ผลต่างระหว่างรุ่นของ "พระยาบุรีรัตน์ (น้อยหนู มหายศปัญญา)"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
พีรวงค์ (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 7:
|วันพิราลัย = [[พ.ศ. 2455]]
|พระอิสริยยศ = พระยาบุรีรัตน์[[นครรัฐแพร่|นครแพร่]]
|พระบิดา = เจ้าบุรีรัตน์ (เจ้าหนานปัญญา)
|พระมารดา = แม่เจ้าเฮือนแก้ว
|ชายา = เจ้าคำ มหายศปัญญา<br />[[เจ้าจันทร์คำ บุรีรัตน์]]
บรรทัด 15:
}}
 
'''รองอำมาตย์เอก พระยาบุรีรัตน์ (น้อยหนู มหายศปัญญา)''' หรือ เจ้าน้อยหนู พระยาบุรีรัตน์องค์สุดท้ายแห่ง[[นครรัฐแพร่|นครแพร่]] และอดีตกรมการพิเศษ[[จังหวัดแพร่]] เป็นโอรสในพระยาบุรีรัตน์ (หนานปัญญา) กับแม่เจ้าเฮือนแก้ว (ราชนัดดา[[เจ้าหลวงเทพวงศ์ลิ้นตอง|เจ้าหลวงเทพวงศ์]])
 
==พระประวัติ==
พระยาบุรีรัตน์ (หนู มหายศปัญญา) หรือเจ้าน้อยหนู มหายศปัญญา เป็นโอรสในพระยาบุรีรัตน์ (หนานปัญญา หรือ เจ้าบุรีปัญญา) กับแม่เจ้าเฮือนแก้ว (ราชนัดดา[[เจ้าหลวงเทพวงศ์ลิ้นตอง|เจ้าหลวงเทพวงศ์]]) <ref>เจ้าหลวงเทพวงศ์ลิ้นตอง (ลิ้นทอง).หมู่บ้าน วังฟ่อน ดอตคอม</ref>และเป็นอนุชาของ[[แม่เจ้าบัวถา มหายศปัญญา]] ชายาองค์แรกใน[[เจ้าพิริยเทพวงษ์]] [[รายพระนามเจ้าผู้ครองนครแพร่|เจ้าผู้ครองนครแพร่]]องค์สุดท้าย และมีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องกับ[[เจ้าหลวงพิริยเทพวงศ์]] เจ้าน้อยหนู เดิมมีตำแหน่งเป็น "พระคำลือ" พระคำลือ[[นครรัฐแพร่|นครแพร่]] และเลื่อนเป็น "พระยาบุรีรัตน์" แทนเจ้าบิดาที่ถึงแก่พิราลัยลง เมื่อปี พ.ศ. 2443 ในตำแหน่งเสนาฝ่ายนานครแพร่ จาก[[สมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว]] นอกจากนี้ท่านยังทำสัมประทานป่าไม้ในเขตเมืองนครแพร่อีกด้วย
 
พระยาบุรีรัตน์ (น้อยหนู มหายศปัญญา) พิราลัยเมื่อปี พ.ศ. 2455 สิริอายุ 72 ปี
 
==เหตุการณ์กบฎเงี้ยวปล้นเมืองแพร่==
ในปี[[พ.ศ. 2445]] ได้เกิดความไม่สงบขึ้นในเมืองแพร่ โดยพวกไทใหญ่หรือเงี้ยวที่ได้เข้ามาอยู่อาศัยในเมืองแพร่ และทำมาหากินในการขุดพลอย ประเภทพลอยไพลินที่ตำบลบ่อแก้ว อำเภอเด่นชัย จังหวัดแพร่ในปัจจุบัน ได้ทำการก่อจลาจลในเมืองแพร่เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2445 จากเหตุการณ์ครั้งนี้ เจ้าหลวงนครแพร่ถูกกล่าวหาว่าคบกับพวกเงี้ยว เจ้าพิริยเทพวงษ์จึงต้องเสด็จหลีภัยการเมืองไปประทับเมือง[[หลวงพระบาง]] [[ประเทศลาว]]<ref name="พิราลัย">องค์การบริหารส่วนจังหวัดแพร่ [http://www.phraepao.go.th/ppao/index.php?option=com_content&view=article&id=212:2012-05-27-06-19-49&catid=61:2012-05-27-04-16-34&Itemid=58 ประวัติเจ้าพิริยเทพวงศ์ (เจ้าหลวงองค์สุดท้ายของเมืองแพร่)] เรียกดูเมื่อ 7 มิถุนายน 2556</ref> และได้พำนักอยู่ที่นั่นจนกระทั่งพิราลัยในปี [[พ.ศ. 2455]] ส่วนเจ้านายองค์อื่นๆถูกถอดยศศักดิ์ ถูกควบคุมลงไปกักตัวไว้ที่กรุงเทพฯ และให้ชดใช้ค่าเสียหายต่างๆ ร่วมถึงพระยาบุรีรัตน์ (หนู มหายศปัญญา) ก็ถูกภาคทัณฑ์ ให้ย้ายออกจากนครแพร่ชั่วคราว และงดสิทธิพิเศษต่างๆ จนกว่าจะแสดงความจงรักภักดีให้สยามพอใจ
 
==ชายาโอรส ราชบุตร ราชธิดา==
พระยาบุรีรัตน์ (น้อยหนู มหายศปัญญา) มีชายา 4 คน คือ
*แม่เจ้าคำ (ธิดาเจ้าน้อยชัยลังกา ราชบุตรโอรสในเจ้าราชวงศ์) <ref>เจ้าหลวงอินทวิชัย (อินต๊ะวิชัย) .หมู่บ้าน วังฟ่อน ดอตคอม</ref>มีบุตรโอรสธิดา 2 คน คือ
#เจ้าอินป๋ง มหายศปัญญา สมรสกับ เจ้าฟองสมุทร วราราช
#เจ้าสุนันตา วงศ์บุรี สมรสกับ [[หลวงพงษ์พิบูลย์ (เจ้าพรหม วงศ์พระถาง)]]
*คุณหญิง [[เจ้าจันทร์คำ บุรีรัตน์]] (ธิดาเจ้าพระเมืองแก่น พระเมืองแก่นนครแพร่) ไม่มีบุตรโอรสธิดาด้วยกัน
*หม่อมเมือง (ชาวสวรรคโลก) มีบุตรธิดา 2 คน คือ
#เจ้าสุธรรมมา หัวเมืองแก้ว สมรสกับเจ้าหนานไชยวงศ์ หัวเมืองแก้ว
#เจ้าสุจันตา มหายศปัญญา
*หม่อมสร มีบุตรธิดาโอรส 1 คน คือ
#เจ้าเดช มหายศปัญญา
 
==นามสกุล==
พระยาบุรีรัตน์ (น้อยหนู มหายศปัญญา) ได้รับพระราชทานนามสกุลจาก[[พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว]] ว่า ''' มหายศปัญญาปัณยา''' ในวันที่ 2 เมษษยน พ.ศ. 2462 โดยใช้ชื่อของเจ้าปู่ คือ พระยาบุรีรัตน์ (หนามหายศ) และเจ้าบิดา คือ พระยาบุรีรัตน์ (หนานปัญญา)
 
==เครื่องราชอิสริยาภรณ์==