ผลต่างระหว่างรุ่นของ "สมเด็จพระราชินีนาถแอนน์แห่งบริเตนใหญ่"
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
update (GlobalReplace v0.6.5) |
ล แทนที่ "เชอร์ชิลล์," → "เชอร์ชิล" +แทนที่ "มาร์ลเบรอ" → "มาร์ลบะระ" +แทนที่ "เชอร์ชิลล์" → "เชอร์ชิล... |
||
บรรทัด 41:
== เบื้องต้น ==
=== ทรงพระเยาว์ ===
[[ไฟล์:Sarah Churchill, Duchess of Marlborough.jpg|thumb|180px|ซาราห์
[[ไฟล์:James II & VII.jpg|right|thumb|180px|สมเด็จพระเจ้าเจมส์ที่ 2 พระราชบิดาของพระราชินีนาถแอนน์]]
[[ไฟล์:John Churchill Marlborough porträtterad av Adriaen van der Werff (1659-1722).jpg|thumb|180px|[[จอห์น
พระนางเจ้าแอนน์เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1665 ที่[[พระราชวังเซนต์เจมส์]] ใน[[กรุงลอนดอน]] เป็นพระราชธิดาพระองค์ที่สองของ[[สมเด็จพระเจ้าเจมส์ที่ 2 แห่งอังกฤษ]] และ[[เลดี้แอนน์ ไฮด์]]พระมเหสีองค์แรก นอกจากนั้นพระนางเจ้าแอนน์ยังเป็นพระนัดดาของ[[สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 2 แห่งอังกฤษ|สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 2]] และเป็นพระขนิษฐาของ[[สมเด็จพระราชินีนาถแมรีที่ 2 แห่งอังกฤษ|พระราชินีนาถแมรีที่ 2]] อีกด้วย พระราชินีนาถแอนน์และพระราชินีนาถแมรีเป็นพระราชธิดาเพียงสองพระองค์ของพระเจ้าเจมส์เท่านั้นที่ทรงมีชีวิตรอดมาจนโต <ref name="Lodge78"/> เจ้าหญิงแอนน์ทรงถูกส่งไป[[ฝรั่งเศส]]เมื่อยังทรงพระเยาว์เพื่อรักษาโรคตาอักเสบ ขณะประทับอยู่ที่ฝรั่งเศสนั้นทรงประทับอยู่กับพระอัยกี [[เฮนเรียตตา มาเรียแห่งฝรั่งเศส สมเด็จพระราชินีแห่งอังกฤษ|พระราชินีเฮนเรียตตา มาเรีย]]พระชายาใน[[สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 1 แห่งอังกฤษ]] เมื่อพระราชินีเฮนเรียตตาสิ้นพระชนม์จึงทรงย้ายไปประทับอยู่กับพระปิตุจฉา[[เจ้าหญิงเฮนเรียตตา แอนน์ สจวต]][http://en.wikipedia.org/wiki/Henrietta_Anne_Stuart] จนเสด็จกลับจากฝรั่งเศสเมื่อปี ค.ศ. 1670 [[ไฟล์:Anniex.jpg|thumb|180px|พระบรมราชินีนาถแอนน์ใน ค.ศ 1687]]
ราวปี ค.ศ. 1673 เจ้าหญิงแอนน์ทรงทำความรู้จักกับ[[ซาราห์
ในปี ค.ศ. 1673 การเปลี่ยนไปนับถือ[[นิกายโรมันคาทอลิก]]ของพระราชบิดาของเจ้าหญิงแอนน์ได้เป็นที่ทราบกันโดยทั่วไป แต่ยังมีพระราชโองการให้พระธิดาทั้งสองให้คงถูกเลี้ยงอย่างเคร่งครัดใน[[นิกายโปรเตสแทนต์]]ดั้งเดิม<ref>Innes (1913) p. 440</ref> เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม ค.ศ. 1683 เจ้าหญิงแอนน์ได้เข้าอภิเษกสมรสกับ [[จอร์จแห่งเดนมาร์ก เจ้าชายพระราชสวามี|เจ้าชายจอร์จแห่งเดนมาร์ก]]ผู้เป็นโปรเตสแทนต์ และพระอนุชาของพระเจ้าแผ่นดินเดนมาร์ก ([[สมเด็จพระเจ้าคริสเตียนที่ 5 แห่งเดนมาร์ก|พระเจ้าคริสเตียนที่ 5]]) ซึ่งการแต่งงานนี้เป็นสิ่งที่ไม่เป็นที่นิยมของประชาชนแต่เป็นเป็นการที่ถูกต้องในทางส่วนพระองค์<ref>Gregg (2001) , pp. 32–35</ref> [[ซาราห์
