และคว้าเหรียญรางวัลแรกจากชัยชนะในศึกเอฟเอ คัพ รอบชิงชนะเลิศเหนือ[[สโมสรฟุตบอลคริสตัลพาเลซ|คริสตัล พาเลซ]]ที่[[สนามกีฬาเวมบลีย์|สนามเวมบลีย์]]
 
โรโฮได้รับความสนใจจากยูไนเต็ดตอนโชว์ฟอร์มโดดเด่นในการแข่งขันฟุตบอลโลก 2014 ซึ่งเขามีส่วนร่วมรับใช้ชาติ 6 จาก 7 นัด พลาดไปเพียงเกมเดียวในรอบก่อนรองชนะเลิศที่พบ[[ฟุตบอลทีมชาติเบลเยียม|ทีมชาติเบลเยี่ยม]]เนื่องจากติดโทษแบน กองหลังรายนี้ยังสามารถยิงประตูแรกให้กับอาร์เจนติน่าระหว่างการแข่งขันรอบแบ่งกลุ่มที่เอาชนะ[[ฟุตบอลทีมชาติไนจีเรีย|ทีมชาติไนจีเรีย]] 3-2 โดยนักวิเคราะห์ของ [[Castrol performance index|Castrol Index]] ยังได้เลือกให้เขาติดทีมยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเม้นต์ด้วยผลงานเฉลี่ย 9.5 เต็ม 10 คะแนนอีกด้วย
 
อเลฮานโดร ซาเบลล่า กุนซือ[[ฟุตบอลทีมชาติอาร์เจนตินา|ทีมฟ้าขาว]] ณ เวลานั้น เคยร่วมงานกับโรโฮสมัยอยู่ด้วยกันที่เอสตูดิอานเตส โดยเถลิงแชมป์[[โกปาลีเบร์ตาโดเรส|โคปา ลิเบอตาดอเรส]]ในปี 2009 และรับใช้ตอร์เนโอ้ อาแปร์ตูร่าหนึ่งปีหลังจากนั้น ถัดมาเขาได้ย้ายมาค้าแข้งที่ยุโรปกับสปาร์ตัก มอสโกว์ แต่ก็ไม่สามารถปรับตัวกับการใช้ชีวิตในรัสเซียให้อดีตต้นสังกัดของ[[เนมันยา วีดิช|เนมันย่า วิดิช]] อย่างไรก็แล้วแต่ โอกาสในการติดทีมชาติอาร์เจนติน่ายังไม่หายไป และเขาก็ได้มีส่วนร่วมลงแข่งขันโคปา อเมริกา ซึ่งก็ยังสามารถพิสูจน์คุณค่าในเวทีระดับสูงสุด
 
การย้ายไปค้าแข้งให้กับ[[สปอร์ติ้ง ลิสบอน|สปอร์ติ้ง]]เกิดขึ้นในช่วงซัมเมอร์ ปี 2012 ด้วยค่าตัวประมาณ 3.5 ล้านปอนด์ และหลังจากที่ปรับตัวเข้ากับชีวิตในลีกโปรตุเกส เขาสามารถโชว์ผลงานที่โดดเด่นตลอดฤดูกาล 2013/14 ช่วยให้ทีมจบในตำแหน่งรองแชมป์ตามหลัง[[สปอร์ลิชบัวอีไบฟีกา|เบนฟิก้า]] แม้ว่าจะลงประจำการในตำแหน่งแบ็ค-ซ้ายให้กับอาร์เจนติน่าเป็นส่วนใหญ่ แต่โรโฮมักถูกจับมายืนเป็นกองหลังตัวกลางในแนวรับของสปอร์ติ้งซึ่งถือว่าเหมาะสมกับแผงหลังสามคน ส่งผลประโยชน์ต่อมายังระบบการเล่น 3-5-2 ของ[[ลูวี ฟัน คาล|หลุยส์ ฟาน กัล]]ที่ยูไนเต็ด จึงได้ดึงเข้าร่วมทีม
 
'''''โรโฮ''''' - มีความหมายในภาษาสเปน แปลว่า '''<nowiki/>'<nowiki/>''สีแดง''<nowiki/>'''' ซึ่งโรโฮกลายเป็นผู้เล่นชาวอาร์เจนไตน์คนที่สี่ซึ่งย้ายมาอยู่กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตามหลัง[[ฮวน เซบาสเตียน เวรอน]] อดีตเพื่อนร่วมทีมเอสตูดิอานเตส, [[กาเบรียล ไฮน์เซ่]]และ[[การ์โลส เตเบซ|คาร์ลอส เตเบซ]]
 
== อ้างอิง ==