ผลต่างระหว่างรุ่นของ "สาธารณรัฐจีน (ค.ศ. 1912–1949)"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
บรรทัด 156:
รัฐบาลแห่งชาติของสาธารณรัฐจีนได้ก่อตั้งเป็นครั้งแรก ในวันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 1912 ที่เมือง[[นานกิง]] ({{Zh-all|c=南京市}}) โดยมี ดร.ซุน ยัตเซ็น เป็นประธานาธิบดีชั่วคราวคนแรก บรรดาผู้แทนจากมณฑลต่างๆทั่วประเทศจีนถูกส่งไปเพื่อยืนยันรับรองอำนาจของรัฐบาลแห่งชาติที่นานกิง และต่อมาก็มีการจัดตั้ง[[รัฐสภา]]ขึ้นเป็นครั้งแรก อำนาจของรัฐบาลแห่งชาตินี้มี จำกัด และอายุสั้น เนื่องจากสาธารณรัฐจีนอยู่ในช่วงยุคขุนศึก มียังการแบ่งนายพล หรือขุนศึก ได้ตั้งตนเป็นอิสระควบคุมทั้งภาคกลางและภาคเหนือของจังหวัดและมณฑลทั่วประเทศ การปฏิบัติหน้าที่ที่จำกัดโดยรัฐบาลชุดนี้ ประกอบไปด้วย การประกาศล้มล้างราชวงศ์ชิงอย่างเป็นทางการ [[จักรพรรดิผู่อี๋]] จักรพรรดิองค์สุดท้ายของราชวงศ์ชิง ถูกบีบบังคับให้ออกจาก[[พระราชวังต้องห้าม]]ในปี ค.ศ. 1917 อีกทั้งยังมีแนวนโยบายความคิดริเริ่มทางพัฒนาเศรษฐกิจ
 
อำนาจของรัฐสภากลายได้น้อยลง เมื่อได้มีการละเมิดรัฐธรรมนูญโดย นายพล[[ยฺเหวียน ชื่อไข่|หยวน ชื่อไข่]] และสมาชิกรัฐสภา[[พรรคก๊กมินตั๋ง]]ถูกกองทัพของนายพลหยวนบีบให้ยอมแพ้ อีกทั้งยังให้สมาชิกของในพรรคก๊กมินตั๋งสนับสนุนเขาด้วยการเสนอเงินจำนวน 1,000 [[ปอนด์สเตอร์ลิง]]เป็นการตอบแทน หยวนได้รักษาอำนาจของเขาโดยการส่งนายพลคนสนิทใกล้ชิดไปประจำตามจังหวัดและมณฑลทั่วประเทศจีนในฐานะผู้ปกครองแคว้น เมื่อนายพลหยวน ชื่อไข่ได้ฟื้นคืนระบอบจักรพรรดิและสถาปนาตั้งตนเป็นฮ่องเต้ นามว่า "[[จักรพรรดิหงเซียน]] (洪憲皇帝)" ได้มีการต่อต้านทั่วประเทศและเกิดการจราจลขึ้น เมื่อหยวนได้เสียชีวิต ในปี ค.ศ. 1913 รัฐสภาได้ถูกเรียกให้มีประชุมอีกครั้งเพื่อให้มีการปรับปรุงกฎหมายและรัฐธรรมนูญให้เกิดถูกต้องชอบธรรมให้กับรัฐบาลใหม่ อย่างไรก็ตามบรรดานายพลได้ถูกส่งไปประจำยังแคว้นต่างๆทั่วประเทศจีนได้ตั้งตนเป็นอิสระหลังจากการเสียชีวิตของหยวน ชื่อไข่ โดยไม่ขึ้นตรงกับรัฐบาลแห่งชาติอีกต่อไป ทำให้จีนเข้าสู่แห่งความแตกแยกหรือ [[ยุคขุนศึก]] แต่รัฐบาลแห่งชาติที่ไร้อำนาจก็ได้ดำรงอยู่อย่างกระท่อนกระแท่น เมื่อเกิด[[สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง]]ขึ้น สาธารณรัฐจีนได้เห็นสมควรที่จะเข้าร่วมกับฝ่ายสัมพันธมิตรเพื่อที่จะได้ยื่นข้อเสนอในการขอแก้ไขสนธิสัญญาไม่เป็นธรรมและเรียกร้องสิทธิสภาพนอกอาณาเขตกลับคืนมา แต่รัฐบาลแห่งชาติก็ยังคงลังเลเพราะต้องการดูสถานการณ์ความได้เปรียบในสงคราม เมื่อหลายประเทศตะวันตกและ[[จักรวรรดิญี่ปุ่น]]ได้บีบบังคับให้จีนประกาศสงครามกับเยอรมนี ทำให้สาธารณรัฐจีนต้องประกาศสงครามกับ[[จักรวรรดิเยอรมัน]]และเข้าร่วมฝ่ายสัมพันธมิตร แต่จุดประสงค์ที่แท้จริงคือเมื่อเยอรมันแพ้สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง เพื่อที่จะเลิกกิจการการถือครองเยอรมันและยึดครองบรรดาทรัพย์สิน ธุรกิจ ของชาวเยอรมันในประเทศจีน นอกจากนี้รัฐบาลแห่งชาติ สาธารณรัฐจีนยังมีรัฐบาลขุนศึกที่ต้องคอยรับมืออีกในช่วงเวลาเดียวกัน
 