=== การขึ้นครองราชย์ของพระเจ้าเจมส์ที่ 2 ===
บรรทัด 58:
=== การปฏิวัติอันรุ่งโรจน์ ===
เจ้าหญิงแอนน์ทรงถูกพระเจ้าเจมส์ที่ 2 สั่งห้ามไม่ให้เสด็จไปเยี่ยมเจ้าหญิงแมรีที่เนเธอร์แลนด์ในฤดูใบไม้ผลิของปี ค.ศ. 1688 แต่ทั้งสองยังคงทรงเขียนจดหมายติดต่อกันและเจ้าหญิงแอนน์เองคงจะทรงทราบถึงแผนการการรุกรานของพระเจ้าวิลเลียมที่ 3 เป็นที่เชื่อกันว่าพระกรณียกิจของแอนน์ระหว่างช่วงเวลานี้มีอิทธิพลมาจากคำแนะนำที่ถวายโดยซาราห์และจอห์น
ในปี ค.ศ. 1689 รัฐสภาประกาศว่าการหลบหนีของพระเจ้าเจมส์เป็นการสละราชสมบัติโดยปริยายฉะนั้นบัลลังก์จึงว่างลง รัฐสภาจึงถวายราชบัลลังก์แก่เจ้าหญิงแมรี แต่ทรงยอมรับร่วมกับพระสวามีซึ่งทำให้เป็นสมัยสองกษัตริย์สมัยเดียวในประวัติการปกครองแบบราชาธิปไตยของอังกฤษ<ref>Ward, pp. 250–251</ref> และทรงออก[[พระราชบัญญัติสิทธิ ค.ศ. 1689]] ซึ่งเป็นพระราชบัญญัติการสืบราชบัลลังก์ที่กำหนดให้เจ้าหญิงแอนน์และผู้สืบราชบัลลังก์ต่อจากพระองค์และพระเจ้าวิลเลียม ตามด้วยผู้สืบเชื้อสายของพระเจ้าวิลเลียมที่อาจจะมีในอนาคต
=== วิลเลียมและแมรี ===
ไม่นานหลังจากที่ทรงขึ้นครองราชย์ พระเจ้าวิลเลียมและพระราชินีแมรีได้พระราชทานรางวัลให้แก่จอห์น
เมื่อพระราชินีนาถแมรีที่ 2 สวรรคตด้วยโรค[[ฝีดาษ]]เมื่อปี ค.ศ. 1694 พระเจ้าวิลเลียมที่ 3 จึงทรงปกครองราชบัลลังก์ด้วยพระองค์เองต่อมา ส่วนเจ้าหญิงแอนน์นั้นได้ทรงกลายเป็นรัชทายาทอันดับหนึ่งไปโดยปริยายตาม[[พระราชบัญญัติสิทธิ ค.ศ. 1689]] เพราะผู้สืบเชื้อสายของพระเจ้าวิลเลียมและพระชายาในอนาคตมีลำดับต่ำกว่าแอนน์ในลำดับการสืบสันติวงศ์ พระเจ้าวิลเลียมที่ 3 ทรงพยายามปรับปรุงความสัมพันธ์ระหว่างพระองค์กับเจ้าหญิงแอนน์เพื่อเพิ่มความนิยมต่อประชาชนซึ่งไม่ทรงเคยได้รับเท่าเทียมกับพระชายา ทรงคืนบรรดาศักดิ์ต่างๆ ที่เจ้าหญิงแอนน์เคยทรงเป็น พร้อมกับทรงอนุญาตให้เจ้าหญิงแอนน์กลับมาประทับอยู่ที่[[พระราชวังเซนต์เจมส์]] แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่ทรงให้เจ้าหญิงแอนน์ออกนอกหน้า และไม่ทรงยอมแต่งตั้งให้เป็น[[ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์]]ในยามที่ไม่ทรงสามารถปกครองด้วยพระองค์เองได้
ในปี ค.ศ. 1695 ทรงเอาใจเจ้าหญิงแอนน์โดยพระราชทานตำแหน่งต่างๆ คืนให้กับลอร์ดมาร์ล
=== พระราชบัญญัติการสืบสันตติวงศ์ ===
บรรทัด 81:
ทันทีที่เจ้าหญิงแอนน์เสด็จขึ้นครองราชย์เป็นพระราชินีนาถแอนน์ พระองค์ก็ทรงต้องเข้ามาเกี่ยวข้องกับ[[สงครามสืบราชบัลลังก์สเปน]] ซึ่งเป็นสงครามที่อังกฤษสนับสนุนสิทธิในการครองราชบัลลังก์สเปนของ[[สมเด็จพระจักรพรรดิคาร์ลที่ 6 แห่งโรมันอันศักดิ์สิทธิ์]]และเป็นสงครามที่ต่อเนื่องเรื่อยมาจนสิ้นสมัยของพระองค์และเป็นสงครามที่มีอิทธิพลต่อทั้งนโยบายการต่างประเทศและนโยบายภายในประเทศ
หลังจากนั้นก็ทรงแต่งตั้งพระสวามีขึ้นเป็น “ผู้บัญชาการทหารสูงสุด” (Lord High Admiral) ผู้มีอำนาจสูงสุดในราชนาวี และทรงมอบอำนาจการปกครองทหารบกให้แก่[[จอห์น
=== พระราชบัญญัติสหภาพ ===
เมื่อผ่าน[[พระราชบัญญัติการสืบสันตติวงศ์ ค.ศ. 1701]] รัฐสภาอังกฤษมิได้ปรึกษา[[รัฐสภาสกอตแลนด์]]ที่ส่วนหนึ่งมีความประสงค์ที่จะรักษาราชบัลลังก์ไว้กับราชวงศ์สจวตและรักษาสิทธิในการเลือกผู้สืบราชบัลลังก์<ref>Gregg (2001) , pp. 130-131</ref> ทาง[[ราชอาณาจักรสกอตแลนด์]]จึงตอบโต้กลับด้วยการออก[[พระราชบัญญัติเพื่อความปลอดภัย ค.ศ. 1704]] ซึ่งเป็นพระราชบัญญัติที่ระบุว่าเมื่อสิ้นสุดจากพระราชินีนาถแอนน์แล้ว สกอตแลนด์มีอำนาจที่จะเลือกประมุขพระองค์ต่อไปสำหรับราชบัลลังก์สกอตแลนด์จากผู้สืบเชื้อสายของราชวงศ์ของสกอตแลนด์ (ผู้ที่ได้รับเลือกโดยสกอตแลนด์จะไม่เป็นผู้เดียวกับผู้เดียวกับผู้ปกครอง[[ราชอาณาจักรอังกฤษ]] นอกจากว่าถ้าสถานะการณ์ทางศาสนา เศรษฐกิจ และทางการเมืองจะเป็นที่ตกลงกันได้) แต่พระราชบัญญัติฉบับนี้มิได้รับการยอมรับจนเมื่อสกอตแลนด์ขู่ว่าจะถอนตัวจากกองทัพของดยุกแห่งมาร์ล
แต่ความที่รัฐสภาอังกฤษเกรงว่าสกอตแลนด์จะหันกลับไปเป็นพันธมิตรกับฝรั่งเศสถ้าสกอตแลนด์ได้รับเอกราช ทางการอังกฤษจึงได้ออก[[พระราชบัญญัติต่างด้าว ค.ศ. 1705]] (Alien Act 1705) เป็นการตอบโต้ซึ่งเป็นพระราชบัญญัติที่ระบุว่าอังกฤษจะต่อต้านสกอตแลนด์ทางเศรษฐกิจและจะประกาศให้ชาวสกอตแลนด์เป็นคนต่างด้าวทั้งหมด (ซึ่งเป็นการทำให้มีผลกระทบกระเทือนต่อสิทธิในการเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ของชาวสกอตแลนด์ในอังกฤษ) นอกจากว่าสกอตแลนด์จะยกเลิก “พระราชบัญญัติเพื่อความปลอดภัย” และเข้ารวมตัวกับอังกฤษ สกอตแลนด์เลือกประการหลัง ด้วยเหตุนี้สกอตแลนด์จึงส่งผู้แทนมาเจรจาต่อรองในการรวมตัวกับอังกฤษเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม ค.ศ. 1706 ข้อตกลงได้รับการอนุมัติจากรัฐสภาสกอตแลนด์เมื่อวันที่ 16 มกราคม ค.ศ. 1707 ภายใต้[[พระราชบัญญัติสหภาพ ค.ศ. 1707]]อังกฤษและสกอตแลนด์จึงกลายเป็นอาณาจักรเดียวกันในชื่อ '''“บริเตนใหญ่”''' เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม ค.ศ. 1707 <ref>Benians, pp.90–91</ref>