รัฐบาลแห่งสาธารณรัฐจีนก่อตั้งขึ้นบนพื้นฐานของ[[รัฐธรรมนูญแห่งสาธารณรัฐจีน]]และหลัก[[ลัทธิไตรราษฎร์]] ซึ่งระบุว่า ''(สาธารณรัฐจีน) จะเป็นสาธารณรัฐประชาธิปไตยของประชาชน จะถูกปกครองร่วมกันโดยประชาชนและเพื่อประชาชน'' โดยได้รับแรงบันดาลใจจากวาทะของประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา [[อับราฮัม ลินคอล์น]] ที่ว่า ประชาธิปไตยเป็น การปกครองของประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชน<ref name="yb-2008">{{cite web|url=http://www.gio.gov.tw/taiwan-website/5-gp/yearbook/ch4.html |title=The Republic of China Yearbook 2008 / CHAPTER 4 Government |publisher=Government Information Office, Republic of China (Taiwan)|year=2008 |accessdate=2009-05-28}}{{Dead link|date=August 2010}}</ref>
 
ต่อมา [[เจียง ไคเช็ก]] ผู้นำการทหาร มือขวาผู้ที่ได้รับความไว้วางใจจาก ดร.ซุน ยัตเซ็น ได้เข้าปราบปรามเหล่าขุนศึกและรวบรวมประเทศให้เป็นหนึ่งและก่อตั้ง ''รัฐบาลคณะชาติ'' ขึ้นแทน โดยมีพรรคก๊กมินตั๋งเป็นพรรคหลัก ในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 1928 การประชุมสมัชชาภาคที่สี่ครั้งที่ 2 ของรัฐสภาแห่งชาติก๊กมินตั๋งที่จัดขึ้นในนานกิงผ่านการปฏิรูปกฎหมายของรัฐบาลคณะชาติ กฎหมายได้ระบุว่ารัฐบาลแห่งชาติจะถูกกำกับและควบคุมภายใต้คณะกรรมการบริหารกลางของพรรคก๊กมินตั๋ง กับคณะกรรมการรัฐบาลแห่งชาติซึ่งได้รับการเลือกตั้งจากคณะกรรมการกลางของพรรคก๊กมินตั๋ง ภายใต้รัฐบาลคณะชาติได้มีการก่อตั้งกระทรวงหลักขึ้น 7 กระทรวง ได้แก่ [[กระทรวงมหาดไทย]], [[กระทรวงการต่างประเทศ]], [[กระทรวงการเงิน]], [[กระทรวงการขนส่ง]], [[กระทรวงยุติธรรม]], [[กระทรวงการเกษตร]]และ[[กระทรวงการเหมืองแร่พาณิชย์]] และนอกจากนี้เช่น [[ศาลฎีกา]], และ[[สถาบันการศึกษา]]ทั่วไป
 
== การแบ่งเขตการปกครอง ==