บรรทัด 91:
ในรัชกาลของพระราชินีนาถแอนน์การปกครองของรัฐสภาวิวัฒนาการแยกเป็นสองพรรค: [[พรรคทอรี]]และ[[พรรควิก (สหราชอาณาจักร)|พรรควิก]] พระองค์เองโปรดพรรคทอรีมากกว่าแต่ก็ทรง “ทน” พรรควิก
องค์มนตรีชุดแรกของพระราชินีนาถแอนน์มาจากพรรคทอรีโดยมี[[ซิดนีย์ โกโดลฟิน เอิร์ลแห่งโกโดลฟินที่ 1]] (Sidney Godolphin, 1st Earl of Godolphin) เป็นหัวหน้าแต่พรรควิกซึ่งไม่เห็นด้วยกับพรรคทอรีในการสนับสนุน[[สงครามสืบราชบัลลังก์ออสเตรีย]] พรรควิกยิ่งมีอิทธิพลมากขึ้นเมื่อดยุกแห่งมาร์ล
=== การสิ้นพระชนม์ของเจ้าชายจอร์จ ===
[[จอร์จแห่งเดนมาร์ก เจ้าชายพระราชสวามี|เจ้าชายจอร์จแห่งเดนมาร์ก]]พระสวามีของพระราชินีนาถแอนน์สิ้นพระชนม์เมื่อเดือนตุลาคม ค.ศ. 1708<ref>Gregg (2001) , p. 281</ref> การเป็นผู้นำทางราชนาวีของพระองค์ไม่เป็นที่นิยมต่อพรรควิก ขณะที่ทรงนอนประชวรพรรควิกก็วางแผนที่จะปลดพระองค์จากตำแหน่ง “ผู้บัญชาการทหารสูงสุด” พระราชินีนาถแอนน์จึงทรงขอให้ดยุกแห่งมาร์ล
พระราชินีนาถแอนน์ทรงโทมนัสจากการสูญเสียพระสวามีเป็นอันมากและสิ่งนี้เองเป็นจุดที่ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างพระองค์และดัชเชสแห่งมาร์ล
พรรควิกฉวยโอกาสในการสิ้นพระชนม์ของเจ้าชายจอร์จในขณะที่พระราชินีนาถแอนน์ยังทรงโศรกเศร้าโดยไม่ยอมรับพระราชประสงค์และก่อตั้งรัฐบาลที่นำโดยพรรควิกที่นำโดย ซิดนีย์ โกโดลฟิน เอิร์ลแห่งโกโดลฟินที่ 1 แต่อำนาจของพรรควิกยังถูกจำกัดอยู่เนื่องจากพระราชินีนาถแอนน์ทรงยืนยันที่จะทำหน้าที่ “ผู้บัญชาการทหารสูงสุด” ด้วยพระองค์เองโดยไม่ยอมแต่งตั้งผู้ใดจากพรรควิกมาแทนพระสวามี แต่พรรควิกไม่สนใจและเรียกร้องให้ทรงตั้งเอ็ดเวิร์ด รัสเซลล์ เอิร์ลแห่งอ็อกฟอร์ดที่ 1 ซึ่งเป็นผู้ต่อต้านคนสำคัญของเจ้าชายจอร์จดำรงตำแหน่งนั้น พระราชินีนาถแอนน์ทรงปฏิเสธอย่างเด็ดขาดและทรงเลือกคนของพระองค์เอง โธมัส เฮอร์เบิร์ต,เอิร์ลแห่งเพ็มโบรคที่ 8 ขึ้นเป็น “ผู้บัญชาการทหารสูงสุด” คนใหม่เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน ค.ศ. 1709 แต่พรรควิกก็สร้างความกดดันจนเอิร์ลแห่งเพ็มโบรคต้องลาออกเพียงเดือนเดียวหลังจากที่ได้รับแต่งตั้ง ในที่สุดพระราชินีนาถแอนน์จึงทรงยอมแต่งตั้งเอ็ดเวิร์ด รัสเซลล์ เอิร์ลแห่งอ็อกฟอร์ดตามที่พรรควิกต้องการ
บรรทัด 114:
รัชกาลของพระราชินีนาถแอนน์เป็นรัชสมัยที่องคมนตรีเริ่มมีอิทธิพลและอำนาจในการปกครองเพิ่มขึ้นและอำนาจของพระมหากษัตริย์ลดลง ในปี ค.ศ. 1708 พระราชินีนาถแอนน์เป็นพระมหากษัตริย์องค์สุดท้ายของอังกฤษที่ทรงใช้อำนาจในการไม่ทรงอนุมัติพระราชบัญญัติ การเปลี่ยนอำนาจจากพระมหากษัตริย์ไปสู่องคมนตรีมาเห็นชัดขึ้นในรัชสมัยของพระเจ้าจอร์จที่ 1 จนที่ปรึกษาประจำพระองค์เซอร์[[โรเบิร์ต วอลโพล เอิร์ลแห่งอ็อกฟอร์ดที่ 1]] (Robert Walpole, 1st Earl of Orford) มักจะถูกบรรยายว่าเป็น “[[นายกรัฐมนตรีแห่งสหราชอาณาจักร]]” คนแรก <ref>{{cite book | last = Eccleshall | first = Robert | title = Biographical Dictionary of British Prime Ministers | publisher = Routledge | date = 1998}}</ref>
พระราชินีนาถแอนน์มักจะทรงกังวลกับพระสุขภาพเพราะทรงเป็น[[โรคพอร์ฟิเรีย]] (porphyria) และเพราะความที่ไม่ทรงมีสุขภาพดีนักจึงเป็นการเปิดโอกาสให้เสนาบดีโดยเฉพาะโรเบิร์ต ฮาร์ลีย์ เอิร์ลแห่งอ็อกฟอร์ดและมอร์ติเมอร์ ดยุกและดัชเชสแห่งมาร์ล
สมัยของพระราชินีนาถแอนน์เป็นสมัยของศิลปะ วรรณกรรม และความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ ทางสถาปัตยกรรม [[จอห์น แวนบรูห์]]สร้างสิ่งก่อสร้างที่เด่นๆ เช่น[[ว้งเบล็นไฮม์]][http://commons.wikimedia.org/wiki/Image:Blenheim_Palace_IMG_3672.JPG]ให้แก่ดยุกและดัชเชสแห่งมาร์ล
ทางกฎหมาย, พระนามของพระราชินีนาถแอนน์มีส่วนเกี่ยวข้องกับกฎหมายลิขสิทธิ์สำคัญฉบับแรกของอังกฤษที่เรียกว่า “[[บทกฎหมายแอนน์]]” (Statute of Anne) ค.ศ. 1709 ซึ่งให้ลิขสิทธิ์งานเขียนต่อผู้ประพันธ์ทั้งหมดแทนที่จะเป็นของสำนักพิมพ์ตามที่เคยเป็นมา<ref>{{cite book | last = Morrissey | first = Lee | title = From the Temple to the Castle: An Architectural History of British Literature, 1660–1760 | publisher = University of Virginia Press | date = 1999 | url = http://books.google.com/books?vid=OCLC02069656&id=klMCAAAAQAAJ&pg=RA2-PA329&lpg=RA2-PA329&dq=%27brandy+nan%27}}</ref>
บรรทัด 139:
=== พระราชินีนาถแอนน์ในสมัยนิยม ===
* “
* “Das Grinsende Gesicht” ค.ศ. 1921 ภาพยนตร์เงียบออสเตรียสร้างจากนวนิยายเรื่อง “คนที่หัวเราะ” (The Man Who Laughs) โดย [[วิคเตอร์ ฮูโก]]
* “คนที่หัวเราะ” ค.ศ. 1928 ภาพยนตร์เงียบสร้างจากนวนิยายเรื่อง “คนที่หัวเราะ” โดย [[วิคเตอร์ ฮูโก]]
บรรทัด 211:
* [[พระราชบัญญัติเพื่อความปลอดภัย ค.ศ. 1704]]
* [[การปฏิวัติอันรุ่งโรจน์]]
* [[จอห์น
* [[ซาราห์
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
|